สยามราชธานีสร้าง Sprint Tech คอมมูนิตี้สายดิจิทัล - Forbes Thailand

สยามราชธานีสร้าง Sprint Tech คอมมูนิตี้สายดิจิทัล


แรงงานสายเทคโนโลยี-ดิจิทัล ตลาดต้องการสูง แต่ขาดแคลนหนัก บมจ.สยามราชธานี จับมือ Thrive Venture Builder สตาร์ทอัพสัญชาติไทย สร้าง Sprint Tech คอมมูนิตี้แห่งการเรียนรู้ เปิดโปรแกรม Bootcamp ผลิตบุคลากรสู่สายงานเทคโนโลยี แก้ปัญหาว่างงานอย่างยั่งยืน


หนึ่งในอาชีพที่กำลังมาแรงและเป็นที่ต้องการตัวอย่างมากในปัจจุบัน คือ “กลุ่มอาชีพสายเทคโนโลยี” ที่มีความต้องการสูงมากในตลาดแรงงาน เนื่องจากระบบนิเวศทางธุรกิจ (Business Ecosystem) ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เป็นทั้งชนวน และตัวเร่งปฏิกิริยาให้ธุรกิจต่าง ๆ ต้องปรับตัวก้าวสู่โลกดิจิทัลกันมากขึ้น ขณะที่ขาดแคลนแรงงานด้านนี้อย่างมาก

ณัฐพล วิมลเฉลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สยามราชธานี (SO) กล่าวว่า อาชีพโปรแกรมเมอร์ รวมไปถึงอาชีพอื่นๆ ในสายงานไอที ที่เป็นผู้ขับเคลื่อนบริษัทให้เกิดการ Digitization เป็นที่ต้องการตัวมากขึ้นในเวลานี้ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น โดยสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ได้เปิดเผยถึง 10 อาชีพที่จะเป็นที่ต้องการและมีการเติบโตสูงในอนาคต ซึ่งกว่าครึ่งอยู่สายไอที อย่าง Data Scientist, Digital Transformation Specialist และ Software Developer

“ขณะที่ความต้องการแรงงานในสายงานนี้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่จำนวนแรงงานที่สามารถทำงานได้จริงกลับมีน้อยอย่างน่าใจหาย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทางสถาบันการศึกษาไม่สามารถผลิตบุคลากรได้ทันตามความต้องการของตลาด แต่ในทางตรงกันข้าม ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติชี้ให้เห็นว่า โควิด-19 ส่งผลให้อัตราการว่างงานพุ่งสูงขึ้นเป็นเท่าตัว จากร้อยละ 0.9 เมื่อช่วงต้นปี 2562 ขึ้นไปแตะร้อยละ 2.3 ในช่วงปลายปี 2564”

ณัฐพล กล่าวว่า กลุ่มคนว่างงานส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เรียนจบระดับอุดมศึกษา รองลงมาคือระดับวิชาชีพชั้นสูง หรือ ปวส. แสดงให้เห็นว่าการศึกษาขั้นสูงอาจจะไม่ใช่คำตอบเสมอไป หากไม่สามารถคาดการณ์ถึงความต้องการตลาดล่วงหน้าได้ และไม่สามารถเตรียมความพร้อมให้ผู้เรียนพัฒนาตนเองสู่สายอาชีพอื่นได้อย่างมีคุณภาพ

สำหรับสยามราชธานี หรือ SO เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการจ้างงานบุคลากรสายไอทีสูง เพราะเป็นผู้ให้บริการ Outsource พนักงานไอทีและโปรแกรมเมอร์ให้กับบริษัทต่างๆ เนื่องจากภาคธุรกิจล้วนต้องการบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์สูง แต่มักประสบปัญหาการสรรหาและคัดเลือกพนักงานที่เหมาะสมจากภาวะขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะตรงตามความต้องการของตลาด


จับมือ Thrive Venture ปั้นบุคลากร


ณัฐพล กล่าวว่า จากการทำงานใกล้ชิดกับลูกค้าในหลายๆ อุตสาหกรรม ทำให้เรารับรู้และเข้าใจว่าบริษัทต่างๆ รวมไปถึงตลาดแรงงานต้องการบุคลากรแบบใด และมีความเชื่อว่าประเทศไทยยังมีคนที่มีความสามารถอยู่อีกมากที่อาจไม่ได้รับโอกาสที่เหมาะสม จึงอยากพัฒนาคนให้เขามีพื้นฐาน สามารถเรียนรู้ต่อยอดได้ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นผลดีกับทั้งตัวคนทำงานและกับภาคธุรกิจด้วย

จากแนวคิดดังกล่าว จุดประกายความคิดที่จะพัฒนาการศึกษาในเมืองไทย และได้มาพบกับ Thrive Venture Builder สตาร์ทอัพที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้าน EduTech นำโดย นัททินี แซ่โฮ และร่วมกันก่อตั้ง Sprint Tech คอมมูนิตี้แห่งการเรียนรู้สำหรับผู้ที่ต้องการทำงานในสายงานเทคโนโลยี

นัททินี กล่าวว่า สังคมไทยมีความเหลื่อมล้ำสูง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ‘การศึกษาที่ดีมักจะมีราคาแพง’ แต่ด้วยความเชื่อที่ว่าเทคโนโลยีและนวัตกรรมจะเป็นตัวเชื่อมให้การศึกษาที่ดีสามารถเข้าถึงได้ในราคาที่ถูก หรือ ฟรี จึงอยากยื่นโอกาสนี้ให้กับคนที่มองเห็นและอยากเติบโตในสายงานนี้จริงๆ และเพื่อผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงนี้ ทาง Sprint Tech จึงได้ออกแบบหลักสูตร Full-Stack Developer Bootcamp ซึ่งเป็นโปรแกรมการเรียนรู้แบบ Workshop-based เน้นการฝึกฝนภาคปฏิบัติ เพื่อปูพื้นฐานและติดอาวุธให้กับผู้ที่อาจไม่มีความรู้ในสายงานนี้มาก่อน ให้มีทักษะและความพร้อมจนเริ่มต้นทำงานในสายงานเทคโนโลยีได้จริง

โดยจะเปิดรับผู้สมัครเรียนรุ่นแรก 50 คน และเมื่อเรียนจบหลักสูตร Full-Stack Developer Bootcamp แล้ว ยังมีโอกาสที่จะได้ฝึกงานกับหลากหลายบริษัทในเครือพันธมิตรของ SO และ Thrive Venture Builder อีกด้วย

“การทำงานบนคอมพิวเตอร์ เขียนโปรแกรม เป็นงานที่ทำได้ทุกที่บนโลก ในระยะยาว คนเรียนจะเรียนจากที่ไหนก็ได้ อยู่ต่างจังหวัดก็เรียนได้ และหางานทำได้ เรามองว่านี่เป็นโอกาสในการทำงานที่ดี และยังช่วยเพิ่มโอกาสให้กับคนในจังหวัดอื่นๆ ที่หลายครั้งมักจะไม่ได้รับโอกาสแบบเดียวกับคนที่อยู่กรุงเทพฯ และสาเหตุที่เราเลือกเปิดโปรแกรมนี้เป็นอันดับแรก เพราะเป็นสายงานที่มีความต้องการสูง ตลาดขาดแคลน เรียกว่าจบมาเป็นที่ต้องการตัวของบริษัทต่างๆ แน่นอน และยังเป็นสายงานที่ต่อยอดไปสู่อาชีพอื่นๆ ได้อีกมากมาย เราเชื่อว่านี่คือการให้โอกาสและการศึกษาที่ยั่งยืนจริงๆ” นัททินี กล่าว


อ่านเพิ่มเติม: เอ-วันกรุ๊ป ปรับโครงสร้างธุรกิจ ส่ง “เจน 3” พลิกโฉมโรงแรม-ร้านอาหาร


ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine