บริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือของ วีเอสที อีซีเอส กรุ๊ป ผู้นำด้านการจัดจำหน่ายสินค้าไอทีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ประกาศแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย WIKO ทั่วประเทศ ภายหลัง WIKO ได้ลงนามความร่วมมือกับบริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด ให้เป็นผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการผู้เดียวในประเทศไทย เตรียมยกทัพสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ สเปกแรง ในราคาสุดคุ้ม เข้ามาจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ด้วยการรับประกันนานถึง 1 ปี และบริการหลังการขายรับ-ส่งซ่อมผลิตภัณฑ์ถึงหน้าบ้าน (Door-to-Door Service) เพื่อดูแลผู้ใช้งานทั่วประเทศ
WIKO แบรนด์สมาร์ทโฟน อุปกรณ์เสริม และ IOT ระดับโลก สัญชาติฝรั่งเศส ถือกำเนิดเมื่อปี 2011 ด้วยแนวคิด สมาร์ทโฟนไม่ได้เป็นเพียงแค่อุปกรณ์สื่อสารเท่านั้น แต่กลายเป็นปัจจัยที่ 5 เปรียบเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ขาดไม่ได้ ช่วยให้ชีวิตสะดวกขึ้นเป็นมากว่าโทรศัพท์ที่ใช้ในการพูดคุยติดต่อสื่อสาร แต่ยังกลายเป็นอุปกรณ์ที่เข้ามาช่วยจัดการกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตของเราให้เป็นอย่างง่ายยิ่งขึ้นอีกด้วย WIKO จึงดีไซน์และพัฒนาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด ในราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตที่ต้องการได้อย่างไร้ขีดจำกัด ปัจจุบัน WIKO มีการเติบโตที่รวดเร็วมากท่ามกลางสภาพตลาดที่แข่งขันกันสูง ในฝรั่งเศส WIKO ครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 2 และในยุโรปตะวันตก เป็นอันดับ 4 รวมผู้ใช้งานทั่วโลกกว่า 40 ล้านคน
Wang Wei Sales Director, WIKO เปิดเผยว่า การที่ WIKO กลับมาทำตลาดในไทยอีกครั้ง เชื่อว่าจะมีฐานแฟนๆ ชาวไทย และลูกค้าอยู่เป็นจำนวนมาก โดยยังคงปรัชญาที่จะสร้างสมาร์ทโฟนคุณภาพสูง คุ้มค่า ในราคาที่ผู้บริโภคสัมผัสได้
สำหรับสมาร์ทโฟน WIKO ที่จะจำหน่ายกับ VST ECS ในครั้งนี้ คือรุ่น T10 และในเร็วๆ นี้จะนำเข้า WIKO T20 และ WIKO T60 ซึ่งเป็นรุ่นที่สเปกสูง แต่ราคาจับต้องได้ เราเชื่อว่าการกลับมาใหม่ของ WIKO ในครั้งนี้ จะเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นให้กับผู้บริโภคชาวไทยได้เป็นอย่างดี พร้อมด้วยการบริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม โดย วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย)
สมศักดิ์ เพ็ชรทวีพรเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) เล็งเห็นถึงศักยภาพของ WIKO ทั้งในส่วนของภาพลักษณ์ของแบรนด์ระดับโลกและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ที่ผ่านมา WIKO สามารถสร้างปรากฎการณ์รุกตลาด จนสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดในประเทศไทยได้มากกว่า 10%
โดยตอนนี้เรามีตัวแทนจำหน่ายทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดกว่า 25 รายทั่วประเทศ รวมถึงมีการขยายช่องทางผ่านผู้ให้บริการเครือข่าย และ ออนไลน์พาร์ทเนอร์ พร้อมการรับประกันตัวเครื่องนานถึง 1 ปี และบริการหลังการขายที่อำนวยความสะดวกพร้อมดูแลผู้บริโภคถึงหน้าประตูบ้าน (Door-to-Door Service) ด้วยช่องทางการจัดจำหน่าย บริการหลังการขาย และสินค้ารูปลักษณ์ที่สวยสะดุดตา และมีเทคโนโลยีล้ำสมัย ในราคาที่คุ้มค่าจับต้องได้ จะสามารถขยายฐานลูกค้าในประเทศไทย เราจึงเชื่อว่าภายในสิ้นปี 2566 จะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2% และขึ้นไปเป็น 4% ภายในปี 2567
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine