ประสบการณ์ระดับเวิลด์คลาส สู่มิติใหม่ของเอเจนซี่สัญชาติไทย - Forbes Thailand

ประสบการณ์ระดับเวิลด์คลาส สู่มิติใหม่ของเอเจนซี่สัญชาติไทย

FORBES THAILAND / ADMIN
26 Dec 2024 | 01:00 PM
READ 203

    Social Nation เป็นบูทีคเอเจนซี่ด้านการตลาดแบบ 360 องศาที่เพิ่งแจ้งเกิดได้เพียง 3 ปี แต่สามารถพิชิตแบรนด์ระดับลักซ์ชัวรีและไลฟ์สไตล์ชั้นนำมากมาย อาทิ โครงการ อมัน นายเลิศ กรุงเทพฯ, โรงแรมเซ็นทารา รีเซิร์ฟ สมุย, โรงเรียนเอกอล ดูคาส - นายเลิศ กรุงเทพ สตูดิโอ รวมถึงแฟชั่นแบรนด์ดังอย่างกุชชี่ และ SHH Pendulum ร้านมัลติแบรนด์นาฬิกาหรู ฯลฯ

    แต้มต่อสำคัญที่ทำให้ Social Nation เนื้อหอมในกลุ่มลูกค้า จนเกิดกระแสบอกต่อปากต่อปาก คือ การหลอมรวมมุมมองและความเชี่ยวชาญในการทำงานระดับโกลบอล เข้ากับความเป็นโลคัลได้อย่างกลมกล่อม จนทำให้ลูกค้าไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ไทยหรือแบรนด์ระดับโกลบอลก็ต่างประทับใจ

    เพื่อทำความรู้จัก Social Nation บูทีคเอเจนซี่ที่อยู่เบื้องหลังแบรนด์ดังมากมาย ว่ามีที่มาอย่างไร และมีเซอร์วิสอะไรบ้างที่จะเข้ามาตอบโจทย์การทำการตลาดยุคนี้ Forbes จะพาไปหาคำตอบจากคุณรสลิน สายสว่าง ผู้ก่อตั้ง Social Nation และ Managing Director ผ่านบทสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟนี้


คุณรสลิน สายสว่าง ผู้ก่อตั้ง Social Nation และ Managing Director

​จากสายงานโรงแรมสู่เจ้าของเอเจนซี่การตลาด

    แม้จะไม่เคยวาดฝันมาก่อนว่า วันหนึ่งจะสร้างธุรกิจของตัวเอง แต่เมื่อโอกาสและจังหวะชีวิตลงตัว รสลินก็ไม่ลังเลที่จะพาชีวิตไปสู่แชปเตอร์ใหม่ของชีวิต

    ด้วยประสบการณ์การทำงานในสายงานสื่อสารการตลาด (Marketing Communication) มาทั้งชีวิต เริ่มต้นจากการทำงานให้กับแบรนด์แฟชั่นระดับลักซ์ชัวรีอย่าง Celine และ Fendi ก่อนจะผันตัวสู่สายงานโรงแรม ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศร่วม 10 ปี เคยมีโอกาสไปทำงานที่ดูไบ โมร็อกโก ออสเตรเลีย ตุรกี บาหลี และมัลดีฟส์ แถมยังได้รับความไว้วางใจให้ดูแลโปรเจกต์สำคัญ อย่างการเปิดโรงแรมระดับท็อปของโลก เช่น Waldorf Astoria Maldives Ithaafushi ที่มัลดีฟส์, One&Only Resort ที่ออสเตรเลีย และ โรงแรม St.Regis กรุงเทพฯ ทำให้รสลินไม่เพียงเข้าใจธรรมชาติของสายงานนี้เป็นอย่างดี แต่เธอยังมีมุมมองที่รอบด้าน สามารถต่อยอดประสบการณ์การทำงานในระดับโกลบอล มาเบลนด์ให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าคนไทยได้อย่างลงตัว

    "พูดง่ายๆ ว่า เราเคยสวมหมวกเดียวกับคนที่ทำงานด้านนี้ เพราะฉะนั้นเรารู้ดีว่าโจทย์ของเขาคืออะไร อะไรคือ Pain Point ที่ต้องการให้เราเข้าไปช่วยซัพพอร์ต ดังนั้นพอเรามาเปิดเอเจนซี่เอง เราเลยตั้งใจออกแบบเซอร์วิสของเราให้ตอบโจทย์การสื่อสารการตลาดของแบรนด์ให้ได้มากที่สุด ครอบคลุมตั้งแต่การทำการสื่อสาร (Communication) ช่วยวางแผนกลยุทธ์ในการทำพีอาร์อย่างครบวงจรให้ลูกค้า, การตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) เช่น การทำแคมเปญออนไลน์ การบริหาร LINE OA ไปจนถึงการทำ SEO, SEM และการวิเคราะห์ข้อมูลการตลาด, การบริหารจัดการช่องทางโซเชียลมีเดีย รวมถึงการประสานงานกับอินฟลูเอนเซอร์ สุดท้ายคือ Creative Design ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการให้ช่วยนำเสนอความคิดสร้างสรรค์ลงไปในชิ้นงาน ทั้งในรูปแบบบทความ วีดิโอ ภาพนิ่ง ฯลฯ เพราะบางครั้งลูกค้าอาจจะมีไอเดียดี แต่นำเสนอออกมาแล้ว อาจจะใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปไม่พอ ทำให้แคมเปญไม่ปัง เราจึงตั้งใจเข้ามาเป็นตัวช่วย เพราะมองว่า ทั้ง 4 องค์ประกอบนี้ เป็นกุญแจสำคัญสำหรับการทำการตลาดที่ต้องมีในยุคนี้"

    ถามว่าทำไมผันตัวจากทำงานโรงแรม แล้วถึงตัดสินใจลุกขึ้นมาทำธุรกิจของตัวเอง จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นตอนที่รสลินเดินทางกลับมาเมืองไทยเพื่อพักเบรก ซึ่งเป็นช่วงก่อนจะเกิดวิกฤติโควิด-19 พอดี แต่แล้วโอกาสก็เข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว เมื่อเธอได้รับโอกาสให้มาช่วยดูแลโซเชียลมีเดียให้กับโครงการอมัน นายเลิศ เรสซิเดนเซส กรุงเทพฯ

    ผลปรากฏว่า กลยุทธ์ที่เธอวางไว้นั้น ไม่เพียงสร้างการรับรู้เกี่ยวกับโครงการ แต่ยังสามารถนำไปสู่การปิดการขายได้จริง ความสำเร็จก้าวแรกนี้เอง กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ไม่เพียงทำให้ลูกค้าไว้วางใจ จนได้รับโอกาสให้มาช่วยดูแลอีกหลายโปรเจกต์ให้กับนายเลิศกรุ๊ป นอกจากฝั่งธุรกิจอสังหาฯ ในช่วงต้นเรายังดูแลลูกค้ากลุ่มแฟชั่นที่เป็นระดับลักซ์ชัวรี อย่างกุชชี่ด้วย เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดบริษัท

​คุณรสลิน สายสว่าง ผู้ก่อตั้ง Social Nation และ Managing Director

​โลกธุรกิจไม่หยุดนิ่ง การตลาดยิ่งต้องยืดหยุ่น

    อย่างไรก็ตาม ด้วยแลนด์สเคปของโลกธุรกิจที่เปลี่ยนไป ทำให้กลยุทธ์การทำการตลาดต้องเปลี่ยนตาม Social Nation พร้อมเป็น Strategist Partner ที่นำเสนอมุมมองการทำการตลาดที่สดใหม่ เพื่อเป็นสะพานเชื่อมแบรนด์ไทยและต่างประเทศกับผู้บริโภคคนไทย

    "เราเข้าใจทั้งบริบทของความเป็นโกลบอล และยังเข้าใจอินไซต์ความเป็นโลคัล ดังนั้นทุกครั้งเวลาเราจะรับงานจากลูกค้า เราจะต้องประเมินก่อนว่าจุดหมายของลูกค้าอยู่ตรงไหน และเราสามารถใช้ศักยภาพและความเชี่ยวชาญที่นำพาลูกค้าไปถึงเส้นชัยนั้นได้อย่างไร เพราะเป้าหมายของเราคือ ต้องการให้ลูกค้าแฮปปี้ และพร้อมเป็นกองหนุนให้ลูกค้าเป็นซูเปอร์สตาร์"

    ในด้านการทำงาน รสลินมองว่า ในโลกที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความยืดหยุ่น (Adaptability) เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญสำหรับการทำการตลาด ยกตัวอย่างการทำพีอาร์ยุคนี้ เธอเชื่อว่าการเล่าเรื่องที่ดี (Storytelling) ยังเป็นหลักที่สำคัญ เพียงแต่จะเล่าผ่านแพลตฟอร์มไหน ก็ต้องออกแบบวิธีการสื่อสารให้เหมาะสม ยกตัวอย่าง ลูกค้าบางแบรนด์ อาจจะไม่ได้ต้องการแค่การทำการตลาดออนไลน์ แต่อยากให้เราเจาะกลุ่มใช้อินฟลูเอ็นเซอร์ที่มีความนิช เช่น กลุ่มชาวต่างชาติที่เป็น Expat ในการทำการตลาด เราก็จะทำหน้าที่คัดสรรอินฟลูเอนเซอร์ และออกแบบวิธีการเล่าเรื่อง เพื่อสื่อสารในมุมที่ทางแบรนด์ต้องการ

    "ด้วยโจทย์และความต้องการของลูกค้าที่มีหลากหลายนี้เอง แทนที่เราจะใช้สูตรสำเร็จหรือกลยุทธ์ One Size Fits All ที่ใช้วิธีการสื่อสารแบบเดียวกันในทุกโปรเจกต์ Social Nation ให้ความสำคัญกับการคราฟต์กลยุทธ์ที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างของลูกค้าในแต่ละโปรเจกต์ ภายใต้ดีเอ็นเอในการทำงาน ที่เรียกว่า Results-Driven Creativity หรือความคิดสร้างสรรค์ที่ขับเคลื่อนด้วยผลลัพธ์ ดังนั้นในทุกโปรเจกต์ เราจะหาจุดสมดุลระหว่างความคิดสร้างสรรค์กับการลงมือทำ เพื่อให้มั่นใจว่าในทุกแคมเปญที่ทำ ไม่เพียงสร้างกระแสหรือการรับรู้ในวงกว้างเท่านั้น แต่ยังนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่จับต้องได้"


​คุณรสลิน สายสว่าง ผู้ก่อตั้ง Social Nation และ Managing Director

​ก้าวต่อไปของ Social Nation

    มองย้อนกลับไปบนเส้นทางเอเจนซี่ดาวรุ่งน้องใหม่ รสลิน เชื่อว่าเอเจนซี่มีการเติบโตที่ดี เพราะตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้ นอกจากจะมีลูกค้าใหม่ๆ ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าที่อยู่กันมาตั้งแต่เริ่มต้นก็ยังให้ความไว้วางใจ

    "เราเริ่มจากก้าวเล็กๆ แต่เป็นก้าวที่มั่นคง รู้สึกภูมิใจมากที่ลูกค้ารายแรกๆ ยังให้ความไว้วางใจจนถึงปัจจุบัน และยังแนะนำลูกค้ารายใหม่ๆ ให้ทางเรา เช่น โรงแรมเซ็นทารา รีเซิร์ฟ สมุย เราได้มีโอกาสดูแลการวางกลยุทธ์การตลาดแบบ 360 องศา หลังจากนั้นก็ได้ทำอีกหลายโปรเจกต์สนุกๆ ให้กับโรงแรมเครือเซ็นทาราอีกด้วย"

​    ด้วยพอร์ตฟอลิโอที่แน่นขึ้นเรื่อยๆ นี้เอง ทำให้แม้ธุรกิจเอเจนซี่จะได้ชื่อว่าเป็นธุรกิจที่เป็น Red Ocean แต่รสลินมองว่าทำให้ธุรกิจนี้ทั้งสนุกและท้าทาย โดยเธอเชื่อว่า ความยากของเอเจนซี่ คือ ต้องหาจุดแข็งที่สร้างความแตกต่างของเอเจนซี่ให้เจอ เพราะต่อให้สมรภูมินี้ จะมีผู้เล่นมากแค่ไหน แต่ก็ยังมีที่ให้ยืนเสมอ และในตลาดที่มีการแข่งขันสูง สุดท้ายแล้วคนที่ได้ประโยชน์ในเกมนี้ก็คือลูกค้าเสมอ

    สำหรับเป้าหมายจากนี้ รสลิน กล่าวทิ้งท้ายอย่างน่าสนใจว่า แม้จะเป็นเอเจนซี่ด้านการตลาด แต่ที่ผ่านมายังไม่เคยรุกทำพีอาร์ให้บริษัทตัวเอง เพราะเชื่อในพลังของ Word of mouth

    "สำหรับธุรกิจเอเจนซี่แบบนิช การประชาสัมพันธ์มีประสิทธิภาพที่สุด คือการบอกต่อ (Referal PR) ดังนั้นแทนที่จะแบ่งเวลาไปกับการหาลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาเติมในพอร์ต ด้วยความเป็นบูทีค เอเจนซี่ เราเลือกที่จะทุ่มเทเวลาให้กับการทำทุกโปรเจกต์ออกมาให้ดีที่สุด ที่สำคัญเราไม่ได้กังวลว่า พออยู่กับลูกค้าเจ้าไหนไปนานๆ แล้วจะหมดมุก เพราะทีมเราทุกคนสนุกกับการสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ ให้กับโปรเจกต์ต่างๆ โดยไม่พลาดเทรนด์และกระแสที่ไม่มีวันหยุดนิ่ง"

    นอกจากเป้าหมายในเชิงธุรกิจที่อยากเห็น Social Nation เติบโตอย่างแข็งแรง พร้อมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมและยกระดับแบรนด์ไทยสู่สากล เธอยังอยากตอบแทนสังคม ด้วยการนำความรู้และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมและยกระดับแบรนด์ไทยสู่สากล เพื่อสร้างทาเลนต์รุ่นใหม่ๆ ต่อไป