จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และ BARDA ร่วมลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อทำการวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 โดยบริษัทคาดว่าจะเริ่มวิจัยวัคซีนตัวเลือกทางคลินิกในเฟสแรกภายในเดือนกันยายน 2563 นี้
บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เผยผลการคัดเลือกวัคซีนที่จะใช้ต้านเชื้อโควิด-19 หลังจากเริ่มดำเนินการวิจัยตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยเป็นผลจากการต่อยอดความร่วมมือระหว่างบริษัท แจนเซ่น ฟาร์มาซูติกา ในเครือบริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และ สำนักวิจัยและพัฒนาขั้นสูงด้านชีวการแพทย์ (BARDA) พร้อมประกาศเร่งอัตราการผลิตอย่างรวดเร็วเพื่อจัดหาวัคซีนจำนวนกว่า 1 พันล้านโดสให้เพียงพอต่อความต้องการทั่วโลก บริษัทคาดว่าจะสามารถเริ่มการทดลองวัคซีนในมนุษย์เฟสแรกได้ภายในเดือนกันยายน 2563 เพื่อเข้าสู่กระบวนการรับรองทางกฎหมายและสามารถผลิตล็อตแรกเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินได้ในช่วงต้นปี 2564 กระบวนการทั้งหมดนี้ถือเป็นการดำเนินงานที่รวดเร็วเมื่อเทียบกับการพัฒนาวัคซีนทั่วไป BARDA ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของสำนักงานผู้ช่วยรัฐมนตรีฝ่ายการเตรียมความพร้อมและการตอบสนอง (ASPR) ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกา และ บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์สัน ได้ลงทุนร่วมกันกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนโครงการวิจัย พัฒนาและทดลองทางคลินิกของวัคซีน โดยบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันจะนำเอาแพลตฟอร์มการผลิตวัคซีนที่ได้รับการรับรอง และจัดสรรทรัพยากรทางด้านบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานทั่วไปจากทั่วโลกเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในครั้งนี้ นอกจากนี้ BARDA และบริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ยังได้จัดตั้งกองทุนเพิ่มเติมเพื่อรองรับการขยายฐานการวิจัยเพื่อค้นคว้าการรักษาและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ด้วย![](https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/000_GC2MU-300x200.jpg)
![](https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/C4DrmjiUkAExzGB-300x200.jpg)
วัคซีนต้านโควิด-19 ที่ได้รับการคัดเลือกของ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
ทันทีที่เริ่มมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด-19 จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ได้เริ่มวิจัยและทดลองหลากหลายวัคซีนที่มีศักยภาพในการต้านไวรัสนี้ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยทีมวิจัยจากบริษัท แจนเซ่น ฟาร์มาซูติกา ได้ร่วมมือกันกับ Beth Israel Deaconess Medical Center หน่วยงานในสังกัดคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เพื่อคิดค้นและทดลองวัคซีนมากมายโดยใช้เทคโนโลยี AdVac® ของแจนแซ่น ด้วยความร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์ในสถาบันวิชาการหลายแห่ง องค์ประกอบในวัคซีนต่าง ๆ ได้ถูกทดสอบเพื่อค้นหาองค์ประกอบที่มีศักยภาพมากที่สุด ในการสร้างการตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันในการทดลองระดับพรีคลินิก จากการดำเนินงานครั้งนี้ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ได้รับคัดเลือกให้เป็นวัคซีนตัวแรกที่จะถูกใช้ในการป้องกันโควิด-19 (โดยมีตัวสำรองอีก 2 รายการ) ซึ่งจะเริ่มต้นเข้าสู่กระบวนการผลิตขั้นตอนแรกต่อไป ภายใต้กรอบเวลาที่เร่งรัดนี้ บริษัทตั้งเป้าที่จะเริ่มการศึกษาทางคลินิกเฟสหนึ่งภายในเดือนกันยายนปีนี้ คาดว่าข้อมูลทางคลินิกด้านความปลอดภัยและประสิทธิผลจะออกมาภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งอาจจะทำให้สามารถผลิตวัคซีนเพื่อการใช้ฉุกเฉินได้ในช่วงต้นปีหน้า และเมื่อเทียบกับขั้นตอนการพัฒนาวัคซีนทั่วไปแล้ว กระบวนการดังกล่าวต้องผ่านการวิจัยในขั้นต่าง ๆ ซึ่งอาจใช้เวลารวมกันนานถึง 5-7 ปี ก่อนที่จะได้รับการคัดเลือกเป็นวัคซีนเพื่อขอรับการอนุมัติต่อไป ตามที่ประกาศไปในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัทและ BARDA ได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรทั่วโลก เพื่อตรวจคัดกรองแหล่งข้อมูลของแจนเซ่นซึ่งมีการเก็บโมเลกุลของยาต้านไวรัสไว้ เพื่อเร่งค้นหาวิธีรักษาโควิด-19 ให้เร็วขึ้น โรคโควิด-19 มีต้นเหตุจากกลุ่มไวรัสที่มีชื่อว่าโคโรนาซึ่งทำลายระบบทางเดินหายใจ ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีน การรักษา หรือยารักษาโควิด-19 ใด ๆ ที่ได้รับการอนุมัติไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine