เปิดตัว “Teenoi Gold” แบรนด์สุกี้บุฟเฟ่ต์พรีเมียมน้องใหม่จาก “สุกี้ตี๋น้อย” สาขาแรกที่เมเจอร์ รัชโยธิน 30 สิงหาคมนี้ จับมือเชฟระดับโรงแรม 5 ดาว เสิร์ฟติ่มซำสไตล์ฮ่องกงทำสดทุกวัน อิ่มไม่จำกัดที่ 599 บาทต่อหัว ช่วงเปิดถึงสิ้นปีนี้โปรที่ 499 บาท
นัทธมน พิศาลกิจวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้งแบรนด์สุกี้ตี๋น้อย บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมสาขาแรกของ “ตี๋น้อยโกลด์” แบรนด์อาหารน้องใหม่ของ “สุกี้ตี๋น้อย” ที่เมเจอร์ อเวนิว รัชโยธิน ในวันเสาร์ที่ 30 สิงหาคมนี้ โดยสาขานี้ใช้เงินลงทุน 15-20 ล้านบาท มีพื้นที่ 500 ตารางเมตร ขนาด 30 ที่นั่ง เปิดบริการตั้งแต่ 10.30 น. ถึงตี 5
ราคาต่อหัวอยู่ที่ 599 บาท แต่ในช่วงแรกจัดโปรโมชั่นที่ 499 บาท ทานได้ไม่อั้นไม่รวมเครื่องดื่มรีฟิลอีก 10 ชนิด ราคา 49 บาท อาทิ ชาไทยมะพร้าวน้ำหอม มัทฉะมะพร้าวน้ำหอม ส้มยูซุ ชาลำไยสีทอง เป็นต้น
“การเพิ่มแบรนด์ใหม่เป็นแผนที่เราวางไว้นานแล้วตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจเมื่อ 8 ปีก่อน เพื่อขยายฐานลูกค้าให้หลากหลาย ไม่เคยคิดจะทำแค่สุกี้เพียงแบรนด์เดียว Teenoi Gold เป็นอาหารแบรนด์ที่ 3 ในพอร์ต ออกมาทดแทน Teenoi Express สุกี้พรีเมียมที่เคยทำตลาดมาเมื่อ 2 ปีก่อน แต่ perception ของลูกค้าในเรื่องพรีเมียมยังไม่ชัดเจน เราจึงรีแบรนด์เป็นชื่อใหม่เป็น Teenoi Gold ตามที่ลูกค้าเสนอ” นัทธมนบอก
เธอกล่าวว่า Teenoi Gold เสิร์ฟเมนูอาหารระดับโรงแรม 5 ดาวในราคาที่เอื้อมถึงและสัมผัสได้ เป็นการสะท้อนให้ลูกค้าเห็นว่า ตี๋น้อยก็ทำพรีเมียมบุฟเฟ่ต์เป็นเหมือนกัน
“Teenoi Express เป็น learning curve ยอดขายเป็นที่น่าพอใจ มันอยู่ได้ แต่แบรนดิ้งไม่ชัดเจน ลูกค้าไม่ get กับแบรนด์ Teenoi Express ว่าต่างจากสุกี้ตี๋น้อยอย่างไร เรามีสาขาเดียว ขยายต่อไม่ได้ ซึ่งเวลาเราเปิดร้านอะไรต้องตื่นเต้น ขยายได้ แต่เรารู้สึกว่าความตื่นเต้นมันน้อยลง จึงตัดสินใจรีแบรนด์ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา” นัทธมนบอก

เพื่อให้ Teenoi Gold มีภาพความเป็นแบรนด์บุฟเฟ่ต์พรีเมียมที่ชัดเจนและแตกต่างจาก Teenoi Suki และสร้างมิติใหม่ให้อาหารของตี๋น้อย นัทธมนจึงจับมือร่วมกับ Chef Ho เชฟชาวฮ่องกงที่มีประสบการณ์อาหารสไตล์จีนฮ่องกงระดับโรงแรม 5 ดาวมาหลายแห่ง อาทิ แมนดารินโอเรียนเต็ลและแชงกรีล่า มาช่วยพัฒนาเมนูต่างๆ นอกจากประสบการณ์ด้านอาหารกว่า 35 ปีแล้ว Chef Ho ยังเป็นเพื่อนกับพ่อของนัทธมน และเป็นเจ้าของภัตตาคารจีนชื่อดัง “Ho Kitchen” ด้วย และพ่อของนัทธมนเองก็มีหุ้นที่ภัตตาคารของเชฟโฮด้วย
การบริหารของ Teenoi Gold ถูกแยกชัดเจนออกจากสุกี้ตี๋น้อย ภายใต้บริษัทใหม่ชื่อ “BNN & Ho" เป็นการร่วมทุนระหว่าง กลุ่ม BNN ของนัทธมนและ Chef Ho ถือหุ้น 70% และ 30% ตามลำดับ
Teenoi Gold เป็นพรีเมียมบุฟเฟ่ต์ ที่เสิร์ฟอาหารทำจากวัตถุดิบคุณภาพสูง และมีเมนูให้เลือกประมาณ 80 รายการ เมนูที่ไฮไลต์ได้แก่ อาทิ ตับหมูหมักสูตรฮ่องกง หมูแดงฮ่องกง มีความนุ่มและกลิ่นหอม เพราะย่างจากไม้ลิ้นจี่ ส่วนเป็ดย่างมีการเสิร์ฟชั่วคราว สั่งได้ไม่อั้น แต่เป็นการทดลองในช่วงแรก ยังไม่ได้บรรจุเป็นเมนูถาวร

นอกจากนี้ยังมีของทอดที่เสิร์ฟเป็นเข่งๆ บนรถเข็น อาทิ ซาลาเปาลาวาไข่เค็ม กระดูกหมู xo ขนมจีบหมูเห็ดหอม และของทอดที่ให้เลือกหยิบได้ทั่วไป อาทิ กุ้งทอดวาซาบิ กุยช่าย ของหวานมีให้เลือกได้แก่ สาคูแคนตาลูป และแปะก๊วยนมสด นั่งทานได้ 2 ชั่วโมง
นอกจากนี้ยังมีวัตถุดิบ อาหารคาวหวาน ของทอดและเครื่องดื่มต่างๆ ให้เลือกอาทิ อาทิ เนื้อวากิวจากออสเตรเลีย 3 แบบ คือ เนื้อวากิวพันนอกออสเตรเลีย เนื้อวากิวบริสเก็ตออสเตรเลีย และเนื้อวากิวสันนอกออสเตรเลีย ปลากะพงสไลด์ กุ้งแม่น้ำ กุ้งก้ามกราม กุ้งแก้วหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ ปลาหมึกกระดองไซส์ใหญ่ ลูกชิ้นกุ้งปั้นสด เป็นต้น

ส่วนน้ำซุปมีให้เลือก 4 แบบ ได้แก่ น้ำซุปกระดูกหมูคอลลาเจน น้ำซุปดำ น้ำซุปไก่เห็ดหอม หมาล่า ซุปดำ พร้อมน้ำจิ้มสุกี้ 4 ชนิด ทั้งน้ำจิ้มงาสไตล์ญี่ปุ่น น้ำจิ้มงาสูตรเผ็ดสไตล์หมาล่า พอนสึยูสุ และน้ำจิ้มซีฟู้ด
อาหารสไตล์จีนฮ่องกงที่เสิร์ฟในร้าน Teenoi Gold ทั้งหมดจะพัฒนาโดย Chef Ho และทำสดใหม่จากทีมเชฟฮ่องกงทุกวัน
นัทธมนบอกว่า มีแผนจะเปิดสาขาใหม่อีก 2 แห่งภายในปีนี้ โดยสาขาที่ 2 จะเป็นแฟล็กชิปสโตร์ขนาด 1,000 ตารางเมตร ลักษณะเป็น open kitchen เปิดที่ถนนเลียบทางด่วน-รามอินทราในเดือนพฤศจิกายนนี้ มีทั้งหมด 60 ที่นั่ง ส่วนสาขาที่ 3 จะเปิดที่เมเจอร์สุขุมวิท ในเดือนธันวาคมหรือต้นเดือนมกราคมปีหน้า
บริษัทตั้งเป้าว่าจะเปิด Teenoi Gold ให้ครบ 11 แห่งในปีหน้า มีทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาทิ สาขาออนติวานนท์, อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ บางใหญ่, อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ชลบุรี, โลตัส นครปฐม, ธัญญาพาร์ค, พีทีที ปาร์ค มอลล์ 5 ศรีนครินทร์, เดอะวอร์ค เกษตร-นวมินทร์ (ชั้น2)
ปัจจุบันนี้ สุกี้ตี๋น้อยเปิดให้บริการกว่า 90 สาขาทั่วประเทศ และคาดว่าจะมีสาขามากกว่า 100 แห่งในสิ้นปี ส่วนตี๋น้อยบาร์บีคิวมี 5 สาขา

สำหรับการสร้างธุรกิจให้มีรายได้ถึง 9,000 ล้านบาทภายใน 8 ปี และจะทะลุถึง 10,000 ล้านในปีหน้า นัทธมนมองว่า ยังเรียกว่าประสบความสำเร็จไม่ได้ เธอบอกว่า ตัวเธอยังไม่เก่งพอ ต้องเรียนรู้อะไรอีกมากเพื่อสร้างธุรกิจให้เติบโตได้มากกว่านี้ เคล็ดลับที่ทำให้ธุรกิจมายืนถึงจุดนี้ในวันนี้ เป็นเพราะเวลาเธอทำอะไรจะไม่คิดมาก เพราะหากคิดมากก็จะไม่กล้าทำอะไร สิ่งที่เป็นเป้าหมายสูงสุดของนัทธมนไม่ใช่การบรรลุเป้าหมายของยอดขายสูงสุด การมีแบรนด์มากที่สุด หรือมีจำนวนสาขามากที่สุด แต่เป็นเรื่องความยั่งยืนของบริษัท ที่สามารถส่งต่อให้ผู้รับไม้รุ่นสู่รุ่นได้อีก 20-30 ปีหรือมากกว่าโดยสินค้ายังคงคุณภาพ แม้ในวันนั้นจะไม่มีเธอ
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘Meland Club’ สวนสนุกในร่มจากจีน เตรียมเปิดที่ ‘สยามพารากอน’ ไตรมาส 4 ปีนี้
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine