รินไน มั่นใจ ปี 2567 ยอดขายแตะ 1,000 ล้าน หลังปรับกลยุทธ์ชูนวัตกรรมความปลอดภัยของเครื่องใช้ในครัวเรือนและอุตสาหกรรม โดยปี 2566 ที่ผ่านมา กลุ่มสินค้าเตาแก๊สและเครื่องทำน้ำอุ่นสร้างยอดขายได้สูงสุด ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลประกอบการรวมสูงกว่า 900 ล้านบาท
ไทจิ อุเมมูระ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท รินไน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตเครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องทำร้อน เครื่องใช้ในครัวเรือนและอุตสาหกรรม กล่าวว่า ภาพรวมและการเติบโตของตลาดเครื่องใช้ภายในบ้านของไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงสถานการณ์โควิด19 สินค้ากลุ่มนี้มีการเติบโตสูง จากความจำเป็นที่ต้องใช้ชีวิตทำงานอยู่กับบ้าน รับประทานอาหารและประกอบอาหารที่บ้าน คนส่วนใหญ่จึงให้ความสำคัญกับอุปกรณ์เครื่องใช้เพื่ออำนวยความสะดวก ทั้งดูแล ซ่อมแซม เปลี่ยนอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านเป็นจำนวนมาก ซึ่งผลิตภัณฑ์ของรินไน โดยเฉพาะกลุ่มเตาแก๊สและเครื่องทำน้ำอุ่น ก็ได้รับปัจจัยบวกดังกล่าวจนทำให้สินค้าทั้ง 2 กลุ่มนี้มีการเติบโตสูงสุด และในปีที่ผ่านมา (2566) บริษัทฯ มีผลประกอบการรวมสูงกว่า 900 ล้านบาท
สำหรับในปีนี้ สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ ทำให้การเติบโตของสินค้าก็เข้าสู่ภาวะปกติด้วยเช่นกัน ซึ่งคาดว่าผลประกอบการโดยรวมของปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท หรือ เติบโตขึ้นประมาณ 6-7% ดังนั้น เพื่อการบรรลุเป้าหมายการเติบโตที่วางไว้ รินไน จึงได้มีการปรับกลยุทธ์การตลาด โดยเพิ่มความหลากหลายของกลุ่มผลิตภัณฑ์และนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภค
ซึ่งหนึ่งในแนวทางสำคัญ คือ การนำเทคโนโลยีมาเพิ่มคุณสมบัติการใช้งานของผลิตภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งยังใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาพัฒนากระบวนการผลิต อาทิ ระบบ Automation แขนจักรกล หุ่นยนต์ การใช้พลังงานสะอาดจากการติดตั้ง Solar Roof Top เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้ในกระบวนการผลิต ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เป็นการยกระดับมาตรฐาน ให้มีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัยที่สูงขึ้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน รวมถึงช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายในการผลิตให้คงที่มากขึ้น แม้ว่าราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตและสถานการณ์ราคาพลังงานมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม โดยรวมยังไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนและการปรับขึ้นราคาของผลิตภัณฑ์ รินไน ในขณะนี้
ด้าน สมพล ปรีชาวุฒินันท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท รินไน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคทำให้ได้ข้อมูลว่า ผู้บริโภคไทยในวัยทำงานให้ความสนใจในเรื่องสุขภาพและมีความระมัดระวังในเรื่องการบริโภคมากขึ้น เช่น เรื่องของปัญหา PM2.5 ทางผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องดูดควันของ รินไน จึงมีการเพิ่มนวัตกรรมและเทคโนโลยี พลาสม่า มีการออกแบบที่ทันสมัย สามารถขจัดได้ทั้งกลิ่นควันจากการทำอาหาร กำจัดเชื้อแบคทีเรียและไวรัส รวมถึงฝุ่นระดับ PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ยังพบว่าคนไทยนิยมอาบน้ำอุ่นกันมากขึ้น เนื่องจากช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้า ซึ่งการอาบน้ำอุ่นด้วยอุณหภูมิที่คงที่และเหมาะสม จะช่วยชำระสิ่งสกปรกและผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี รินไน จึงได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มนี้ถึง 2 รุ่น คือ FON และ KIN Elegant Black มีความโดดเด่นในเรื่องของการออกแบบที่ทันสมัยและความปลอดภัยที่มาเป็นอันดับหนึ่ง
สำหรับแบรนด์ผลิตภัณฑ์ รินไน ได้ดำเนินธุรกิจในประเทศญี่ปุ่นมากว่า 104 ปี ปัจจุบัน ดำเนินธุรกิจอยู่ใน 34 ประเทศ มีผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายอยู่ทั่วโลกกว่า 80 ประเทศ โดยผลิตภัณฑ์หลักประกอบด้วย 3 กลุ่ม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือน อาทิ เตาแก๊ส เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน เตาอบ ผลิตภัณฑ์เครื่องทำน้ำร้อนและผลิตภัณฑ์ทำความร้อนในที่อยู่อาศัย เช่น ฮีตเตอร์และระบบทำความร้อนใต้พื้น เป็นต้น
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Panasonic Beauty เดินเกมท้าชิงตลาดด้วยไดร์เป่าผมรุ่นใหม่จับกลุ่มไฮเอนด์ มาพร้อมดีไซน์เรียบหรู และนวัตกรรมเฉพาะตัว
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine