เทศกาลกินเจ ประจำปี 2568 เริ่มต้นขึ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม โดยจะจัดรวม 9 วัน ไปจนถึงวันที่ 29 ตุลาคม นอกเหนือจากเรื่องการทำบุญและการไม่กินเนื้อสัตว์แล้ว ในมุมเศรษฐกิจนั้น แม้สภาพโดยรวมยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ ประชาชนระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย ประกอบกับราคาผักที่สูงขึ้น แต่พลังศรัทธาของผู้คนยังคงเต็มเปี่ยม สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบได้หลายหมื่นล้าน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ราคาผักสดเฉลี่ยของไทยในเดือนตุลาคม 2568 ปรับเพิ่มขึ้น 10.5% ไปแตะที่ 40.6 บาทต่อกิโลกรัม นับเป็นราคาที่สูงสุดในรอบ 17 เดือน โดยราคาผักสดที่พุ่งสูงสุด 3 รายการแรก ประกอบด้วย กวางตุ้ง (เพิ่ม 64.9%) แตงกวา (เพิ่ม 44.6%) และคะน้า (เพิ่ม 42.6%)
สำหรับสาเหตุที่ราคาผักสดเฉลี่ยของไทยในเดือนตุลาคมปีนี้ปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 17 เดือน เนื่องจากผลของน้ำท่วมได้สร้างความเสียหายต่อพื้นที่เพาะปลูกราว 22,392 ไร่ และแรงหนุนของความต้องการบริโภคในช่วงเทศกาลกินเจ โดยคาดว่าราคาจะสูงกว่าช่วงปกติถึง 1.6 เท่า
ขณะที่ ราคาผักสดในช่วงที่เหลือของปี 2568 จะปรับลดลงตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากภาวะน้ำท่วมในฤดูฝนสิ้นสุดแล้ว โดยเฉพาะผักสดเศรษฐกิจฤดูหนาวที่สำคัญ เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก มะเขือเทศ ขึ้นฉ่าย เป็นต้น
โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ราคาผักสดทั้งปี 2568 จะลดลง 15.3% ไปเฉลี่ยอยู่ที่ 27.6 บาทต่อกิโลกรัม จากภาพรวมสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการผลิต
พฤติกรรมการใช้จ่ายช่วงกินเจ เงินสะพัด 4.59 หมื่นล้าน
รองศาสตราจารย์ ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยว่า จากการประเมิน เม็ดเงินหมุนเวียนในช่วงเทศกาลกินเจปี 2568 จะอยู่ที่ประมาณ 45,900 ล้านบาท นับว่าเป็นมูลค่าการใช้จ่ายสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากปี 2567 แม้จะเป็นสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจ แต่ยังสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนยังคงใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
แม้มูลค่าการใช้จ่ายช่วงกินเจปีนี้จะสูงสุดในรอบ 5 ปี แต่เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา การขยายตัวเพียงร้อยละ 2 ถือว่ายังไม่โดดเด่นนัก เพราะประชาชนยังคงระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย อีกทั้งโครงการคนละครึ่งพลัสยังไม่ได้เริ่มในช่วงเทศกาลกินเจ จึงยังไม่เห็นผลของมาตรการดังกล่าวในครั้งนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.ธนวรรธน์ กล่าว
ด้าน อาจารย์อุมากมล สุนทรสุรัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยว่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ จำนวน 1,272 ตัวอย่าง พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 66.0 ไม่ได้ถือศีลกินเจ ขณะที่ มีผู้ที่กินเจร้อยละ 34.0 โดยเหตุผลหลักของผู้ที่กินเจ ได้แก่ ตั้งใจทำบุญ (ร้อยละ 19.8) กินเฉพาะช่วงเทศกาล (ร้อยละ 15.9) มีกินฟรีที่โรงเจ (ร้อยละ 14.7) ส่วนเหตุผลของผู้ที่ไม่กินเจ พบว่า ไม่มีเชื้อสายจีน (ร้อยละ 26.0) อาหารเจมีราคาสูง (ร้อยละ 23.0) และสภาพเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย (ร้อยละ 18.0)
สำหรับพฤติกรรมการกินเจ พบว่า ผู้ที่เคยกินเจต่อเนื่องและตั้งใจถือศีลกินเจครบทุกวันตลอดเทศกาล มีสัดส่วน ร้อยละ 65.6 ขณะที่ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในช่วงเทศกาลปีนี้อยู่ที่ 5,211 บาทต่อคน โดยแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำบุญเฉลี่ย 5,066.10 บาทต่อคน และมูลค่าการทำบุญเฉลี่ย 1,746.27 บาทต่อคน
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เศรษฐกิจแบบนี้ ขอมีที่พึ่งทางใจ! คนไทยขอพร-แก้บน-ทำบุญออนไลน์พุ่ง ปี 68 ขอเรื่องการเงินมากกว่าความรัก สะท้อนปัญหาปากท้อง
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine
