บริษัท เพนดูลัม จำกัด ผู้จัดจำหน่ายนาฬิกาหรูคุณภาพระดับโลก ในเครือบริษัท ซินเซียร์ ไฟน์ วอทช์ ผู้ดำเนินธุรกิจบูติกนาฬิกาแบรนด์อิสระชั้นนำระดับโลก ร่วมฉลองครบรอบ 70 ปีของบริษัทแม่ เตรียมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟตลอดครึ่งปีหลัง พร้อมคัดสรรแบรนด์หรูหายากรุ่นพิเศษ เปิดตัวอวดโฉมต้อนรับมหาเศรษฐีนักสะสมนาฬิกา หลังเปิดตัวบูติกสแตนด์อโลนแบรนด์ Zenith แห่งแรกในประเทศไทยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาที่สยามพารากอน
มร. โจเซฟ วี (Joseph Wee) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เพนดูลัม จำกัด กล่าวว่า หลังจากบริษัทได้เปิดตัวบูติกสแตนด์อโลนครั้งแรกในประเทศไทยของ Zenith แบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิสที่สยามพารากอน เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ถัดจากบูติกของแบรนด์ Franck Muller เมื่อปลายปีที่แล้ว ในปีนี้บริษัทยังฉลองการครบรอบ 70 ปีของ Sincere Fine Watches ซึ่งเป็นบริษัทแม่ โดยร่วมกับแบรนด์นาฬิกาหรูหลายแบรนด์ จัดกิจกรรมสุดไพรเวทให้กับลูกค้า
"เพนดูลัม ซึ่งดำเนินการในประเทศไทยภายใต้ชื่อ ซินเซียร์ มาตั้งแต่ปี 2535 ถือเป็นบริษัทที่มีบทบาทสำคัญในการบุกเบิกตลาดนาฬิกาหรูในประเทศไทย โดยเป็นผู้ค้าปลีกนาฬิการายแรกที่เปิดร้านเพื่อจัดจำหน่ายเพียงนาฬิกาหรูโดยเฉพาะ พร้อมด้วยคอนเซปต์ The Watch Specialist ร้านบูติกของเราไม่เพียงแต่นำเสนอนาฬิกาหรูเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าผู้ชื่นชอบนาฬิกาผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่มีความไพรเวทสุดเอ็กซ์คลูซีฟ"
สำหรับปีนี้ถือเป็นการครบรอบ 70 ปีของ ซินเซียร์ ไฟน์ วอทช์ ซึ่ง ซินเซียร์ ได้ฉลองการครบรอบ Platinum Jubilee ครั้งนี้ ด้วยการตอกย้ำถึงความสำเร็จภายใต้บริษัท คอร์ติน่า โฮลดิ้ง (Cortina Holdings) ที่ได้เข้ามาซื้อกิจการเมื่อปี 2564 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่ ฟื้นคืนความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศของบริษัทและส่งสัญญาณถึงโอกาสอันน่าตื่นเต้นที่รออยู่ข้างหน้า
"วิสัยทัศน์ของเราสำหรับอนาคตมุ่งเน้นไปที่การเสริมความแข็งแกร่งในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านนาฬิกาชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย เพื่อเป็นการตอกย้ำแนวคิดในการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนาฬิกาชั้นนำ เราจึงเปิดตัว "Horology Lab" เพื่อทำให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงศิลปะแห่ง Craftmanship หรืองานฝีมือได้ผ่านประสบการณ์แบบ Immersive ที่ผู้รับชมมีส่วนร่วม และการให้ความรู้ในเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับนาฬิกาที่รังสรรค์ขึ้นมาเฉพาะให้กับนักสะสมนาฬิกาและผู้ชื่นชอบและสนใจในเครื่องบอกเวลา"
Horology Lab ประกอบด้วย Experiential Atelier เวิร์คช็อปแบบลงมือปฏิบัติได้จริง เช่น การประกอบกลไกและการตกแต่งหน้าปัดนาฬิกา โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้พบและพูดคุยกับช่างนาฬิกาผู้เชี่ยวชาญ ที่บินตรงมาจากประเทศต้นกำเนิดแบรนด์นั้นๆ อย่างสวิตเซอร์แลนด์และเยอรมนี พร้อมมีเครื่องมือพิเศษเพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้รับประสบการณ์อย่างเต็มรูปแบบ ลูกค้าสามารถลองสวมนาฬิกาหรือประกอบนาฬิกาด้วยตัวเองได้ ซึ่งภายหลังเวิร์คช็อป บริษัทยังเตรียมจัดไพรเวทดินเนอร์ให้กับลูกค้าวีไอพี โดยลูกค้าจะได้มีโอกาสร่วมโต๊ะดินเนอร์และพูดคุยกับช่างนาฬิกาเหล่านี้และรวมไปถึงผู้บริหารของแบรนด์ด้วยเช่นกัน
นอกจากเวิร์คช็อปแล้ว ยังมี Fireside Chat ผ่าน Instagram Live ซึ่งเป็นเซสชั่นที่ช่างนาฬิกาหรือตัวแทนของแบรนด์ไม่ว่าจะเป็นซีอีโอหรือผู้จัดการประจำประเทศ เปิดโอกาสให้ลูกค้าหรือผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมผ่านทางออนไลน์ และถามคำถามเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึก และพูดคุยในประเด็นที่น่าสนใจหรือได้รับความนิยม เช่น การเชื่อมโยงระหว่างแฟชั่นและศาสตร์นาฬิกา หรือการออกแบบนาฬิกาสะท้อนและมีอิทธิพลต่อเทรนด์แฟชั่นอย่างไร
Horology Lab มี Horology Narrative คือการบรรยายในหัวข้อเฉพาะ ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น เช่น The Art of Complications หรือศิลปะแห่งกลไกอันซับซ้อน โดยมีภาพประกอบหรือการสาธิตแบบไลฟ์สดเพื่อเพิ่มความเข้าใจในกระบวนการสร้างนาฬิกา
"กิจกรรมเหล่านี้เป็นโอกาสที่ผู้ชื่นชอบนาฬิกาได้ถามเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับนาฬิกาและแบรนด์ที่ไม่ใช่แค่เพียงเรื่องผิวเผินเท่านั้น แต่ยังสามารถเจาะลึกถึงเบื้องหลังของแบรนด์ต่างๆ ที่ชื่นชอบ จุดเริ่มต้นของแบรนด์ วิสัยทัศน์ใหม่ๆ สิ่งที่แบรนด์กำลังทำ และอนาคตข้างหน้าของแบรนด์คืออะไร"
มร. โจเซฟ กล่าวเสริมว่า บริษัทจะเปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษ ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงสิ้นปี ซึ่งเป็นความร่วมมือสุดเอ็กซ์คลูซีฟระหว่าง Sincere และแบรนด์นาฬิกาชั้นนำต่างๆ ที่ออกแบบนาฬิการุ่นพิเศษในจำนวนจำกัด อวดโฉมนักสะสมนาฬิกาในประเทศไทย
สำหรับนาฬิการุ่นลิมิเต็ดเนื่องในโอกาสฉลอง 70 ปีของซินเซียร์ ที่เปิดตัวเป็นรุ่นแรกของปีนั้น เป็นการออกแบบร่วมกับแบรนด์นาฬิกาหรู อย่าง Moritz Grossmann ได้แก่ Moritz Grossmann Hamatic Astral Sincere Platinum Jubilee ที่ผลิตมาเพียง 10 เรือนทั่วโลก โดยประเทศไทยจะนำมาจัดจำหน่ายเพียง 3 เรือนเท่านั้น
รุ่นนี้ผลิตที่ประเทศเยอรมันนี มีกลไก Hamatic เป็นชิ้นส่วนกลไกทรงค้อนที่เหวี่ยงขึ้นลานในสองทิศทางช่วยให้การขึ้นลานมีประสิทธิภาพและการส่งกำลังมีความสม่ำเสมอ อีกหนึ่งความพิเศษอยู่ที่กระบวนการสร้างหน้าปัด Goldstone ที่มาจากการเผาแก้วด้วยทองแดง ความงดงามอยู่ที่ หน้าปัด Goldstone ที่ส่องประกายพร้อมจุดสว่างสีทองและสีน้ำเงินที่ตั้งอยู่บนพื้นหลังสีฟ้ามิดไนท์บลู คล้ายกับภาพของกาแล็กซีที่มีดาวเป็นประกายระยิบระยับ โดยซิกเนเจอร์ของ Moritz Grossmann คือ ชื่อเสียงในด้านการผลิตเข็มนาฬิกาที่บางที่สุดในโลก ซึ่งเป็นงานแฮนเมด แสดงถึงความแม่นยำและทักษะการผลิตนาฬิกาของ Moritz Grossmann
นอกจากนี้ยังมี H. Moser & Cie Pioneer Perpetual Calendar ที่ผลิตขึ้นเพียง 20 เรือนเท่านั้น โดยเป็นนาฬิกาที่เปิดมิติใหม่ให้กับคอลเลคชัน Pioneer ด้วยหน้าปัดเคลือบแบบ "Grand Fue" (กรอง ฟู) ในเฉดสีม่วงฟูเม่อ ซึ่งเป็นการลงยาด้วยความร้อนสูงและผ่านการอบด้วยไฟหลายรอบ ทำให้นาฬิกาทุกเรือนมีหน้าปัดที่มีความลึกและมิติที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นการผสมผสานอันลงตัวระหว่างงานฝีมือดั้งเดิมและความคิดสร้างสรรค์ใหม่ โดยช่างฝีมือเคลือบ "Flash Calendar" ที่ช่วยให้เปลี่ยนวันที่ได้ทันทีตอนเที่ยงคืนและสามารถตั้งวันที่ได้ทั้งการหมุนไปข้างหน้าหรือถอยหลัง โดยไม่เสี่ยงต่อความเสียหายของกลไก
หน้าปัดที่เรียบง่ายของ H. Moser & Cie Pioneer Perpetual Calendar ได้ตัดทอนรายละเอียดเกือบทั้งหมด ยกเว้นเพียงสัญลักษณ์บวกและลบที่แสดงปริมาณพลังงานสำรองตรงตำแหน่ง 9 นาฬิกา และเข็มวินาทีขนาดเล็กตรงตำแหน่ง 6 นาฬิกา ตัวชี้รอบปีซ่อนอยู่บนด้านของกลไก เข็มนาฬิกาทรงใบไม้แบบ Skeleltinized เคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova เพิ่มความชัดเจนในการอ่านเวลา มีกลไก HMC 808 ที่ให้พลังงานสำรองอย่างน้อย 7 วัน ตัวเรือขนาด 42.8 มิลลิเมตร ผลิตจาก Red Gold 18K พร้อมชิ้นส่วน Titanium เคลือบ DLC สีดำ โดยจำหน่ายในราคา 3,554,000 บาท
อีกหนึ่งรุ่นพิเศษที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานนี้ คือ Laurent Ferrier แบรนด์นาฬิกาอิสระชั้นนำ ที่นำเสนอ Grand Sport Tourbillon Sincere Platinum Jubilee Edition ที่ผลิตเพียง 12 เรือนเท่านั้น ตัวเรือนขนาด 44 มิลลิเมตร ผลิตจาก Red Gold 18K พร้อมกลไก Tourbillon ที่ซับซ้อน ตกแต่งอย่างประณีต หน้าปัดสีเขียวแบบ Guilloche ที่มีลวดลายคลื่น ซึ่งสร้างสีสันและเพิ่มมิติให้กับหน้าปัดด้วยการไล่ระดับสีดำ สร้างความแปลกใหม่ในทุกมุมมอง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของแบรนด์ที่ผลิตนาฬิกาพร้อมหน้าปัดแบบ Guilloche โดยสีเขียมอมฟ้าเป็นเฉดสีใหม่จากแบรนด์ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสีสันของท้องทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นผืนน้ำที่ทอดผ่านสิงคโปร์ ไทย และมาเลเซีย อันเป็นประเทศที่ร้านค้าปลีกของซินเซียร์ ประสบความสำเร็จสูง สะท้อนตำนานของซินเซียร์ตลอด 70 ปีที่ผ่านมา
ความโดดเด่นของ Grand Sport Tourbillon Sincere Platinum Jubilee Edition นอกจากการอ่านเวลาได้ง่ายด้วยการเลือกใช้สารเรืองแสง Super-LumiNova สีขาวเคลือบลงบนเข็มนาฬิกาทรงปลายหอก และหลักชั่วโมงทรงหยดน้ำ และหน้าปัดวินาทีย่อย ด้วย White Gold เคลือบ Ruthenium ยังมีกลไก Tourbillon ที่แบรนด์คว้ารางวัล Best Tourbillon ในปี 2023 จากงาน Grand Prix d’Horlogerie de Genève (GPHG) ซึ่งรุ่นนี้เผยให้เห็นกลไก Tourbillon ผ่านฝาหลังกระจกแซฟไฟร์ ที่สลักข้อความ "One of Twelve" มาพร้อมกับสายหนังนูบักและตัวเรือนที่ขัดผิวแบบซาติน โดยจำหน่ายในราคา 9,388,000 บาท
สำหรับแนวโน้มของนาฬิกาแบรนด์หรูในปีนี้ มร. โจเซฟ กล่าวว่า ตลาดเริ่มเห็นนาฬิกากลุ่ม Independent brands หรือนาฬิกาที่มีความพิเศษ แหวกแนว เทคโนโลยีสุดล้ำ มากขึ้น อย่างไรก็ตาม แบรนด์นาฬิกาเก่าแก่ระดับตำนานส่วนใหญ่มีอายุกว่า 100-200 ปี ซึ่งเมื่อพูดถึงแบรนด์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก หนึ่งในนั้นมักจะเป็นแบรนด์นาฬิกา เพราะนาฬิกาไม่ใช่แค่เครื่องบอกเวลาเท่านั้น แต่ยังบอกถึงคุณค่าของเวลาและคุณค่าของบุคคลที่สวมนาฬิกานั้นหรืออีกนัยหนึ่งคือเครื่องบ่งบอกสถานะ
"ลูกค้ามองหานาฬิกาที่มีความเป็นเอกลักษณ์มากขึ้น ต้องการครอบครองแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเรามีนาฬิกาบางรุ่นจากแบรนด์ H. Moser & Cie ที่ไม่มีโลโก้ แต่เมื่อได้สัมผัสจะเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมจึงมีราคาสูง เรียกได้ว่า คนที่รู้จักแบรนด์นี้ ก็จะรู้ทันทีว่าเรือนนี้คือแบรนด์นี้ นี่คือ Quiet Luxury ที่เป็นเทรนด์ในแบรนด์แฟชั่นและนาฬิกาหรูในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา"
มร. โจเซฟ กล่าวต่อว่า เพนดูลัมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านนาฬิกาและผู้บุกเบิกตลาดนาฬิกาหรูของไทย มีความภูมิใจที่ได้เป็นตัวแทนของแบรนด์ระดับตำนานอย่าง Rolex ที่มีชื่อเสียงในด้านความเที่ยงตรงและงานฝีมืออันประณีต ความร่วมมือที่มีมายาวนานระหว่างเพนดูลัมและ Rolex เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการจัดหานาฬิกาที่ดีที่สุดให้ลูกค้าของเรา
"เพนดูลัมยังคงวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นการคัดสรรแบรนด์คุณภาพดีและน่าสนใจแปลกใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย โดยเน้นการให้ความรู้แก่ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคนิคหรือกลไกต่างๆ ของนาฬิกา ไม่ว่าจะเป็น Greubel Forsey ที่มีกลไกอันซับซ้อน ไปจนถึงแบรนด์นาฬิกาอย่าง Jacob & Co. ที่มีดีไซน์โดดเด่นสะดุดตา และเราเป็นแห่งเดียวในประเทศไทยที่จะได้พบนาฬิกาที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน เพราะเราเป็นผู้จัดจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟของแบรนด์เหล่านี้ ในขณะเดียวกัน เรายังมีบริการเอ็กซ์คลูซีฟของ Pendulum Club ที่สร้างประสบการณ์สุดพิเศษให้กับลูกค้า และโอกาสที่จะได้พูดคุยใกล้ชิดกับตัวแทนของแบรนด์ที่จะมอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเบื้องหลังของนาฬิกาแต่ละชิ้น การเข้าซื้อกิจการโดย Cortina Holdings จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ Sincere Fine Watches สามารถสานต่อมรดกแห่งความเป็นเลิศและนวัตกรรมในการขายปลีกนาฬิกาหรูต่อไปได้" มร. โจเซฟ กล่าวทิ้งท้าย