งานเทศกาลดนตรี S2O ปี 2024 คาดมีรายได้จากการขายบัตรราว 300 ล้านบาท นักท่องเที่ยวร่วมงานตลอด 3 วัน ระหว่าง 13-15 เมษายน จำนวน 7.5 หมื่นคน พร้อมปักหมุดสร้าง Soft Power ไทยในมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ภายในปีนี้
วุฒิธร มิลินทจินดา ผู้ก่อตั้งเทศกาลดนตรี S2O Songkran Music Festival เผยว่า งานเทศกาลดนตรี EDM ที่จัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในช่วงเทศกาลสงกรานต์นับตั้งแต่ปี 2015 พร้อมก้าวเข้าสู่ 1 ทศวรรษ ในปี 2024 (ปีนี้นับเป็นปีที่ 7 ของการจัดงาน และมีการเว้นวรรคไป 3 ปี ท่ามกลางสถานการณ์โควิดแพร่ระบาด) ซึ่งในปีนี้ คาดว่าจะได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดีไม่ต่างจากปีที่ผ่านมา โดยตลอดการจัดงานระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน 2024 เบื้องต้นคาดว่ามีเงินรายได้สะพัดจากบัตรที่ sold out จำหน่ายหมดแล้วล่วงหน้าราว 300 ล้านบาท มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้าร่วมงานตลอดทั้ง 3 วัน ราว 7.5 หมื่นคน
ซึ่งในอนาคตสถานที่สำหรับการจัดงานนั้น อาจจะมีการปรับเปลี่ยนไปยังสถานที่แห่งใหม่แต่ยังเป็นในพื้นที่กรุงเทพฯ ตามเดิม และสามารถเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่น่าจะรองรับนักท่องเที่ยวได้มากกว่าปัจจุบัน จากเดิมจัดขึ้นที่ Live Park พระราม 9 รองรับนักท่องเที่ยวได้วันละ 2.5 หมื่นคน ก็น่าจะเพิ่มมากขึ้นเป็นวันละ 4 หมื่นคน ซึ่งระหว่างนี้กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาหารือกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติเพื่อหาข้อสรุปให้ได้ภายในช่วงกลางปี
ทั้งนี้ ผู้ก่อตั้งเทศกาลดนตรี S2O ยังบอกด้วยว่า การจัดงานอีเวนต์ดังกล่าวถือเป็น Soft Power ของไทย โดยที่ผ่านมามีการจำหน่ายแฟรนไชส์ไปยังประเทศต่างๆ ตามแต่ละดีลข้อตกลงที่เหมาะสมในแต่ละประเทศ อาทิ การร่วมทุนจัดงาน หรือ การแบ่งเปอร์เซ็นต์จากการจำหน่ายบัตรที่เกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมามีการจัดงานไปแล้วในประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน เกาหลีใต้ ฮ่องกง เวียดนาม และล่าสุด คือ มหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่คาดว่าจะสามารถจัดงานให้เกิดขึ้นได้ภายในปีนี้ อีกทั้งในอนาคตก็ยังมีแผนที่จะขยายการจัดงานไปยังประเทศออสเตรเลีย ดูไบ และประเทศในแถบทวีปอเมริกาใต้เพิ่มมากขึ้น
“การจัดงาน S2O ถือเป็นงานเทศกาลดนตรี EDM ขนาดใหญ่อันดับ 1 ของไทย โดยมีเอกลักษณ์หรือจุดเด่นที่เรียกได้ว่า บ้า สนุก เปียกแฉะ ให้เหล่านักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ไม่เหมือนใครในการเล่นน้ำช่วงเทศกาลสงกรานต์ อีกทั้งยังได้สนุกสนานไปกับดนตรีสไตล์ EDM จากเหล่าศิลปินดีเจคนดังระดับโลก พร้อมความอลังการของแสง สี เสียง และสายน้ำที่สร้างความชุ่มฉ่ำอยู่ตลอดเวลา โดย S2O ยังถือได้ว่าเป็นแบรนด์เดียวในเอเชียที่สามารถส่งออกแฟรนไชส์ไปยังตลาดโลกเพื่อสร้างชื่อให้กับประเทศไทย” วุฒิธร กล่าว
อย่างไรก็ตาม เรื่องความปลอดภัยของการเล่นน้ำในระหว่างที่มีเครื่องเสียงจำนวนมากนั้น ผู้บริหารของ S2O ยังกล่าวเสริมว่า มีระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆ เตรียมพร้อมไว้เป็นอย่างดีอีกทั้งการจัดงานต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศก็ยังเป็นตัวการันตีได้ถึงคุณภาพความปลอดภัยดังกล่าว นอกจากนี้ ในเรื่องของการบริหารจัดการขยะที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากภายในงานและการบริหารธุรกิจให้เป็นไปอย่างยั่งยืน ทางบริษัทยังได้ร่วมมือกับ Pepsi ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักในการนำขวดพลาสติกและกระป๋องน้ำต่างๆ นำไปรีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ พร้อมทั้งร่วมมือกับเหล่าพาร์ทเนอร์ในการนำขยะที่เป็นอาหารของเหลือไปทำเป็นปุ๋ยเพื่อการเกษตรต่อไป
ส่วนเรื่องของปัญหาการจำหน่ายบัตรเกินราคาที่มีคนกดจองซื้อล่วงหน้าแล้วนำไปจำหน่ายในราคาที่แพงกว่า 1-4 เท่านั้น ในอนาคตอาจจะมีการหารือเพื่อแก้ไขและปรับเปลี่ยนรูปแบบการจำหน่ายบัตรโดยอิงราคาตามดีมานด์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าและให้เป็นไปตามกลไกของตลาดเหมือนที่ตลาดต่างประเทศนิยมใช้กันอีกด้วย
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : The 1 Insight เผย ยอดใช้จ่ายสงกรานต์ปี 67 โตต่อเนื่อง หลังปี 66 เงินสะพัดจากนักท่องเที่ยว 200%
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine