‘ตะติยะ ซอโสตถิกุล’ บิ๊กบอส ‘ซีคอนสแควร์’ เคลื่อนไหวแล้ว ครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปี ทุ่ม 5,000 ล้าน พลิกโฉมครั้งใหญ่ ‘ซีคอน ศรีนครินทร์’ รับแข่งเดือดค้าปลีกกรุงเทพฯ ตะวันออก เตรียมเผยโฉมศูนย์การค้าคอนเซ็ปต์ใหม่ ‘Multi Specialty Zones’ เต็มรูปแบบปีหน้า
บริษัท ซีคอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ และบางแค โดย ตะติยะ ซอโสตถิกุล กรรมการผู้จัดการ ได้ออกมาประกาศเป็นครั้งแรก ถึงแผนพัฒนาศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ในระยะ 5 ปี ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 2566 ถึงปี 2570 ว่าบริษัทได้เตรียมเงินลงทุนไว้ทั้งหมด 5,000 ล้านบาท พลิกโฉมศูนย์การซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ ครั้งใหญ่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเสริมศักยภาพของศูนย์การค้าให้ก้าวสู่อนาคตอย่างแข็งแกร่ง และมุ่งสู่ผู้นำศูนย์การค้ากรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก
โดยงบประมาณ 50% หรือ 2,500 ล้านบาทของงบลงทุนทั้งหมด จะนำไปใช้เพื่อการพัฒนา “MyScape” พื้นที่แห่งใหม่ของซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ ขนาด 40,000 ตารางเมตร ที่ก่อนหน้านี้ห้างสรรพสินค้าโรบินสันเคยให้บริการมาก่อนและได้หมดสัญญาเช่าลงในปีที่ผ่านมา และที่เหลืออีก 2,500 ล้านบาท จะใช้กับการปรุงพื้นที่ส่วนต่างๆ

บริษัทเริ่มการพัฒนา “MyScape” ให้เป็นศูนย์รวมของ Specialty Brands ตั้งแต่ต้นปีนี้ เพื่อนำเสนอประสบการณ์เฉพาะตัวอย่างแท้จริง ประกอบด้วย 4 โซนหลัก เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคล “MyPulse” จะเป็นโซนสำหรับผู้ที่มีไลฟ์สไตล์เต็มไปด้วยพลังและความกระฉับกระเฉง

ขณะที่ “MySelf” จะถูกออกแบบมาเพื่อผู้ที่มองหาความโดดเด่นในสไตล์และการแสดงออกที่เป็นตัวตนของตนเอง ส่วน "MyChill-Out" เป็นพื้นที่สำหรับการพักผ่อนและการพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง และสุดท้าย “MyDineScape” จะเป็นโซนที่เติมเต็มประสบการณ์ด้านอาหารในบรรยากาศสุดพรีเมียม ด้วยแนวคิดที่แตกต่างและการออกแบบที่รองรับทุกมิติ

ทั้งนี้ “MyScape” จะทำให้ซีคอนฯ กลายเป็นศูนย์การค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างจากศูนย์การค้าอื่นๆ อย่างชัดเจน ด้วยการรวม Specialty Zones และ Attractions หลากหลายรูปแบบเข้าไว้ด้วยกัน และจะเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อย่างลงตัว

ตะติยะ อธิบายว่า ซีคอนฯ ยังคงลงทุนในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน เพราะเป็นการลงทุนในระยะยาว เพื่อเติบโตได้อย่างต่อเนื่องเหมือนในอดีต 30 ปี (ยกเว้นช่วงโควิดระบาด) ที่ธุรกิจของซีคอนสแควร์เติบโตทุกปี มากบ้าง น้อยบ้าง เป็นโมเดลธุรกิจ recession proved ซึ่งเสถียรกว่าที่คิด แม้จะมีเพื่อนๆ ค้าปลีกรายใหม่ๆ เข้ามาอยู่ในทำเลเดียวกัน
“จุดแข็งไม่ใช่เพราะศูนย์ฯ เราตอบโจทย์ความสะดวก หรือกระแสโซเชียลดึงลูกค้าที่ sophisticated เข้ามาเท่านั้น แต่เพราะซีคอนฯ ให้ความสำคัญกับองค์กร สร้าง talent และอยู่ใน culture ที่มาทำงานแล้วมีความสุข
“3 ปีที่ผ่านมา เราปรับโฉมกิจกรรมมากมาย ลูกค้ามาที่เราทุกๆ วัน จะต้องเจออะไรใหม่ๆ การทำศูนย์การค้าในปัจจุบัน ต้องปรับตัวให้รองรับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เพราะผู้บริโภคไม่ได้ต้องการซื้อสินค้าเท่านั้น แต่ยังต้องการประสบการณ์ และสถานที่ที่สามารถสะท้อนตัวตน มีเอกลักษณ์เฉพาะ” ตะติยะกล่าว

เขาบอกว่าใช้เวลาคิดรูปแบบการพัฒนา MyScape อยู่ 2 ปีจนตกผลึก และจ้างดีไซเนอร์หลายบริษัท เพื่อออกแบบศูนย์ในแต่ละโซนให้แตกต่าง จึงเชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะยกระดับซีคอนสแควร์สู่ศูนย์การค้าชั้นนำที่ทันสมัยและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทุกเจเนอเรชั่น โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เพราะทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางชุมชนผู้มีกำลังซื้อสูงในกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก ที่รายล้อมไปด้วยโครงการที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่ โรงเรียนนานาชาติชั้นนำ และการเชื่อมต่อโดยตรงกับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง
นอกจากพื้นที่โซน MyScape แล้ว ตั้งแต่ปี 2566-2567 บริษัทได้พัฒนา MunMun Srinakarin (มันมัน ศรีนครินทร์) บนพื้นที่กว่า 27,000 ตารางเมตร ให้เป็นศูนย์การค้าด้านศิลปะและงานคราฟต์แห่งแรกของไทยสู่ Art Destination รวมถึงการปรับพื้นที่ 40,000 ตารางเมตรในฝั่ง Lotus’s ใหม่ คือโลตัสจะเปิดบริการชั้นเดียวในชั้น 1 ส่วนชั้น 2 จะเป็นส่วนของร้านอาหาร ฟิตเนส และเฟอร์นิเจอร์ ขณะที่ชั้น 3 จะเป็นส่วนของสปอร์ต เอนเตอร์เทนเมนต์ และสวนสนุกโยโย่แลนด์โฉมใหม่ เพื่อรองรับกลุ่มครอบครัวคนรุ่นใหม่ ส่วนชั้น 4 จะเป็น gourmet food ในดีไซน์ใหม่และมีความหลากหลายมากขึ้น

นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างทางเชื่อมรถไฟฟ้าสายสีเหลือง จากสถานีสวนหลวง ร.9 เข้าสู่ศูนย์การค้าโดยตรง และพัฒนาโครงการอาคารจอดรถแห่งใหม่เพิ่มอีกหนึ่งอาคาร สามารถรองรับรถยนต์ได้เพิ่มขึ้นถึง 2,000 คัน ทำให้ทั้งศูนย์ฯ สามารถรองรับรถยนต์ได้ทั้งสิ้นกว่า 10,000 คัน
“การทำทั้งหมดนี้ เป็นการตอบโจทย์ใหญ่ของเราคือ ต้องสร้างคาแร็กเตอร์ของซีคอนสแควร์ให้ชัดเจน ไปแล้วไม่รู้สึกว่าเหมือนไปห้างอื่น และเราอยากให้การทำศูนย์การค้าแนวใหม่ Multi Specialty Zones เป็นที่รู้จัก แม้จะมีความเคลื่อนไหวใหม่ๆ เกิดขึ้นในย่านนี้ เราไม่รู้สึก big challenge เพราะเรามีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่น และเราไม่ใช่ศูนย์การค้าที่เพิ่งเปิดใหม่ เรามั่นใจว่าการสร้าง uniqueness และนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ของซีคอนสแควร์ในครั้งนี้ จะไม่ธรรมดา” ตะติยะบอก
ตะติยะกล่าวอีกว่า ไม่ว่าแลนด์สเคปค้าปลีกในกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกจะเปลี่ยนไปอย่างไร เหตุผล 5 ข้อที่ลูกค้ายังต้องมาซีคอนสแควร์ ได้แก่ 1. ความครบครัน ซึ่งเป็น basic ของเราตั้งแต่วันแรกที่เปิดบริการ 2. ศูนย์เรามีความ specialty ทุกมิติทั้งในเรื่องการตลาด อีเวนต์ ที่มีสีสันทำให้คนกลับมาศูนย์เราทุกอาทิตย์ 3. Tenants ใหม่ๆ 4. โซนใหม่ๆ และ 5. Attraction ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
ซีคอนบางแค ปรับโฉมพื้นที่ใหม่อีก 2,000 ตารางเมตร
ดร.จักรพล จันทวิมล ผู้อำนวยการ สำนักสื่อสารการตลาด บริษัท ซีคอน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้ ซีคอน บางแค จะปรับโฉมพื้นที่ใหม่กว่า 2,000 ตารางเมตร โดยเสริมทัพแบรนด์ดังเพิ่มขึ้นในโซนต่างๆ จากร้านอาหาร แฟชั่น ไอที การศึกษา รวมถึงเอนเตอร์เทนเมนต์ เอาใจคนรุ่นใหม่ เช่น Space & Time Cube+ พิพิธภัณฑ์ 3D Immersive Arts และ Harudot by Nana Coffee Roasters เพื่อยกระดับประสบการณ์และขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น

ดร.จักรพลกล่าวต่อว่า อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ซีคอนสแควร์ไม่เคยมองข้าม คือการสื่อสารการตลาดที่มีประสิทธิภาพ การมุ่งสร้างสรรค์แคมเปญและอีเวนต์ที่มีเอกลักษณ์ แตกต่างจากคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นการจัดงานแสดงศิลปะ กิจกรรมสำหรับชุมชน การปรับกลยุทธ์ในครั้งนี้คาดว่าจะทำให้ยอดผู้เข้าใช้บริการเพิ่มขึ้น 20% และสามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่โดยเฉพาะ Gen Z และกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงให้เข้ามาใช้บริการมากขึ้น

“แผนการพัฒนาครั้งนี้จะเปลี่ยนโฉมซีคอนฯ ไปอย่างสิ้นเชิง และทั้งสองแห่งจะเป็นจุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบที่สุดในทำเลที่เราตั้งอยู่” ดร.จักรพลกล่าว
นอกจากการขยายโครงการต่างๆ แล้ว ดร.พรต ซอโสตถิกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า บริษัทยังให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ความยั่งยืนด้วย ด้วยการลดการปล่อยมลภาวะและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านโครงการโซลาร์รูฟท็อป ทั้งยังเดินหน้าต่อโครงการป้ายรถเมล์ติดแอร์ พลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกในประเทศไทย นอกจากนี้ยังร่วมผลักดันโครงการ “ไม่เทรวม” เพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ขยะล้นเมือง และรณรงค์ส่งเสริมจัดอบรมให้กับผู้ประกอบการร้านค้าภายในศูนย์ฯ ให้แยกขยะอย่างถูกวิธี เป็นต้น
“เราเชื่อว่านวัตกรรมและความรับผิดชอบต่อสังคมคือหัวใจสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืน และเราจะเดินหน้าต่อยอดแนวทางนี้เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับทุกคน” ดร.พรต กล่าว

ในปีที่ผ่านมา บริษัท ซีคอนสแควร์ฯ ทำรายได้ 3,345 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12 เปอร์เซ็นต์จากปี 2566 ซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 2,986 ล้านบาท และปีนี้บริษัทตั้งเป้าจะยอดขายเติบโตอีก 8-10 เปอร์เซ็นต์

เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ซีพี ออลล์ ขยายธุรกิจต่อเนื่องใน ‘ลาว’ เปิดเซเว่นฯ สาขาแรกที่ ‘หลวงพระบาง’
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine