ท็อปส์เผยปี 2568 ลูกค้ายังระวังใช้จ่าย ป่วยซึมเศร้าเยอะขึ้น ชอบซื้อสินค้าช่วยฮีลใจ ตรุษจีนปีนี้ปรับกลยุทธ์พลิกเกมตลาด - Forbes Thailand

ท็อปส์เผยปี 2568 ลูกค้ายังระวังใช้จ่าย ป่วยซึมเศร้าเยอะขึ้น ชอบซื้อสินค้าช่วยฮีลใจ ตรุษจีนปีนี้ปรับกลยุทธ์พลิกเกมตลาด

ท็อปส์เผย 4 เทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคปี 2568 แม้ตลาดยังมีปัจจัยบวก แต่ลูกค้ายังระวังใช้จ่าย ป่วยซึมเศร้าเยอะขึ้นและชอบซื้อสินค้าช่วยฮีลใจ ตรุษจีนปีนี้พลิกเกมตลาด เจาะ individual customer เน้น value for money คาดยอดขายเพิ่ม 20% ช่วงเทศกาลปีนี้


    นายจักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุล รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดเผยว่า จากภาพรวมเศรษฐกิจในปัจจุบัน และมาตรการจากภาครัฐช่วยที่เป็นแรงหนุนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตั้งแต่ปี 2567 ที่ผ่านมา ทำให้จะมีแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภค 4 ประการเกิดขึ้นหรือ 4s Trends ได้แก่

    1. Smart Spending & Value Equation ผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็ยังคงใช้จ่ายด้วยความระมัดระวัง คำนึงถึงความจำเป็นและความคุ้มค่ามีการเทียบราคาของสินค้าเป็นปัจจัยหลัก เพื่อให้มั่นใจว่าแผนการใช้จ่ายรัดกุมมากพอและจะไม่ส่งผลต่อสภาพคล่องทางการเงินในอนาคต ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้สินค้าในกลุ่มเฮ้าส์แบรนด์ซึ่งเป็นสินค้าของบริษัทเองได้รับความสนใจมากขึ้น

    2. Self-Healing จากเศรษฐกิจที่กำลังกลับมาฟื้นตัว และสังคมที่มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นรายวัน ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยเริ่มป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามากขึ้น จึงแสวงหาความสุขทางใจด้วยการซื้อสินค้าที่ช่วยเยียวยาจิตใจให้ดีขึ้น อาทิ สินค้าที่สวยงามทันสมัย นำเทรนด์ใหม่ๆ หรือมีเรื่องราวที่ทำให้ประทับใจ

    3. Sustainability การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้เทรนด์ผู้บริโภคในปี 2568 มีแนวโน้มจะสนับสนุนกระแสรักษ์โลก สินค้าที่ทำจากวัสดุธรรมชาติเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งธุรกิจที่คำนึงถึงความยั่งยืนมากขึ้น

    4. Saiyasart ถึงแม้ว่าดิจิทัลจะเชื่อมต่อกับทุกไลฟ์สไตล์ แต่คนไทยกว่า 88% เชื่อยังคงมีความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ ทำให้สินค้าเทรนด์มูเตลูยังเป็นที่นิยม

    ข้อมูลจากสถาบันวิจัยความเป็นอยู่ ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) ระบุว่า 5 อันดับสิ่งที่สายมูเตลูต้องการมูมากที่สุด ได้แก่ การเงิน 44%, โชคลาภ 17%, สุขภาพ 12%, การงาน 8% และการเรียนและความรักอีก 3%

    นอกจากนี้ จากผลสำรวจของวิจัยกรุงศรี พบว่า ผู้บริโภค Gen Y และ Gen X ประมาณหนึ่งในสาม ใช้จ่ายเงินสำหรับสินค้าเสริมโชคลาภ มากกว่า 1,000 บาทต่อปี ในขณะที่ผู้บริโภคกลุ่มเบบี้บูมเมอร์เป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายมากที่สุด โดย 7% ของกลุ่มนี้ใช้จ่ายมากกว่า 5,000 บาทต่อปี



    “มีปัจจัยบวกอยู่ 3-4 ประการ ได้แก่ การท่องเที่ยวที่คึกคักต่อเนื่อง มาตรการจากภาครัฐเรื่อง Easy E-Receipt 2.0, โครงการคุณสู้ เราช่วย และโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ หรือเงิน 10,000 เฟส 2 สนับสนุนการบริโภคในประเทศ แต่ลูกค้าคงยังใช้จ่ายด้วยความระมัดระวัง การใช้จ่ายต่อครั้งจะลดลงแต่ความถี่จะเพิ่มขึ้น” นายจักรกฤษณ์กล่าว

    จากเทรนด์ทั้งหมดข้างบนนี้ ในปีนี้บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ตลาดด้วยการเน้นความสำคัญของ personalization เจาะ individual customer มากกว่า targeted customer ในแคมเปญตรุษจีน “THE GREAT CHINESE NEW YEAR 2025” ของท็อปส์ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 14-28 มกราคม 2568 ภายใต้กลยุทธ์ ‘The Great 3As’ ซึ่งได้แก่

    -The Great ASSORTMENT คือการคัดสรรสินค้าที่ดีที่สุดมาสู่มือลูกค้า ด้วยการนำสินค้าอาหารและวัตถุดิบเกรดชั้นนำ กว่า 1,500 รายการ มาตอบสนองกับผู้บริโภคในทุกเจเนอเรชั่นตั้งแต่ผลไม้คุณภาพพรีเมียม มีความหมายพิเศษ สินค้าของไหว้มงคล สินค้าตกแต่งเพื่อความมงคล สินค้าสุดพิเศษ จำหน่ายเฉพาะที่ท็อปส์เท่านั้น เป็นต้น


    -The Great ANG-PAO: ท็อปส์ได้มอบ ‘อั่งเปาส่วนลดสูงสุด 15%’ เมื่อช้อปสินค้าที่ท็อปส์, ท็อปส์ ไฟน์ ฟู้ด และท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ ครบตามเงื่อนไข นอกจากนี้ สมาชิก The1 สามารถใช้ 1,600 คะแนน แลกรับส่วนลด 250 บาท เมื่อมียอดซื้อสินค้าครบ 3,000 บาทขึ้นไป/ ใบเสร็จ หรือใช้ 800 คะแนน แลกรับส่วนลด 120 บาท เมื่อช้อป 1,800 บาทขึ้นไปที่ท็อปส์, ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ ท็อปส์ ไฟน์ ฟู้ด และท็อปส์ เดลี่

    -The Great CX with AMBASSADOR: ฉีกกฎตรุษจีนแบบเดิมๆ กับการเป็น ‘A Cultural Leader’ ที่เชื่อมโยงขนบธรรมเนียมดั้งเดิมให้เข้ากับยุคสมัย ด้วยผลิตภัณฑ์ที่คัดสรรมาอย่างดี และกิจกรรมใหม่ๆ ที่น่าสนใจเพื่อสื่อสารเทศกาลตรุษจีนในแง่มุมใหม่

จักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุล


    “จุดมุ่งหมายของแคมเปญตรุษจีนปีนี้ คือ การสร้างให้ท็อปส์เป็นจุดหมายของการจับจ่ายสินค้าในช่วงเทศกาล นำเสนอทั้งความครบ คุ้มค่า และประสบการณ์เชิงวัฒนธรรมรูปแบบใหม่ให้กับผู้บริโภค สอดคล้องกับแนวคิด Every Day DISCOVERY ตั้งเป้าแคมเปญช่วยดันยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 20%” นายจักรกฤษณ์ กล่าว

    นายจักรกฤษณ์กล่าวต่อว่า จากข้อมูลในปีที่ผ่านมาพบว่า ลูกค้า 54% ของลูกค้าท็อปส์ที่มาจับจ่ายใช้สอยช่วงตรุษจีนอยู่ในช่วงอายุ 35-54 ปีอยู่ระหว่าง Gen Y และ Gen X เป็นส่วนใหญ่ เป็นสัดส่วนลูกค้าผู้หญิง 76% และกว่า 69% อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล


    นอกจากนี้ยังพบว่า กว่า 40% ใช้เงินมากที่สุดในช่วงตรุษจีน และ 43% คนกรุงเทพฯ เลือกซื้อสินค้าของสดสำหรับการเซ่นไหว้ที่ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ และสินค้าที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าของท็อปส์ในช่วงตรุษจีนปีนี้จะยังเหมือนในปีที่ผ่าน ซึ่งพบว่าหมวดสินค้าที่ขายดีที่สุดใน 5 อันดับแรก ได้แก่ ผักและผลไม้ 22.2% ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด 20.5% เครื่องปรุงและอุปกรณ์ทำอาหาร 11.7% เนื้อสัตว์และอาหารทะเล 9.4% และ 8.6% เป็นของใช้ในบ้าน

    นายจักรกฤษณ์เปิดเผยว่า จากยูโรมอนิเตอร์คาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคของไทยจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 4.6% ระหว่างปี 2568-2570 ทำให้มูลค่าจะเติบโตเป็น 2.3 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปี 67 ที่มีมูลค่าประมาณ 2 ล้านล้านบาท แม้ผู้บริโภคจะกำลังซื้อเนื่องจากคนไทยยังจับจ่ายซื้อสินค้าในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในช่องทางอีคอมเมิร์ซที่เติบโตสูงถึง 7% ต่อปี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกลุ่ม Gen Z เริ่มเข้าสู่ตลาดแรงงาน



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ตรุษจีนปีนี้คึกคัก! หวังอานิสงส์โครงการ Easy E-Receipt 2.0 ‘ค้าปลีก’ จัดเต็มเตรียมชิงกำลังซื้อ

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine

Forbes Thailand ใช้คุ้กกี้บนเว็บไซต์นี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน ท่านตกลงใช้งานคุ้กกี้เพื่อใช้งานเว็บไซต์ต่อไปนโยบายความเป็นส่วนตัวและนโยบายความการใช้คุกกี้