ดีลข้ามทวีป! Volkswagen เตรียมเซ็นสัญญาร่วมลงทุนในโครงการ Argo AI ของ Ford แพลตฟอร์มเทคโนโลยีควบคุมยานพาหนะไร้คนขับ โดยดีลครั้งนี้จะทำให้ระบบ Argo มีมูลค่าสูงถึง 7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
บริษัท Ford Motor และ Volkswagen AG (VW) ประกาศว่า พวกเขาเตรียมเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกันในโครงการ Argo AI โดย Argo เป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่ Ford เข้าลงทุนเมื่อ 2 ปีก่อน ด้วยสัญญาเงินลงทุน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
ฟาก VW เมื่อตัดสินใจดีลร่วมทุน พวกเขาเซ็นสัญญาเพิ่มทุนให้กับ Argo อีก 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ พร้อมซื้อหุ้นจาก Ford ที่มีใน Argo อีก 500 ล้านเหรียญภายในช่วง 3 ปีจากนี้ รวมถึงยังควบรวมบริษัทลูก Autonomous Intelligent Driving (AID) มูลค่า 1.6 พันล้านเหรียญของตนเองเข้ากับบริษัท Argo ด้วย
ดีลร่วมทุนครั้งนี้ทำให้มีการประเมินมูลค่าของทั้งโครงการเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และนับเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามอง เนื่องจากการนำระบบ Argo ติดตั้งในยานพาหนะของแบรนด์ Ford และ Volkswagen จะทำให้ระบบ Argo มีโอกาสบุกตลาดแมสระดับโลก
“ขณะที่ Ford และ Volkswagen จะยังต่อสู้อย่างเข้มข้นในตลาด การร่วมมือกันทำงานในระบบ Argo AI ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญนั้น จะส่งผลให้พวกเราสามารถก้าวสู่ศักยภาพ ขนาด และพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน” Jim Hackett ประธานและซีอีโอของ Ford อธิบาย
“การปลดล็อกการทำงานร่วมกันในพื้นที่หนึ่ง ทำให้เราสามารถแสดงพลังของความเป็นพันธมิตรระดับโลกได้ในยุคแห่งยานยนต์อัจฉริยะสำหรับโลกอัจฉริยะ”
ด้าน Herbert Diess ซีอีโอ VW กล่าวในการแถลงข่าวว่า การร่วมมือกันครั้งนี้เป็นการนำกลุ่มคนที่ฉลาดที่สุดในสายงานพาหนะไร้คนขับมารวมตัวกัน ผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์จะร่วมทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ เพื่อรับมือกับความท้าทายในการพัฒนาพาหนะไร้คนขับที่มีความปลอดภัยและใช้งานได้จริง
“นี่เป็นสถานการณ์ที่ win-win กันทั้งสองฝ่าย” Diess กล่าว
ดีลนี้คาดการณ์ว่าจะสำเร็จลุล่วงภายในครึ่งปีแรกปี 2020 ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการอนุมัติ ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัท Argo จะปรับเป็นบอร์ดที่ประกอบด้วยกรรมการจาก VW 2 คน จาก Ford 2 คน และจาก Argo 3 คน
ส่วนการนำระบบไปใช้นั้น Hackett กล่าวว่า Argo จะมีลูกค้า 2 รายแยกจากกันคือ VW และ Ford ต่างคนต่างนำระบบไปใช้ในโมเดลยานยนต์ของตนเอง แม้ว่าอาจจะมีการร่วมมือกันบ้างในบางจุด สิ่งสำคัญที่สุดในการร่วมมือครั้งนี้คือแต่ละบริษัทจะได้ลดต้นทุนการพัฒนา
แผ่อาณาจักรข้ามทวีป
Argo AI เป็นระบบที่มุ่งเน้นการพัฒนายานพาหนะไร้คนขับระดับ 4 ซึ่งหมายถึงพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยตนเองได้ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด เช่น แท็กซี่ไร้คนขับหรือพาหนะบริการเดลิเวอรี่ ซึ่งขับเคลื่อนอยู่ในพื้นที่จำกัด พาหนะไร้คนขับระดับ 4 นั้นจะมีความก้าวหน้าจนอาจจะไม่มีพวงมาลัยติดตั้งไว้ก็ได้
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทเพิ่งจะทดสอบระบบเจนเนอเรชั่นที่ 3 กับรถยนต์ Ford Fusion Hybrid ไป โดยระบบรุ่นใหม่นี้ นอกจากจะมีแผนที่ความละเอียดสูงแล้ว ยังอัพเกรดระบบเซ็นเซอร์รอบคัน พัฒนาระบบเรดาร์และกล้องที่จับภาพได้ละเอียดขึ้นด้วย
บริษัทสตาร์ทอัพแห่งนี้มีฐานการพัฒนาและทดสอบหลักใน Pittsburgh รัฐ Pennsylvania สหรัฐอเมริกา แต่มีการทดสอบในพื้นที่อื่นๆ ของสหรัฐฯ ด้วย เช่น Austin, Miami, Palo Alto, Washington D.C., Detroit
ดังนั้น การควบรวม AID เข้ามาใน Argo จะทำให้บริษัทมีสำนักงานใหญ่ในทวีปยุโรปทันที เพราะ AID นั้นมีฐานหลักอยู่ใน Munich ประเทศเยอรมนี โดยบริษัทเตรียมขยายทีม AID เพิ่มขึ้นอีก 40% ในอนาคต ทีมสำนักงานยุโรปนี้จะมีพนักงานมากกว่า 700 คน
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จับมือกันพัฒนาโครงการยานพาหนะไร้คนขับ เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมนี้เอง สองค่ายรถยนต์เยอรมัน Daimler AG และ BMW Group เพิ่งจะเซ็นสัญญาร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีพาหนะไร้คนขับ มุ่งเน้นด้านระบบผู้ช่วยคนขับ เซ็นเซอร์ การขับรถบนทางหลวง และการจอดรถอัตโนมัติ โดยจะมีการพัฒนาศูนย์ข้อมูลและบริหารจัดการร่วมกัน
ที่มา