เปิดแผน 5 ปี ปั้น ‘เซ็นทรัล ภูเก็ต’ สู่มิกซ์ยูสคอมเพล็กซ์ - Forbes Thailand

เปิดแผน 5 ปี ปั้น ‘เซ็นทรัล ภูเก็ต’ สู่มิกซ์ยูสคอมเพล็กซ์

เปิดแผน 5 ปีปั้น “เซ็นทรัล ภูเก็ต” สู่มิกซ์ยูสคอมเพล็กซ์ สร้างโรงแรมขนาด 300 ห้อง พร้อมศึกษาศูนย์ประชุมฯ เตรียมทุ่ม 2,000 ล้านบาทปีหน้า ปรับโฉมเซ็นทรัลเฟสติวัลยกชั้นเทียบเซ็นทรัลเวิลด์ และต่อขยายโซนลักชัวรีอีกเท่าตัว รับแบรนด์หรูแฟชั่นและเครื่องเพชรจ่อเปิดอีกเพียบ


    นางสาววิไลพร ปิติมานะอารี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (ซีพีเอ็น) กล่าวว่า บริษัทวางแผนพัฒนาโครงการเซ็นทรัล ภูเก็ต ให้เป็นโครงการมิกซ์ยูสที่สมบูรณ์แบบภายใน 5 ปีนับจากปี 2568-2572 หลังจากที่ได้เปิดศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัลมาตั้งแต่ปี 2546 และตามมาด้วยส่วนขยายเซ็นทรัลฟลอเรสต้าใน 6 ปีที่ผ่านมา พร้อมกับคอนโดมิเนียมอีก 2 โครงการที่เปิดตัวไปแล้วก่อนหน้านี้ ได้แก่ Phyll และ Escent Phuket


    ตามแผนธุรกิจ 5 ปี ซีพีเอ็นจะก่อสร้างโรงแรมระดับ 4 ดาวขนาด 300 ห้อง รวมทั้งวางแผนสร้างศูนย์ประชุมฯ ในพื้นที่ที่เหลืออยู่อีก 5-6 ไร่ติดกับเซ็นทรัล ภูเก็ตทางด้านโซนลักชัวรี ซึ่งขณะนี้แผนขยายโรงแรมค่อนข้างชัดเจน ส่วนศูนย์ประชุมฯยังรอสรุปว่าทางภาครัฐจะมีสร้างศูนย์ประชุมฯ ขึ้นที่หาดไม้ขาวหรือไม่ โดยการก่อสร้างโรงแรมและศูนย์ประชุม จะอยู่ในแผนลงทุนเฟส 3 ซึ่งจะใช้เวลา 3 ปีในการพัฒนา

    ส่วนการขยายธุรกิจของเซ็นทรัล ภูเก็ต เฟส 2 เบื้องต้นจะมีการใช้เงินลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 1,000 ล้านบาทสำหรับการปรับโฉมเซ็นทรัล ภูเก็ต เฟสติวัล และร้านค้าต่างๆ ให้เป็นแฟล็กชิปสโตร์ เทียบชั้นกับศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ที่สี่แยกราชประสงค์ กรุงเทพฯ ซึ่งการปรับโฉมฝั่งเฟสติวัลจะเริ่มขึ้นในปีหน้า


    ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ส่วนอีก 1,000 ล้านบาท จะใช้สำหรับการขยายพื้นที่ฝั่งฟลอเรสต้า จากเดิม GFA 180,000 ตร.ม. เป็น 200,000 ตร.ม. ซึ่งการขยายพื้นที่ในครั้งนี้จะทำให้มีแบรนด์ Ultra Luxury and Bridge Line รวมทั้งสิ้น 25 แบรนด์ เพิ่มจากปัจจุบันที่มีอยู่ทั้งสิ้น 16 แบรนด์ อาทิ BALENCIAGA, BOTTEGA VENETA, BURBERRY, BVLGARI, DIOR, GUCCI, HERMÈS, LOUIS VUITTON, OMEGA, PMT THE HOUR GLASS, PRADA, SAINT LAURENT, TIFFANY & CO., VERSACE, ZEGNA และแบรนด์ CELINE ที่จะเตรียมเปิดเดือนธันวาคม 2567 นี้


    นอกจากนี้ ยังเพิ่มแบรนด์สตรีทระดับโลก อย่าง Lululemon สาขาแรกนอกกรุงเทพฯ และ ZARA Flagship Store คอนเซปต์ใหม่ล่าสุด ใหญ่ที่สุดใน South East Asia บนพื้นที่กว่า 1,800 ตารางเมตร มียอดขายเปิดร้านวันแรก (1 พ.ย. 2567) อันดับ 1 ในเอเชีย และปัจจุบันมียอดขายติดอันดับ 3 ของไทย รองจากกรุงเทพฯ สะท้อนศักยภาพเมืองเป็นศูนย์การค้าที่แบรนด์โลกเลือกปักหมุด

    การเพิ่มพื้นที่โซนลักชัวรีสามารถรองรับแบรนด์หรูที่เตรียมจะปักหมุดเปิดร้านบูทิคต่อเนื่องที่เซ็นทรัล ภูเก็ต และตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มกำลังซื้อสูงและนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์จากทั่วโลก ทำให้ ‘เซ็นทรัล ภูเก็ต’ เป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่เติมเต็มศักยภาพของจังหวัดภูเก็ตในการเป็น “The World’s Luxury Destination” ไลฟ์สไตล์ลักชัวรีที่สมบูรณ์แบบที่สุดในเอเชีย เทียบเท่าเมืองตากอากาศหรูระดับโลก


    ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าวต่อว่า ภูเก็ต ถือเป็น Top destination for Global Jetsetter เทียบชั้นเมืองตากอากาศหรูระดับโลกอย่าง ฮาวาย, โมนาโก, ซานโตรินี, ไมอามี่ โดยเมืองท่องเที่ยวสุดหรูเหล่านี้มีองค์ประกอบสำคัญเช่นเดียวกับภูเก็ต อาทิ ความสวยงามของชายหาด, World-class Infrastructure เพื่อการท่องเที่ยว, สิ่งอำนวยความสะดวก, โรงแรมและรีสอร์ตระดับอัลตร้า ลักชัวรี, กิจกรรมไลฟ์สไตล์หรู และที่สำคัญที่สุดคือ การช็อปปิ้งแบรนด์หรูและประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ระดับโลก

    ภูเก็ตยังเติบโตต่อเนื่องทั้งในด้านเศรษฐกิจและท่องเที่ยว คาดการณ์รายได้ภาคการท่องเที่ยวปี 2567 จะแตะ 5 แสนล้านบาท เป็น ‘New high’ โตจากปี 2566 ที่มีรายได้ประมาณ 388,017 ล้านบาทถึง 28% ส่วนตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 16% (YoY)


    “ภูเก็ต เป็นจังหวัดที่มี high season ตลอดทั้งปี มีค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยว 34,336 บาทต่อคน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูง และมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวเป็นอันดับ 1 ของภาคใต้ และอันดับ 12 ของประเทศ คาดว่า GDP ของจังหวัดภูเก็ตในปี 2567 จะเติบโตในระดับเกือบ 20% ดีกว่าภาพรวมของทั้งประเทศ” ดร.ณัฐกิตติ์กล่าว และว่า เซ็นทรัล ภูเก็ต ถือเป็น Luxury mall ที่รวมแบรนด์หรูมากที่สุด หนึ่งเดียวนอกกรุงเทพฯ ช่วยส่งเสริมศักยภาพการเติบโตของตลาดลักชัวรีไทยที่มีมูลค่ากว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฐ และจะเติบโตเฉลี่ย 6.15% ต่อปี จนถึงปี 2028 ซึ่งสูงกว่าตลาดในสิงคโปร์

    “สินค้าลักชัวรีที่เติบโตมากในไทยมาจากความต้องการในประเทศ และอิทธิพลของโซเชียลมีเดีย แม้ตลาดสินค้าหรูทั่วโลกชะลอตัว แต่ไทยกลับเติบโตอย่างแข็งแกร่ง วัดได้จากเม็ดเงินโฆษณาแบรนด์หรูต่างๆ ที่ Target ในไทย โตถึง 214% ในครึ่งปีแรกของปี 2567 สูงที่สุดในเอเชีย ทำให้แบรนด์หรูระดับโลกหลายแบรนด์เริ่มหันมาใช้ KOLs ไทยในฐานะ Brand Ambassador เพราะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะกับกลุ่ม Young Gen” ดร.ณัฐกิตติ์กล่าว


    วิไลพร กล่าวว่า ปัจจุบันเซ็นทรัล ภูเก็ตโซน ฟลอเรสต้า มีทราฟฟิกเฉลี่ย 80,000 คน/วัน คาดหลังยายพื้นที่ในโซนนี้แล้วเสร็จ จำนวนทราฟฟิกจะเพิ่ม 25% เป็น 100,000 คน /วัน แบ่งเป็นชาวต่างชาติ 70% และคนไทย 30% โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5 อันดับแรกที่เข้าใช้บริการในศูนย์ฯ ได้แก่ รัสเซีย, จีน, สหรัฐอเมริกา, สิงคโปร์ และฮ่องกง

    นอกจากนี้ข้อมูลจาก The 1 พบว่า spending per visit ของ The 1 Member สูงกว่าศูนย์อื่นถึง 5 เท่า และ spending per visit ของ The 1 Exclusive สูงกว่าศูนย์อื่น 6 เท่า โดยสิ่งที่ดึงดูดให้คนมาช็อปแบรนด์เนมที่เซ็นทรัล ภูเก็ต คือ มีสินค้า rare items ที่หาไม่ได้ที่อื่น

    จิ๊กซอว์สำคัญทำให้ภูเก็ตเป็นเมืองชายทะเลหรูระดับโลก เพราะมีสาธารณูปโภคระดับ world-class โดยสนามบินนานาชาติภูเก็ต เตรียมขยายเฟส 2 คาดเสร็จปี 2572 เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวได้กว่า 18 ล้านคน จากปัจจุบันรองรับได้ 16 ล้านคน นักท่องเที่ยว Top 5 คือ รัสเซีย, จีน, อินเดีย, ออสเตรเลีย, อังกฤษ ปัจจุบัน มีเที่ยวบินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศเข้าสนามบินเกือบ 100,000 เที่ยวบินต่อปี เฉลี่ย 300 เที่ยวบินต่อวัน รองรับผู้โดยสารต่างชาติ 10 ล้านคนต่อปี เฉลี่ย 30,000 คนต่อวัน โดยมีเที่ยวบิน บินตรงสู่เมืองสำคัญทั่วโลก เช่น ดูไบ โดฮา และออสเตรเลีย

    นอกจากนี้ยังมี Private Jet Terminal และมี Private Jet บินเข้าภูเก็ตเฉลี่ย 156 ลำ/ปี

    ไม่เพียงเท่านั้น ภูเก็ตยังมี Luxury Residences กว่า 17 โครงการ ที่มีมูลค่า 100 ล้านบาทขึ้นไป ได้ชื่อว่าเป็นเมืองอสังหาฯ ระดับหรู เป็นที่ต้องการของกลุ่มเศรษฐีทั่วโลก ติด Top 4 ของโลก รองจากดูไบ ฟลอริดา และ นิวยอร์ก ราคาที่ดินโตก้าวกระโดดในรอบ 20 ปี เพิ่มขึ้นถึง 700% โดยเฉพาะหาดราไวย์ ที่ราคาที่ดินปรับตัวสูงสุด และ ‘ย่านบางเทา’ ที่ถูกขนานนามว่า ทองหล่อแห่งภูเก็ต

    นอกจากนี้ยังสามารถทำกิจกรรมพิเศษทางเรือ ซึ่งมีท่าเรือ Superyachts 5 แห่ง ได้แก่ ยอชต์เฮเว่น มารีน่า, อ่าวปอ แกรนด์ มารีน่า, รอยัล ภูเก็ต มารีน่า, โบ๊ตลากูน มารีน่า, ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง หรือสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างอื่น อาทิ สนามกอล์ฟมาตรฐานระดับโลก 16 แห่ง ร้านอาหารมิชลินระดับหรู 28 ร้าน ตลอดจนโรงพยาบาลชั้นนำระดับโลก 9 แห่ง และโรงเรียนนานาชาติ 13 แห่ง




เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เอาต์เล็ตแห่งที่ 2 ของเซ็นทรัล! เปิดตัว ‘เซ็นทรัล มารีนา เอาต์เล็ต’ เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยว กลุ่มกำลังซื้อสูงในพัทยา-จังหวัดใกล้เคียง

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine