เมื่อย้อนไปในช่วง COVID-19 ผู้คนไม่ค่อยได้ออกจากบ้านจึงทำให้ตลาดเครื่องสำอางชะลอตัวลงอย่างชัดเจน แต่กลับพบว่าหมวดสกินแคร์ หรือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวยังเติบโตได้ดี จากจุดนี้เองทำให้ ‘ศรีจันทร์’ เริ่มบุกในตลาดนี้อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีคู่แข่งมากมายทั้งจากแบรนด์ในไทยหรือต่างประเทศ ล่าสุด จึงเปิดตัวพรีเซนต์เตอร์ ‘แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล’ สำหรับ SRICHAND IN-SKIN กลุ่มผลิตภัณฑ์สกินแคร์
นายรวิศ หาญอุตสาหะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด (ศรีจันทร์) กล่าวว่า ปี 2567 นี้ ตลาดผลิตภัณฑ์ด้านความงามของไทยมีมูลค่ากว่า 340,000 ล้านบาท ถือว่ากลับมาเติบโตขึ้นหลังจากผ่านช่วง COVID-19 ขณะเดียวกันปีนี้กระแสผลิตภัณฑ์ Health & Beauty ยังมาแรงโดยเฉพาะสกินแคร์ ที่มีสัดส่วนโตมากที่สุดถึง 44% จึงทำให้ศรีจันทร์ เร่งขยายธุรกิจนี้มากขึ้น ปัจจุบันมีสัดส่วนราว 30% ใกล้เคียงกับผลิตภัณฑ์กลุ่มแป้ง/รองพื้น และกลุ่มครีมกันแดด
อีกหนึ่งเหตุผลที่ศรีจันทร์ หันมาขยายในธุรกิจสกินแคร์ เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่คนจะเปลี่ยนยากที่สุด และมีฐานลูกค้าในช่วงอายุที่กว้าง ตั้งแต่วัยรุ่น วัยมหาวิทยาลัย ไปจนถึงวัยทำงาน ซึ่งการเลือกเฟ้นสกินแคร์ของผู้บริโภคอาจคล้ายกับเสื้อผ้าที่ภาพลักษณ์ และแบรนด์ยังมีส่วนสำคัญในการตัดสินใจซื้อ
ล่าสุด ศรีจันทร์จึงเปิดตัว “แบมแบม-กันต์พิมุกต์” ศิลปินเกาหลีสัญชาติไทยมารับตำแหน่งพรีเซนเตอร์ SRICHAND IN-SKIN กลุ่มผลิตภัณฑ์สกินแคร์ และเชื่อว่าจะทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น ในฐานะแบรนด์ไทยที่มีความเป็นสากล
“SRICHAND IN-SKIN คือกลุ่มผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่เราตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อดูแลทุกสภาพผิวของคนไทย ที่ไม่ใช่แค่การดูแลผิวภายนอกเท่านั้น แต่คือการใส่ใจในการดูแล “ผิว” ตั้งแต่ ‘Inside the skin’ ซึ่งถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการสร้างผิวที่แข็งแรงอย่างแท้จริง” รวิศ กล่าว
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ SRICHAND IN-SKIN แบ่งเป็น 3 ไลน์ ได้แก่ 1) SRICHAND Skin Moisture Burst เน้นสร้างความชุ่มชื้นให้ผิว 2) SRICHAND Super C Brightening Intense Serum กลุ่มเซรั่มลดความหมองคล้ำ และ 3) SRICHAND Timeless Anti-Aging Facial Serum เซรั่มบำรุงผิวเข้มข้นเพื่อผิวอ่อนเยาว์
ขณะที่ภาพรวมธุรกิจ ศรีจันทร์ ตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2567 จะอยู่ที่ 1,500 ล้านบาท เติบโตขึ้น 50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีแรงส่งจากภาวะตลาดที่เติบโตขึ้น แม้ว่าระยะนี้ผู้บริโภคจะให้ความสำคัญกับเรื่องความคุ้มค่า หรือใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อนานขึ้น แต่ยังมีการใช้จ่ายในกลุ่มเครื่องสำอางเพิ่มขึ้น รวมถึงเริ่มวางแผนการขยายในตลาดต่างประเทศ แม้ปัจจุบันยังมีสัดส่วนน้อย (ไม่ถึง 10%)
ส่วนปี 2568 อยู่ระหว่างการทำแผนงานและวางเป้าหมาย แต่คาดว่า ศรีจันทร์จะยังเติบโตที่ระดับ 50% ส่วนหนึ่งเพราะมีแรงส่งจากภาวะตลาดที่ฟื้นตัว และทางบริษัทฯ มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เข้าใจในพฤติกรรมของลูกค้า และช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
แต่ยังมีความเสี่ยงและความท้าทายหลักจาก ภาวะต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น เช่น กลุ่มพลาสติกช่วงที่ผ่านมาต้นทุนเพิ่มขึ้นราว 5-6% จึงต้องมีการปรับการออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อบริหารต้นทุน ไปจนถึงการจัดซื้อ และการขนส่งที่ต้องควบคุมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปัจจัยภายนอกอย่าง สงครามการค้าจะขยายวงกว้างหรือไม่, สถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก ที่อาจจะทบต่อ Shipping และการขนส่งทางเรือที่ต้นทุนอาจสูงขึ้นเมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างกะทันหัน
ในส่วนของศรีจันทร์ ทางบริษัทฯ ได้ชะลอแผนการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยออกไป จากเดิมที่คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนฯ ในปี 2569 เพื่อระดมเงินทุนในการทำ R&D และพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัท ซึ่งปัจจุบันยังรอดูและติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด
ภาพ: บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เจ้าของเครื่องสำอาง MERREZCA ยื่นไฟลิ่งขายหุ้น IPO แล้ว เดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ mai
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine