ตลอดเส้นทางการดำเนินธุรกิจกว่า 17 ปีในประเทศไทย เคอรี่ เอ็กซ์เพรส ได้ปักหมุดไมล์สโตนสำคัญ ในฐานะผู้ริเริ่มธุรกิจจัดส่งพัสดุด่วนเอกชนรายแรกของประเทศ ทำให้พบเห็นร้าน Kerry Express สีส้มผุดขึ้นอยู่ทุกที่ ทุกชุมชน เพื่อให้บริการลูกค้าทั่วประเทศไทย จนทำให้ "เคอรี่ฯ" กลายเป็นคำที่ถูกเรียกกันติดปากเมื่อจะไปส่งพัสดุ พร้อมก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดขนส่งเอกชนเบอร์ 1 และครองตำแหน่งแบรนด์ยอดนิยมถึงปัจจุบัน
อเล็กซ์ อึ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คีย์แมนคนสำคัญที่มีส่วนขับเคลื่อนและวางแนวทางการดำเนินธุรกิจจัดส่งด่วนที่ครองใจผู้บริโภค ได้เล่าถึงที่มาของความสำเร็จและก้าวต่อไปพร้อมไมล์สโตนใหม่ของเคอรี่ฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้น
"เคอรี่ เอ็กซ์เพรส เราเป็นผู้นำนวัตกรรมในอุตสาหกรรมขนส่งและลอจิสติกส์ที่ไม่เคยหยุดพัฒนา และในปีนี้ ก็ถือเป็นก้าวสำคัญครั้งใหม่ของบริษัทฯ ด้วยการร่วมมือกับเอสเอฟ เอ็กซ์เพรส (SF Express) บริษัทขนส่งอันดับ 1 จากประเทศจีน ซึ่งการผนึกกำลังระหว่างสองบริษัทนั้น เรียกได้ว่าเป็นการพลิกโฉมวงการจัดส่งพัสดุด่วนในไทย เนื่องจาก SF Express จะเข้ามาช่วยในการพัฒนาเครือข่ายและระบบปฏิบัติการ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินงาน โดยการแลกเปลี่ยนทรัพยากรบุคคล และองค์ความรู้ในอุตสาหกรรมที่ทาง SF Express มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ซึ่งทางเคอรี่ฯ จะสามารถนำโนว์ฮาวมาปรับใช้ในด้านต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นระบบคัดแยกอัตโนมัติ เพื่อช่วยลดกระบวนการเคลื่อนย้ายสินค้าและเวลาในการจัดส่ง การปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานของคลังสินค้าในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ การปรับปรุงขีดความสามารถของศูนย์กระจายสินค้าเพื่อให้บริการจัดส่งพัสดุดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพพร้อมทั้งใช้ทรัพยากรอย่างเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ยังได้นำเอาเทคโนโลยี เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย อาทิ ยานพาหนะ อุปกรณ์ในคลังสินค้า อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ นวัตกรรมการให้บริการด้วยระบบ AI ระบบฟังก์ชันต่างๆ ฯลฯ เพื่อทำให้การดำเนินงานด้านการจัดส่งพัสดุมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมช่วยลดขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อนให้แก่พนักงานอีกด้วย ความร่วมมือระหว่างเคอรี่ฯ และ SF Express นั้น จะช่วยขับเคลื่อนให้เคอรี่ฯ เติบโตและขยายขีดความสามารถในการเป็นผู้นำธุรกิจจัดส่งพัสดุด่วนและทำให้เคอรี่ฯ สามารถส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้าโดยทั้งสองบริษัทพร้อมที่จะนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ในอนาคตที่จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทั้งลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจ ทั้งนี้เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการ และตอบโจทย์ลูกค้าให้มากที่สุด"
"เคอรี่ฯ เป็นบริษัทที่ไม่มีสูตรสำเร็จ เพราะธุรกิจโลจิสติกส์ถือเป็นธุรกิจใหม่ที่เติบโตพร้อมกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ บริษัทฯ จึงต้องลองผิดลองถูกและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา ธุรกิจโลจิสติกส์โดยเฉพาะการจัดส่งพัสดุด่วนเป็นธุรกิจที่ต้องดูแลใส่ใจในทุกขั้นตอนเพื่อลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งรวมไปถึงกระบวนการทำงานของบริษัทฯ เอง โดยบริษัทฯ ยังคงยึดมั่นในแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ยึดหลักแนวคิดที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลางเสมอ" อเล็กซ์ กล่าว
"สิ่งสำคัญ คือ เราต้องปรับตัวให้ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและความท้าทายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น พร้อมฟังเสียงสะท้อนจากลูกค้าและนำมาปรับปรุงแก้ไข เพื่อยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า ที่สำคัญต้องก้าวนำหน้าคู่แข่งเสมอ สิ่งเหล่านี้ฝังแน่นอยู่ในค่านิยมหลักของเคอรี่ฯ มาโดยตลอด นอกจากนี้ เรายังได้มีการทำดัชนีวัดความพอใจของลูกค้าต่อองค์กร หรือ Net Promoter Score (NPS) เพื่อสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ และเพื่อนำผลที่ได้มาวางแนวทางการพัฒนาปรับปรุงการให้บริการ ทั้งนี้ ผลที่ออกมาพบว่าบริษัทฯ ยังคงเป็นผู้นำในเกือบทุกด้าน บ่งบอกถึงการเป็นที่ยอมรับของตลาดเกี่ยวกับแบรนด์และคุณภาพของบริษัทฯ และลูกค้ามีความเชื่อมั่นและรักในแบรนด์อีกด้วย"
การเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ เป็นอีกกลยุทธ์ที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนธุรกิจ SMEs (ธุรกิจรายย่อย) และ B2B ซึ่งในประเทศไทยธุรกิจกลุ่มนี้มีสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในเอเชีย การเจาะตลาดในภาคเกษตรกรรม ด้วยการนำเสนอบริการจัดส่งผลผลิตทางการเกษตรที่สดจากฟาร์มส่งตรงไปยังผู้บริโภคข้ามจังหวัด โดยบริษัทฯ จะนำความรู้ ความเชี่ยวชาญต่างๆ ที่มี ทั้งความรวดเร็วและความยืดหยุ่นในการบริการ และการบรรจุภัณฑ์ที่ถูกวิธี จะช่วยให้กลุ่มเกษตรกรสามารถจำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้าในประเทศได้ ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนภาคเกษตรกรรมที่เป็นหัวใจหลักของประเทศไทยในการขยายตลาดที่นอกเหนือไปจากการจำหน่ายให้กับสหกรณ์หรือส่งออกไปยังต่างประเทศ
ในด้านความยั่งยืน อเล็กซ์ กล่าวเสริมว่า "บริษัทฯ มีนโยบายเชิงรุกโดยมีเป้าหมายแรก คือ การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 100% และลดการปล่อยคาร์บอนลง 10% ภายใน 3 - 5 ปี พร้อมดำเนินนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอนหรือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี พ.ศ. 2593 ซึ่งสอดคล้องกับแนวนโยบายของประเทศไทยในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ 2608
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ วางแผนที่จะดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายให้เร็วขึ้น ขณะเดียวกัน ธุรกิจของบริษัทฯ ยังเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับวัสดุบรรจุภัณฑ์จำนวนมาก บริษัทฯ จึงมีแนวคิดเพื่อลดความซับซ้อนของบรรจุภัณฑ์และปรับปรุงให้บรรจุภัณฑ์มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และทำให้การรีไซเคิลเป็นกระบวนการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น"
"ภายใต้วิสัยทัศน์ของการเป็นผู้นำนวัตกรรมในธุรกิจจัดส่งพัสดุด่วนของประเทศไทย บริษัทฯ พร้อมที่จะสานต่อเรื่องราวความสำเร็จในอุตสาหกรรมลอจิสติกส์โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางและความมุ่งมั่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงในการปรับปรุงและพัฒนาบริษัทฯ ให้ยังคงอยู่ในระดับแนวหน้าภายใต้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราพร้อมที่จะเอาชนะความท้าทายและคว้าโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ" อเล็กซ์ กล่าวทิ้งท้าย