นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยกับความร่วมมือระหว่าง SB DESIGN SQUARE ผู้นำด้าน Home Design Solutions และศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ที่ได้ทำการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม Smart Wardrobe Purifier ตู้เสื้อผ้าฟอกอากาศที่ช่วยลดปัญหาเชื้อรา แบคทีเรีย และยีสต์ ที่ทำลายเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า รวมถึงก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจในระยะยาว
พิเดช ชวาลดิฐ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เอสบี เฟอร์นิเจอร์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีนโยบายที่ชัดเจนในการร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อพัฒนานวัตกรรมเฟอร์นิเจอร์ โดยคำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภคและการตอบโจทย์วิถีชีวิตสมัยใหม่ อย่างรอบด้าน โดยมุ่งหวังที่จะสร้างความแตกต่างและส่งมอบประสบการณ์ใหม่ในตลาดเฟอร์นิเจอร์ ด้วยการขยายความร่วมมือไปยังองค์กรอื่นๆ ในหลากหลายด้าน
ล่าสุด เอสบี เฟอร์นิเจอร์ ได้ร่วมมือกับ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ทำการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม Smart Wardrobe Purifier หรือ ตู้เสื้อผ้าฟอกอากาศ
“เหตุผลสำคัญของการสร้างความร่วมมือเหล่านี้ คือความมุ่งมั่นที่จะยกระดับมาตรฐานสินค้าให้มีคุณภาพที่เหนือกว่า และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ซึ่งหากเราทำให้เกิดขึ้นจริงได้จะช่วยเพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขัน เพราะความร่วมมือจะช่วยให้เราสามารถนำนวัตกรรมที่ล้ำหน้ามาใช้ได้ก่อนใครในตลาด ที่สำคัญเราต้องเพิ่มคุณค่าและความยั่งยืนด้วยนวัตกรรมควบคู่กันไปเพราะนอกจากต้องสามารถตอบโจทย์การใช้งานแล้ว เฟอร์นิเจอร์ของเราต้องส่งผลดีต่อโลกและสังคมในระยะยาวด้วยเช่นกัน” พิเดชกล่าวถึงเป้าหมายในการร่วมมือเพื่อพัฒนาและวิจัยเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่สู่ตลาด
ถอดแนวคิดเบื้องหลังการออกแบบ Smart Wardrobe Purifier
พรพิพัฒน์ อยู่สา หัวหน้าโครงการทีมวิจัยการออกแบบเพื่อการเป็นอยู่ที่ดี ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ ได้กล่าวถึงข้อมูลที่นำมาสู่ความร่วมมือครั้งนี้ว่า จากการได้ศึกษาถึงปัญหาของผู้บริโภคที่ต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในแง่ของการดูแลเสื้อผ้าและสุขภาพไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาเชื้อราแบคทีเรียและไรฝุ่นในตู้เสื้อผ้า ที่ทำให้เสื้อผ้า กระเป๋าและรองเท้าเกิดความเสียหาย มีกลิ่นอับ ทั้งยังส่งผลต่อสุขภาพของผู้บริโภคทำให้เกิดภูมิแพ้หรือปัญหากับระบบทางเดินหายใจในระยะยาว
ทีมนักวิจัยจึงได้คิดค้นนวัตกรรมเทคโนโลยี AutoFlow PuriTech System ระบบเครื่องฟอกอากาศที่นำมาใช้พัฒนาการออกแบบ Smart Wardrobe Purifier ตู้เสื้อผ้าฟอกอากาศที่สะท้อนถึงความใส่ใจต่อผู้บริโภคโดยคำนึงถึงหลัก 3C ประกอบด้วย
1. Ultimate CLEAN ที่ช่วยดูแลและยืดอายุการใช้งานของสิ่งของที่ถูกเก็บอยู่ภายในตู้ เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ให้ผู้บริโภคสามารถใช้งานสิ่งของต่าง ๆ ได้ยาวนานยิ่งขึ้น โดยนำ AutoFlow PuriTech System มาใช้ฟอกอากาศภายในตู้เสื้อผ้าและตู้โชว์ เพื่อลดการเจริญเติบโตของเชื้อรา แบคทีเรีย และฝุ่นละออง
2. Superior CARE เมื่อนำ AutoFlow PuriTech System มาผสานกับแนวคิดการใช้ไม้มาตรฐาน E1 (European Standard Class 1) ของ SB Design Square พบว่าสามารถช่วยลดการเกิดภูมิแพ้จากเชื้อราและไรฝุ่นที่เกิดจากความอับชื้นของตู้เสื้อผ้าได้อย่างมีประสิทธิผล เพราะนอกจากจะยืดอายุการใช้งานของใช้ภายในตู้แล้วยังช่วยดูแลสุขภาพในะระยะยาวอีกด้วย
3. CREATE your design นอกจากเรื่องการรักษาความสะอาดแล้วยังให้ความสำคัญกับความสวยงามของเฟอร์นิเจอร์จึงสามารถออกแบบพื้นที่การจัดเก็บ สร้างห้อง Walk-in Closet ในแบบที่ต้องการได้อย่างเต็มที่กับ Smart Wardrobe Purifier ที่สามารถเลือกฟังก์ชันการใช้งานภายในตู้เสื้อผ้าได้ถึง 12 รูปแบบ สามารถตอบโจทย์การใช้งานตามไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละคน พร้อมหน้าบานตู้เสื้อผ้ามีให้เลือกมากกว่า 100 ดีไซน์ กับ 6 เฉดสี 6 สไตล์ ตอบรับกับไลฟ์สไตล์เทรนด์ในปัจจุบันได้อย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
โหมดการทำงานอัจฉริยะ ตอบโจทย์การใช้งานหลากรูปแบบ
Smart Wardrobe Purifier สามารถใช้งานได้สะดวกเนื่องจากควบคุมผ่าน Line OA SB Design Square ของสาขาที่ซื้อสินค้า โดยพนักงานจะทำการลงทะเบียนและติดตั้งให้ เมนู Smart Wardrobe Purifier สามารถเช็คสถานะความชื้น อุณหภูมิ และปริมาณเชื้อราของตู้เสื้อผ้านั้นๆ ได้
เมื่อค่าอากาศอยู่ในระดับปกติ ระบบ AutoFlow PuriTech System จะทำงานแบบอัตโนมัติใน Normal mode และเมื่อค่าความชื้นและฝุ่นอยู่ในระดับเกินกว่าค่าที่กำหนด เครื่องจะเข้าสู่การทำงานแบบ Active Mode นอกจากนั้นยังสามารถควบคุมโหมดการทำงานได้อีก 2 โหมด คือ Boost mode สามารถเร่งการทำงานของเครื่องแบบเร่งด่วน เพื่อให้อากาศภายในตู้ถูกฟอกทั้งหมดในระยะเวลาเพียง 2 นาที และ Sleep mode ระบบจะพักการทำงานเป็นเวลา 8 ชั่วโมง
“SB Design Square มีแผนที่จะนำแนวคิด Smart Purifier ไปต่อยอดพัฒนาให้ครอบคลุมผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภทในอนาคต เพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันเพื่อตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Well-being) สร้างความยั่งยืนในตลาดด้วยการสร้างจุดขายใหม่ในกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ที่นอกจากดีไซน์สวยแล้วยังมีฟังก์ชันที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตและขยายกลุ่มลูกค้าไปยังกลุ่มผู้ใช้งานที่กว้างขึ้น” พิเดช กล่าวสรุป
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ตรุษจีนปีนี้คึกคัก! หวังอานิสงส์โครงการ Easy E-Receipt 2.0 ‘ค้าปลีก’ จัดเต็มเตรียมชิงกำลังซื้อ
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine