ส.อ.ท. เผยเดือนกุมภาพันธ์ 2568 สถานการณ์รถยนต์ไทยทั้งยอด ‘ผลิต-ขาย-ส่งออก’ ยังลดลง ได้แก่ ยอดผลิตรถยนต์ 115,487 คัน ลดลง 13.62% ยอดขาย 49,313 คัน ลดลง 6.68% ส่งออก 81,323 คัน ลดลง 8.34% ส่วนฝั่งรถยนต์ไฟฟ้า ยอดผลิตอยู่ที่ 2,242 คัน เพิ่มขึ้น 192.69% ขายรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) 7,574 คัน เพิ่มขึ้น 60.09%
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ในเดือนกุมพาพันธ์ 68 จำนวนรถยนต์ผลิตได้ มีทั้งสิ้น 115,487 คัน ลดลง 13.62% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) เพราะผลิตขายในประเทศลดลง 21.26%YoY โดยเฉพาะรถกระบะที่ยังคงลดลง 42.10%YoY ตามยอดขายรถกระบะที่ลดลง และผลิตส่งออกลดลง 9.48%YoY โดยเฉพาะรถยนต์นั่งลดลงถึง 47.01%YoY ตามยอดส่งออกที่ลดลง
ทั้งนี้ จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 222,590 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2567 19.29%YoY โดย
- ยอดผลิตของรถยนต์นั่ง ตั้งแต่เดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2568 มีจำนวน 74,277 คัน เท่ากับ 33.37% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง 27.85%YoY
- รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตัน ขึ้นไป เดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2568 ไม่มีการผลิต (ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ไม่มีการผลิต)
- รถยนต์บรรทุก ผลิตได้ทั้งสิ้น 148,313 คัน ลดลง 14.19%YoY
- รถกระบะขนาด 1 ตัน ผลิตรวม 146,621 คัน เท่ากับ 65.87% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจาก 12.22%YoY
- รถบรรทุกขนาดต่ำกว่า 5 ตัน - มากกว่า 10 ตัน ผลิตได้ 1,692 คัน ลดลง 70.79%YoY
ด้านการผลิตเพื่อส่งออก เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผลิตได้ 78,535 คัน เท่ากับ 68% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง 9.48%YoY ส่วนเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 153,579 คัน เท่ากับ 69% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง 15.56%YoY
รถยนต์นั่ง เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผลิตเพื่อการส่งออก 13,511 คัน ลดลง 47.01%YoY และตั้งแต่เดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 27,465 คัน เท่ากับร้อยละ 36.98% ของยอดผลิตรถยนต์นั่ง ลดลง 48.26%YoY
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนกุมภาพันธ์ 2568 มียอดการผลิตเพื่อการส่งออก 65,024 คัน เพิ่มขึ้น 6.14%YoY และตั้งแต่เดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 126,114 คัน เท่ากับ 83.92% ของยอดการผลิตรถกระบะ ลดลง 2.07%YoY
ด้านการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผลิตได้ 36,952 คัน เท่ากับ 32% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง 21.26%YoY และเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2568 ผลิตได้ 69,011 คัน เท่ากับ 31%YoY ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ที่ 26.52%YoY
รถยนต์นั่ง เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 25,052 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ 0.43% แต่ตั้งแต่เดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2567 ผลิตได้ 46,812 คัน เท่ากับ 63.02% ของยอดการผลิตรถยนต์นั่ง โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2567 ลดลง 6.12%
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนกุมภาพันธ์ 2568 มียอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 10,993 คัน ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ 42.10% และตั้งแต่เดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2568 ผลิตได้ทั้งสิ้น 20,507 คัน เท่ากับ 13.99% ของยอดการผลิตรถกระบะ และลดลงจากเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2567 ที่ 46.39%
ด้านยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนกุมภาพันธ์ 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 49,313 คัน ลดลง 6.68%YoY จากการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินกับผู้ซื้อรถกระบะที่ยังคงลดลง 14.9%YoY คงต้องรอยอดจองรถยนต์ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ที่เริ่มวันที่ 26 มีนาคม ถึงวันที่ 6 เมษายน 2568 ที่สถาบันการเงินอาจปล่อยสินเชื่อรถกระบะมากขึ้น
แต่เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568 ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้แถลงมาตรการช่วยเหลือรถกระบะในโครงการ "รถกระบะพี่ มีคลังค้ำ" โดยให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย)ค้ำประกันสินเชื่อซื้อรถกระบะซึ่งเป็นรถประกอบธุรกิจของประชาชนและเกษตรกรซึ่งถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย มีวงเงินห้าพันล้านบาทโดยเริ่มรับคำขอตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 ซึ่งอยู่ในช่วงงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเคอร์โชว์ ถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2568 เพื่อกระตุ้นยอดขายรถยนต์และส่งเสริมให้ SME ซื้อรถกระบะไปประกอบอาชีพและสร้างรายได้ ขอบคุณรัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงการคลังที่เห็นถึงความเดือนร้อนของผู้ประกอบอาชีพทุกภาคส่วน และเพื่อให้ยอดขายรถยนต์กระบะเพิ่มขึ้น จึงขอให้เร่งแก้กฎหมายให้ครอบคลุมถึงสถาบันสินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคาร และสถาบันสินเชื่อของบริษัทรถยนต์ได้เข้าร่วม “โครงการรถกระบะพี่ มีคลังค้ำ”

ทั้งนี้ มูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 134,605.39 ล้านบาท ลดลง 16.73%YoY
นอกจากนี้ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ยอดจดทะเบียนใหม่มีจำนวน 7,375 คัน เพิ่มขึ้น 16.42%YoY ส่วนเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 22,086 คัน ลดลง 0.86%YoY
ด้านยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนกุมภาพันธ์ 2568 มียอดจดทะเบียนใหม่มีจำนวน 12,050 คัน เพิ่มขึ้น 0.49%YoY เดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 25,595 คัน ลดลง 2.06%YoY
ด้านยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ยอดจดทะเบียนใหม่มีจำนวน 1,020 คัน เพิ่มขึ้น 14.09% เดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 2,094 คัน เพิ่มขึ้น 14.18%YoY
ภาพ: ส.อ.ท., rawpixel.com on Freepik
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘แอสตัน มาร์ติน แบงคอก’ เปิดตัวรถยนต์สปอร์ต รุ่น New Vantage ราคาเริ่มต้น 21.9 ล้านบาท
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine