ชวนเจาะลึกชาว Gen Y-Wealth หรือ ‘เจนวายล่ำซำ’ ที่แม้มีเพียง 1% แต่ใช้จ่ายมากกว่า Gen Y ทั่วไปถึง 7 เท่า - Forbes Thailand

ชวนเจาะลึกชาว Gen Y-Wealth หรือ ‘เจนวายล่ำซำ’ ที่แม้มีเพียง 1% แต่ใช้จ่ายมากกว่า Gen Y ทั่วไปถึง 7 เท่า

FORBES THAILAND / ADMIN
27 Jan 2025 | 12:55 PM
READ 1078

The 1 Insight ชี้ทางธุรกิจปลุกยอดขายรับปี 2025 เผยกลยุทธ์เจาะกลุ่มผู้บริโภค ‘Gen Y-Wealth เจนวายล่ำซำ’ ซึ่งก็คือกลุ่ม Gen Y (อายุ 25-40 ปี) ที่อยู่ใน Wealth Segment ของประเทศไทย คนกลุ่มนี้มีการใช้จ่ายสูงกว่า 7 เท่าเมื่อเทียบกับ Gen Y ทั่วไป จึงเป็นลูกค้า High Value และ Premium Consumers อันเป็นโอกาสทองสำหรับหลากหลายกลุ่มธุรกิจในปัจจุบันและอีกหลายทศวรรษต่อจากนี้


    ปฏิเสธไม่ได้ว่า Gen Y เป็นกลุ่มผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักในปัจจุบัน โดยภายในปี 2025 นี้ ชาว Gen Y จะครองสัดส่วนมากถึง 75% ของวัยแรงงานทั่วโลก ความสามารถในการหารายได้ทำให้พวกเขากลายเป็นกลุ่มผู้บริโภคสำคัญในตลาด อย่างไรก็ดี การวิเคราะห์เชิงลึกจาก The 1 Insight ยังเผยให้เห็นถึงกลุ่มย่อยที่เรียกว่า Gen Y-Wealth เจนวายล่ำซำ

    แม้คนกลุ่มนี้จะคิดเป็นเพียง 1% ของ Gen Y ทั้งหมด แต่กลับมีการใช้จ่ายที่สูงกว่ากลุ่มอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ โดยคิดเป็น 30% ของการใช้จ่ายรวม โดยกลุ่ม Gen Y-Wealth ยังมีการใช้จ่ายเฉลี่ยมากกว่า Gen Y ทั่วไปถึง 7 เท่า สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มนี้มีศักยภาพในการจับจ่ายและสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระดับสูง

    กลุ่ม Gen Y-Wealth ประกอบไปด้วยทั้งกลุ่มผู้สืบทอดทรัพย์สินจากครอบครัวรุ่น Silent Generation และ Baby Boomers รวมถึงกลุ่มนักธุรกิจที่สร้างตัวเองจากเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) เช่น ธุรกิจอีคอมเมิร์ซและเทคโนโลยี นอกจากนี้ Gen Y กำลังจะเป็นผู้รับประโยชน์จากปรากฏการณ์ส่งต่อทรัพย์สินระดับโลกที่เรียกว่า Great Wealth Transfer ซึ่งมีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ Gen Y มีศักยภาพที่จะกลายเป็นหนึ่งในรุ่นที่ร่ำรวยที่สุดในประวัติศาสตร์

    สำหรับพฤติกรรมการบริโภคที่น่าสนใจของกลุ่ม Gen Y-Wealth ที่ The 1 Insight ทำการสำรวจและวิเคราะห์มีทั้งหมด 3 ข้อ ดังนี้


พร้อมจ่ายเพื่อภาพลักษณ์ (Image-Driven Spending)

    แรงจูงใจหลักของกลุ่ม Gen Y-Wealth สอดคล้องกับ Gen Y ที่เน้นการสร้างภาพลักษณ์มากกว่าช่วงวัยอื่นๆ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด Generation ME ของนักจิตวิทยา โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาเติบโตมากับโซเชียลมีเดียที่การนำเสนอชีวิตและเปรียบเทียบกับผู้อื่นเป็นเรื่องปกติ

    ที่สำคัญคือ กลุ่ม Gen Y-Wealth มีความพร้อมทางการเงินที่จะตอบสนองความต้องการดังกล่าว ทำให้พวกเขาเป็นกลุ่ม Premium Consumers ที่ทรงอิทธิพลอย่างมากในตลาดปัจจุบัน โดยสัดส่วนการใช้จ่าย 50% ของกลุ่ม Gen Y-Wealth อยู่ในหมวดสินค้าแฟชั่นลักชัวรี่และบิวตี้ โดยมีการใช้จ่ายในหมวดแฟชั่นลักชัวรี่มากกว่ากลุ่มอื่นๆ 15 เท่า และในหมวดบิวตี้มากกว่าถึง 4 เท่า

    ในส่วนของ 3 อันดับสินค้าแฟชั่นลักชัวรี่ขายดีในกลุ่ม Gen Y-Wealth ได้แก่ Luxury Watch, Fine Jewelry และ Designer Fashion โดยส่วนใหญ่นิยมช้อปปิ้งในห้างหรู อาทิเช่น เซ็นทรัล เอ็มบาสซี และห้างสรรพสินค้าอื่นๆ ในระดับเดียวกัน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในไลฟ์สไตล์ของกลุ่ม Gen Y-Wealth ซึ่งมีการใช้จ่ายรวมสูงสุดจากทุกช่วงวัยที่สถานที่ดังกล่าว ซึ่งเต็มไปด้วยแบรนด์ลักชัวรี่ระดับโลก นอกจากนั้น ยังพบว่ามีกลุ่มที่ชื่นชอบกลุ่มแบรนด์ Quiet Luxury ที่ยังคงมีการเติบโตโดดเด่นและมอบภาพลักษณ์หรูในอีกระดับหนึ่ง



    นอกจากนี้ จากฐานข้อมูล The 1 พบว่า 40% ของกลุ่ม Gen Y-Wealth นั้นเป็นคุณพ่อคุณแม่ ดังนั้น พฤติกรรมการใช้จ่ายในหมวดแฟชั่นจึงรวมถึงแฟชั่นสำหรับเด็กด้วย โดยกลุ่ม Gen Y-Wealth มีการใช้จ่ายกับเสื้อผ้าสำหรับเด็กมากกว่าคนรุ่นอื่นๆ ถึง 2 เท่า

    ในส่วนของ 3 อันดับสินค้าบิวตี้ขายดีในกลุ่ม Gen Y-Wealth ได้แก่ Shimmer Pressed Powder, Intensive Wrinkle Treatment, Luxury Perfume สะท้อนถึงความสำคัญของความงามในฐานะส่วนหนึ่งของการแสดงออกตัวตนของพวกเขา สำหรับคนในช่วงวัยนี้ การลงทุนดูแลความงามด้วยสินค้าบิวตี้เป็นการสร้าง Personal Branding ที่แข็งแกร่ง พร้อมด้วยความตระหนักรู้ถึงคุณค่าของมอบสิ่งดีๆ ให้กับตนเอง


เหนือกว่าด้วยประสบการณ์ (Prestige Experience)

    กลุ่ม Gen Y-Wealth ให้ความสำคัญกับประสบการณ์มากกว่ากลุ่ม Gen Y ทั่วไปอย่างชัดเจน กลุ่ม Gen Y-Wealth มีการใช้จ่ายในการท่องเที่ยวต่างประเทศมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ถึง 4 เท่า นอกจากนี้ การเลือกใช้บริการที่หรูหรา เช่น โรงแรมระดับโลก หรือการเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษ เป็นสิ่งที่กลุ่มนี้ให้ความสำคัญสูง เพราะถือว่าเป็นการสร้างประสบการณ์ที่มีค่าและน่าจดจำ มากกว่าการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียว ดังนั้น แบรนด์ที่ต้องการดึงดูดกลุ่ม Gen Y-Wealth จึงควรเน้นการมอบประสบการณ์พิเศษที่ตอบสนองความต้องการในด้านความหรูหราและความแตกต่าง เพื่อสร้างความประทับใจที่เหนือกว่ากลุ่ม Gen Y ทั่วไป

    จากข้อมูลชี้ว่า ชาว Gen Y-Wealth ชื่นชอบการเป็นสมาชิกของ Privilege Club ต่างๆ โดยมีจำนวนสมาชิกสูงเป็นอันดับ 2 รองจาก Gen X ในโปรแกรม The 1 Exclusive และเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีสัดส่วนสมาชิกสูงในโปรแกรม Cenfinity ซึ่งเป็นโปรแกรมพิเศษสำหรับกลุ่ม Top Customers ลูกค้าคนสำคัญของห้างเซ็นทรัล ห้างโรบินสัน และเซ็นทรัล เอ็มบาสซี โดยทั้งสองโปรแกรมดังกล่าวมอบสิทธิประโยชน์และบริการพิเศษทั้งในแง่ของ Dining, Hospitality, Travel, Wellness และ Lifestyle

    สะท้อนให้เห็นว่าสำหรับกลุ่ม Gen Y-Wealth แบรนด์ไม่สามารถเข้าถึงของกลุ่มดังกล่าวด้วยการโฆษณาสรรพคุณสินค้าตรงๆ เพียงอย่างเดียว ทว่าอาจนำเสนอแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ในฐานะผู้มอบประสบการณ์ที่ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์และสถานะทางสังคมของพวกเขา


ช้อปได้ไร้รอยต่อ (Omni-Centric & Phygital)

    เนื่องจากเติบโตมาพร้อมกับยุคดิจิทัล กลุ่ม Gen Y-Wealth จึงมีความคุ้นเคยกับทั้งโลก Physical และ Digital ดังนั้นแบรนด์จึงต้องมอบประสบการณ์ Phygital ที่เชื่อมโยงโลกจริงและโลกดิจิทัลเข้าไว้อย่างไร้รอยต่อ โดยผู้บริโภคกลุ่มนี้ใช้จ่ายผ่าน E-Commerce และ Personal Shopper มากกว่า 4 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ เพื่อรับคำแนะนำหรือทำการซื้ออย่างสะดวกสบายได้ในทันที รวมถึงนิยมใช้บริการแอปพลิเคชั่นเดลิเวอรี่ เช่น LINE MAN โดยรีวอร์ดส่วนลดของ LINE MAN เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในแคมเปญบน The 1 APP ที่ได้รับการแลกสูงสุดและได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากกลุ่มสมาชิก The 1 Exclusive

    ส่วนการช้อปที่หน้าร้าน ก็ยังคงให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายสูงสุด โดยกลุ่ม Gen Y-Wealth นิยมช้อปในช่วงวันธรรมดาระหว่างวันมากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ สะท้อนถึงความต้องการประสบการณ์ที่สะดวกสบายและเป็นส่วนตัว โดยไม่ได้จำกัดว่าจะเป็นช่องทาง Physical หรือ Digital นั่นเอง


ภาพ: The 1 Insight และ Semih Akdag on Pexels


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : 50 บริษัท ที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุด ประจำปี 2025

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine