Pfizer เล็งผลเลิศ วัคซีนโควิด-19

<h2>ภาคเอกชนร่วมสู้โควิด-19 บริษัทต่างๆ และคนรวยจากทุกวงการกำลังช่วยกันชะลอการระบาดของไวรัสและหายารักษา</h2>
เฉกเช่นผู้ผลิตรถยนต์ที่หันไปผลิตรถถังและเครื่องบินในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทุกวันนี้ ไวรัสโคโรนา ทำให้บริษัทต่างๆ ปรับสายการผลิตของตนเพื่อใช้ผลิตตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ล้างมือฆ่าเชื้อ (LVMH) ไปจนถึงหน้ากากป้องกันระบบทางเดินหายใจ (Ford, GE) มหาเศรษฐีนักประดิษฐ์ James Dyson แห่งสหราชอาณาจักรประกาศว่า บริษัทเครื่องดูดฝุ่นของเขาจะเริ่มผลิตเครื่องช่วยหายใจ

ส่วนบริษัทผลิตยา BioNTech ของเยอรมนี ซึ่งมีฝาแฝดมหาเศรษฐี Thomas และ Andreas Struengmann เป็นผู้สนับสนุน กำลังร่วมมือกับ Pfizer และ Fosun Pharma เพื่อพัฒนาวัคซีน ซึ่งวัคซีนนี้เป็นหนึ่งในวัคซีนโควิด-19 ที่มีผู้พัฒนากันมากกว่า 12 ตัว ก็นับว่าฉลาด เพราะงานวิจัยของ Massachusetts Institute of Technology ชี้ว่า วัคซีนป้องกันโรคติดต่อมีโอกาสล้มเหลว 2 ใน 3

คุณไม่ต้องเป็นบริษัทข้ามชาติ หรือมีเจ้าของบริษัทเป็นมหาเศรษฐีพันล้านก็มาร่วมด้วยช่วยกันได้ บริษัทสตาร์ทอัพของอิตาลี Takis Biotech ที่มีพนักงาน 25 คนกำลังเร่งสร้างวัคซีน ในขณะที่ Carbon ซึ่งเป็นบริษัทการพิมพ์ 3 มิติในรัฐ California จะเริ่มแจกจ่ายชุดทดสอบ swabs และรายชื่อด้านล่างต่อไปนี้11 บริษัทที่อยู่แนวหน้ารบกับไวรัสโคโรนา

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-32827" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/01-abbvie-vector-logo.png" alt="" width="150" height="83" />
Abbvie

บริษัทมหาชนด้านเภสัชกรรมจากเมือง North Chicago กำลังร่วมมือกับหน่วยงานรัฐในสหภาพยุโรป สหรัฐฯ และจีน เพื่อทดสอบการใช้ยาต้านเชื้อ HIV ชื่อ lopinavir/ritonavir ของบริษัทในการรักษาโควิด-19

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-32828" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/2-bioMérieux.png" alt="" width="150" height="83" />
biomérieux

บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพจากฝรั่งเศส ซึ่งก่อตั้งโดยมหาเศรษฐี Alain Mérieux ได้รับอนุญาตในกรณีฉุกเฉินจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ สำหรับชุดตรวจตัวใหม่ที่ผลิตโดยบริษัทย่อย ซึ่งช่วยลดเวลาการตรวจหาเชื้อไวรัสให้เหลือ 45 นาที

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-32829 size-medium" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/3-CAnSino-biologiCS-300x177.jpg" alt="" width="300" height="177" />
Cansino biologics

บริษัทเภสัชภัณฑ์จากเมือง Tianjin ของจีน กำลังเริ่มทดลองทางคลินิกสำหรับวัคซีนโควิด-19 ซึ่งใช้เทคโนโลยีการผลิตวัคซีนแบบเดียวกับที่ใช้พัฒนาวัคซีนโรคอีโบลา


<img class="alignnone size-full wp-image-32830" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/4-CArbyne.jpg" alt="" width="399" height="126" />
Carbyne

เจ้าหน้าที่ฉุกเฉิน 911 ในเมือง New Orleans ใช้เครื่องมือตอบสนองเหตุฉุกเฉินของสตาร์ทอัพจาก New York ซึ่งมีกองทุนร่วมลงทุนของ Peter Thiel เป็นผู้สนับสนุน เพื่อตรวจหาตำแหน่งที่อยู่ของผู้ป่วย โดยตรวจสอบจากภาพวิดีโอคอลของผู้ที่โทรมาแจ้ง

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-32831" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/5-Cure-vAC.png" alt="" width="266" height="190" />
Cure vac

บริษัทของเยอรมันที่ได้ทุนจากมหาเศรษฐี Dietmar Hopp และมูลนิธิ Bill &amp; Melinda Gates อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาวัคซีน

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-32832" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/6-DiASorin.png" alt="" width="368" height="137" />
Diasorin

บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพสัญชาติอิตาเลียนของมหาเศรษฐี Gustavo Denegri ได้รับอนุญาตในกรณีฉุกเฉินจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ สำหรับชุดตรวจตัวใหม่ที่ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ใน 60 นาที

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-32833" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/7-eMergent-bioSolutionS.png" alt="" width="261" height="152" />
Emergent Biosolutions

บริษัทเภสัชภัณฑ์จากรัฐ Maryland กำลังพัฒนายารักษาซึ่งดัดแปลงมาจากแอนติบอดีที่พบในเลือดของผู้ที่มีผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวก


<img class="alignnone size-full wp-image-32834" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/8-gileAD.png" alt="" width="305" height="165" />
Gilead

บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพยักษ์ใหญ่จากรัฐ California เริ่มการทดลองทางคลินิกเมื่อเดือนมีนาคม สำหรับยาต้านไวรัส remdesivir ของบริษัท โดยทดสอบกับผู้ป่วยในสหรัฐฯ MAMMoth bioSCienCeS สตาร์ทอัพเทคโนโลยีชีวภาพจากเมือง South San Francisco ซึ่งก่อตั้งโดยผู้ที่เคยอยู่ในทำาเนียบ Forbes 30 Under 30 3 คน สร้างชุดตรวจชนิดเห็นผลเร็วเป็นตัวต้นแบบ โดยใช้เครื่องมือดัดแปลงยีนที่เรียกว่า CRISPR เพื่อตรวจหาโรค

<img class="alignnone size-full wp-image-32835" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/9-MoDernA.png" alt="" width="279" height="181" />

Moderna

บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพจากรัฐ Massachusetts เป็นบริษัทแรกที่เริ่มทดลองวัคซีนในมนุษย์เมื่อวันที่ 16 มีนาคม ในเมือง Seattle

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-32836" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/10-regeneron-Ph-ArMACeutiCAlS.png" alt="" width="276" height="182" />
Regeneron Pharmaceuticals

บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพจากหมู่บ้าน Tarrytown ใน New York ซึ่งบริหารโดยมหาเศรษฐี Leonard Schleifer และ George Yancopoulos กำลังนำยารักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ sarilumab ที่พัฒนาร่วมกับบริษัท Sanofi จากฝรั่งเศสมาทดลองรักษาผู้ป่วยโควิค-19 ใน New York

&nbsp;

<hr />

<a href="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/312a837b-0af3-4945-9cac-b7be029798c7/june-2020">คลิกอ่านบทความด้านธุรกิจเพิ่มเติมได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมิถุนายน 2563 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="lazy alignnone wp-image-31977 lazy-loaded" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK-.jpg" sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" srcset="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK-.jpg 2400w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK--229x300.jpg 229w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK--768x1008.jpg 768w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK--780x1024.jpg 780w" alt="" width="300" height="394" data-lazy-type="image" data-lazy-src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK-.jpg" data-lazy-srcset="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK-.jpg 2400w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK--229x300.jpg 229w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK--768x1008.jpg 768w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK--780x1024.jpg 780w" data-lazy-sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" />

11 บริษัทด่านหน้าท้ารบกับ ไวรัสโคโรนา

<h2 class="p1">แม้ว่าธนาคารกลางและรัฐบาลทั่วโลกจะออกมาตรการทางการเงินและทางการคลังในระดับที่สูงมาก เมื่อเทียบกับวิกฤตในครั้งก่อน แต่ก็คงจะทำได้เพียงบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการระบาดของไวรัสเท่านั้น</h2>
ซึ่งมุมมองดังกล่าวสอดคล้องกับคำกล่าวของประธาน Fed อย่าง Jay Powell  ที่ได้ให้สัมภาษณ์รายการ 60 Minutes ของ CBS News ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2020 ระบุว่า การฟื้นตัวเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบ หรือ Fully Recover จะต้องมาจากประชาชนมีความเชื่อมั่นเต็มที่ หลังจากการค้นพบวัคซีนป้องกันการแพร่ระบาด (“For the economy to fully recover, people will have to be fully confident. And that may have to await the arrival of a vaccine,”)   
ในวันนี้เราได้สรุปพัฒนาการของบริษัทต่างๆ ที่อยู่ในขั้นตอนการวิจัยวัคซีนที่มีความก้าวหน้าเพียงพอที่จะเป็นความหวังให้กับการป้องกันการแพร่ระบาดและการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ดังนี้
Monderna - เป็นบริษัทที่มีความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนมากที่สุด ในขณะที่เขียนรายงาน ได้ทำการทดลองทางคลินิก Phase 1 กับกลุ่มตัวอย่าง 45 ราย ไปแล้วในเดือนมีนาคม โดยองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) ได้อนุมัติให้เริ่มทำการทดลองทางคลินิก Phase 2 กับกลุ่มตัวอย่าง 600 ราย และได้ให้เครื่องหมาย “Fast Track” แก่บริษัทเพื่อเร่งกระบวนการทางกฎหมายต่างๆ

Inovio Pharmaceutical - เริ่มการทดลองทางคลินิค Phase 1 กับกลุ่มตัวอย่าง 40 ราย ในวันที่ 6 เมษายน คาดจะรู้ผลภายในเดือนมิถุนายน หากสำเร็จบริษัทสามารถผลิตวัคซีนได้ 1 ล้านเข็มภายในปี 2020
Oxford University - เริ่มการทดลองทางคลินิค Phase 1 ในวันที่ 23 เมษายน บริษัทได้รับเงินช่วยเหลือจากกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษวงเงิน 20 ล้านปอนด์ หากสำเร็จบริษัทสามารถผลิตวัคซีนได้ 1 ล้านเข็มภายในเดือนกันยายน ปี 2020
Pfizer - ร่วมมือกับบริษัท BioNTech ในเยอรมนี และเริ่มทดลองทางคลินิค Phase 1 วันที่ 5 พฤษภาคม บริษัทระบุว่าจะเริ่มทดลองวัคซีนกับกลุ่มตัวอย่าง 1,000 ราย ในเดือนกันยายน 2020 บริษัทมีเป้าหมายที่จะผลิตวัคซีนสำหรับใช้เป็นการฉุกเฉินแก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ภายในไตรมาส 3 ของปี 2020 และจะผลิตให้ใช้ในวงกว้างได้ในปี 2021
Johnson &amp; Johnson - บริษัทเริ่มการพัฒนาวัคซีนตั้งแต่เดือนมกราคม ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอน Preclinical หรือการทดลองในสัตว์ และจะเริ่มการทดลองในมนุษย์ Phase 1 ในเดือนกันยายน คาดว่าจะผลิตวัคซีนได้ 600-900 ล้านเข็มภายในเดือนเมษายน 2021
Sanofi ร่วมมือกับ GSK - ทั้ง Sanofi และ GSK ได้เริ่มพัฒนาวัคซีนร่วมกันตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน โดยตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอน Preclinical หรือการทดลองในสัตว์ และคาดว่าจะเริ่มทำการทดลองทางคลินิกหรือทดลองในมนุษย์ได้ในช่วงไตรมาส 3-4
Novavax - อยู่ในขั้นตอน Preclinical และจะเริ่มทดลองในมนุษย์ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ และคาดว่าจะทราบผลในเดือนกรกฎาคม
จะเห็นได้ว่าวัคซีนที่พัฒนาไปได้มากที่สุด ปัจจุบันอยู่ในการทดลองทางคลินิก Phase 2 จากทั้งหมด 4 Phase จุดที่น่าสนใจและติดตาม คือ บริษัทใดจะเป็นบริษัทแรกที่ผลิตให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ใช้วัคซีนก่อน ซึ่งย่อมสะท้อนถึงความเป็นไปได้สูงที่จะนำมาใช้ได้กับประชาชนทั่วไป
โดยเชื่อว่าเรายังมีความหวังที่จะเห็นความสำเร็จ เนื่องจากมีความต้องการใช้สูง ส่งผลให้เกิดการแข่งขันในหลายๆ บริษัท รวมถึงการให้เงินอุดหนุนงานวิจัยและพัฒนาของรัฐบาลในหลายประเทศ รวมถึงขั้นตอนอนุญาติต่างๆ ที่เคยเป็นอุปสรรคในการพัฒนาเชื่อว่าจะถูกเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว (Fast Track)  ดังนั้น ในครั้งนี้เราอาจได้เห็นการพัฒนาค้นพบวัคซีนได้เร็วที่สุดเมื่อเทียบกับอดีต
&nbsp;
<ul>
 	<li>อ่านเพิ่มเติม <a href="https://forbesthailand.com/news/other/%e0%b8%88%e0%b8%ad%e0%b8%ab%e0%b9%8c%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%99-%e0%b9%81%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b9%8c-%e0%b8%88%e0%b8%ad%e0%b8%ab%e0%b9%8c%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%99.html">จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เผยการคัดเลือกวัคซีนป้องกันเชื้อ โควิด-19</a></li>
</ul>
&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-25971" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/คุณกันติพัฒน์.jpg" alt="" width="300" height="300" />
โดย กันติพัฒน์ วงศ์สุคนธ์
Head of  Wealth  Advisory
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้


<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ความหวังของมวลมนุษย์ พิชิตโควิด-19

<h2>จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และ BARDA ร่วมลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อทำการวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 โดยบริษัทคาดว่าจะเริ่มวิจัยวัคซีนตัวเลือกทางคลินิกในเฟสแรกภายในเดือนกันยายน 2563 นี้</h2>
บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เผยผลการคัดเลือกวัคซีนที่จะใช้ต้านเชื้อโควิด-19 หลังจากเริ่มดำเนินการวิจัยตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยเป็นผลจากการต่อยอดความร่วมมือระหว่างบริษัท แจนเซ่น ฟาร์มาซูติกา ในเครือบริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และ สำนักวิจัยและพัฒนาขั้นสูงด้านชีวการแพทย์ (BARDA) พร้อมประกาศเร่งอัตราการผลิตอย่างรวดเร็วเพื่อจัดหาวัคซีนจำนวนกว่า 1 พันล้านโดสให้เพียงพอต่อความต้องการทั่วโลก

บริษัทคาดว่าจะสามารถเริ่มการทดลองวัคซีนในมนุษย์เฟสแรกได้ภายในเดือนกันยายน 2563 เพื่อเข้าสู่กระบวนการรับรองทางกฎหมายและสามารถผลิตล็อตแรกเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินได้ในช่วงต้นปี 2564 กระบวนการทั้งหมดนี้ถือเป็นการดำเนินงานที่รวดเร็วเมื่อเทียบกับการพัฒนาวัคซีนทั่วไป

BARDA ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของสำนักงานผู้ช่วยรัฐมนตรีฝ่ายการเตรียมความพร้อมและการตอบสนอง (ASPR) ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกา และ บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์สัน ได้ลงทุนร่วมกันกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนโครงการวิจัย พัฒนาและทดลองทางคลินิกของวัคซีน

โดยบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันจะนำเอาแพลตฟอร์มการผลิตวัคซีนที่ได้รับการรับรอง และจัดสรรทรัพยากรทางด้านบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานทั่วไปจากทั่วโลกเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในครั้งนี้ นอกจากนี้ BARDA และบริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ยังได้จัดตั้งกองทุนเพิ่มเติมเพื่อรองรับการขยายฐานการวิจัยเพื่อค้นคว้าการรักษาและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ด้วย

<img class="wp-image-28313 size-medium" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/000_GC2MU-300x200.jpg" alt="" width="300" height="200" />

Alex Gorsky ประธานกรรมการบริหารของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน กล่าวว่า “โลกกำลังเผชิญกับภาวะวิกฤตด้านสาธารณสุข และเราจะทำหน้าที่ของเราตามคำมั่นสัญญาเพื่อผลิตวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 ให้แก่ผู้คนทั่วโลกอย่างรวดเร็วที่สุดในราคาที่เหมาะสม และในฐานะที่เราเป็นบริษัทด้านสาธารณสุขที่ใหญ่ที่สุดของโลก การดูแลให้สุขภาพของผู้คนดีขึ้นในทุกๆ วันถือเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ของเรา

จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน มีความพร้อมที่จะดำเนินการตามคำมั่นสัญญานี้ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์ ระบบการปฏิบัติที่เข้มแข็งและความแข็งแกร่งด้านการเงิน เรามุ่งมั่นที่จะนำเอาทรัพยากรทั้งหมดที่เรามี เพื่อร่วมมือกับองค์กรอื่น ๆ ในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดครั้งนี้ให้เร็วที่สุด”

&nbsp;

<img class="alignnone size-medium wp-image-28312" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/C4DrmjiUkAExzGB-300x200.jpg" alt="" width="300" height="200" />

นายแพทย์ Paul Stoffels รองประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิทยาศาสตร์ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่วันนี้เราได้ผลสรุปจากการคัดเลือกวัคซีนตัวนี้ หลังจากความพยายามในการค้นคว้าวิจัยตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา เรากำลังเร่งขยับเวลาเพื่อทดลองวัคซีนในมนุษย์สำหรับเฟสแรกให้เร็วขึ้น ซึ่งอย่างช้าสุดคือภายในเดือนกันยายนปีนี้ และด้วยการสนับสนุนกำลังการผลิตจากทั่วโลกที่เราเร่งพัฒนาอยู่นั้น เราคาดว่าวัคซีนตัวนี้จะพร้อมสำหรับการใช้ฉุกเฉินภายในต้นปีหน้า”

&nbsp;
<h2>วัคซีนต้านโควิด-19 ที่ได้รับการคัดเลือกของ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน</h2>
ทันทีที่เริ่มมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด-19 จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ได้เริ่มวิจัยและทดลองหลากหลายวัคซีนที่มีศักยภาพในการต้านไวรัสนี้ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยทีมวิจัยจากบริษัท แจนเซ่น ฟาร์มาซูติกา ได้ร่วมมือกันกับ Beth Israel Deaconess Medical Center หน่วยงานในสังกัดคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เพื่อคิดค้นและทดลองวัคซีนมากมายโดยใช้เทคโนโลยี AdVac® ของแจนแซ่น

ด้วยความร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์ในสถาบันวิชาการหลายแห่ง องค์ประกอบในวัคซีนต่าง ๆ ได้ถูกทดสอบเพื่อค้นหาองค์ประกอบที่มีศักยภาพมากที่สุด ในการสร้างการตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันในการทดลองระดับพรีคลินิก

จากการดำเนินงานครั้งนี้ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ได้รับคัดเลือกให้เป็นวัคซีนตัวแรกที่จะถูกใช้ในการป้องกันโควิด-19  (โดยมีตัวสำรองอีก 2 รายการ) ซึ่งจะเริ่มต้นเข้าสู่กระบวนการผลิตขั้นตอนแรกต่อไป ภายใต้กรอบเวลาที่เร่งรัดนี้ บริษัทตั้งเป้าที่จะเริ่มการศึกษาทางคลินิกเฟสหนึ่งภายในเดือนกันยายนปีนี้

คาดว่าข้อมูลทางคลินิกด้านความปลอดภัยและประสิทธิผลจะออกมาภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งอาจจะทำให้สามารถผลิตวัคซีนเพื่อการใช้ฉุกเฉินได้ในช่วงต้นปีหน้า และเมื่อเทียบกับขั้นตอนการพัฒนาวัคซีนทั่วไปแล้ว กระบวนการดังกล่าวต้องผ่านการวิจัยในขั้นต่าง ๆ ซึ่งอาจใช้เวลารวมกันนานถึง 5-7 ปี ก่อนที่จะได้รับการคัดเลือกเป็นวัคซีนเพื่อขอรับการอนุมัติต่อไป

ตามที่ประกาศไปในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัทและ BARDA ได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรทั่วโลก เพื่อตรวจคัดกรองแหล่งข้อมูลของแจนเซ่นซึ่งมีการเก็บโมเลกุลของยาต้านไวรัสไว้ เพื่อเร่งค้นหาวิธีรักษาโควิด-19 ให้เร็วขึ้น

โรคโควิด-19 มีต้นเหตุจากกลุ่มไวรัสที่มีชื่อว่าโคโรนาซึ่งทำลายระบบทางเดินหายใจ ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีน การรักษา หรือยารักษาโควิด-19 ใด ๆ ที่ได้รับการอนุมัติ

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events