NITORI (นิโตริ) เร่งแผนขยายสาขาทั่วเอเชีย แบรนด์เฟอร์นิเจอร์และสินค้าตกแต่งบ้านจากประเทศญี่ปุ่น ปักหมุดสาขาที่ 5 สยาม ทาคาชิมายะ ไอคอนสยาม เทียบชินจูกุสร้างยอดขายสูงสุดในโลก สิ้นปีเปิดในไทยครบ 10 สาขา เล็งขยายโมเดลใหม่ 8,000 ตร.ม. ตั้งเป้าเปิดสาขาในไทย 80 สาขาใน 8 ปี พร้อมลงทุน 1,500 ล้านบาท ขยายโรงงานผลิตพรมในประเทศไทยรับแผนขยายสาขาทั่วเอเชีย
NITORI (นิโตริ) แบรนด์เฟอร์นิเจอร์และสินค้าตกแต่งบ้านที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่น เร่งแผนขยายสาขาทั่วเอเชีย หลังประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นิโตริ โฮลดิงส์ จำกัด จากเมืองซัปโปโร ทางตอนเหนือจากประเทศญี่ปุ่น ได้ประกาศวิสัยทัศน์และภารกิจที่จะขยายสาขาให้ครบ 3,000 สาขาทั่วเอเชีย และมียอดขาย 3 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 720,000 ล้านบาทภายในปี 2032 โดยเปิดตัวสาขาที่ 5 ในประเทศไทยที่ห้างสยาม ทาคาชิมายะ ไอคอนสยาม ซึ่งถือเป็นความร่วมมือกับทาคาชิมายะเป็นสาขาแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทาเคดะ มาซาโนริ (Takeda Masanori) รองประธานบริษัท นิโตริ โฮลดิงส์ จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือกับสยาม ทาคาชิมายะครั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมือระหว่างนิโตริกับทาคาชิมายะสาขาแรกนอกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนิโตริที่ทาคาชิมายะ สาขาชินจูกุ ถือเป็นสาขาที่สร้างยอดขายต่อตารางเมตรสูงสุดในโลก หรือประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปี และหวังว่าจะเกิดขึ้นในประเทศไทยเช่นเดียวกัน เนื่องจากสยาม ทาคาชิมายะ ไอคอนสยาม เป็นสาขาที่รองรับทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติเช่นเดียวกับที่ชินจูกุ ประเทศญี่ปุ่น
“ไอคอนสยาม เป็นห้างสรรพสินค้าติดแนวรถไฟฟ้า และมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก การเปิดสาขานิโตริที่สยาม ทาคาชิมายะ คาดว่าจะสามารถตอบโจทย์ลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์ญี่ปุ่นและกระตุ้นการใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี และสามารถเพิ่มฟังก์ชั่นที่สำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าผ่านเวบไซต์ให้มารับสินค้าที่สาขานี้ได้ เพราะเดินทางมาสะดวก” ทาเคดะระบุ
สำหรับนิโตริ สาขาสยาม ทาคาชิยามะ นับเป็นสาขาที่ 5 ในประเทศไทย บนพื้นที่ 2,300 ตารางเมตร มีสินค้ามากกว่า 5,000 รายการ ก่อนหน้านี้ได้เปิดสาขาที่เซ็นทรัลเวิลด์, ซีคอน บางแค, เดอะมอลล์บางกะปิ และเซ็นทรัล เวสต์เกต โดยคาดว่าจะเปิดสาขาในประเทศไทยครบ 10 สาขาในปีนี้ และมีแผนเปิดให้ครบ 80 สาขาในอีก 8 ปีข้างหน้า
อัตสึชิ โอะคูโมริ (Atsushi Okumori) กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยาม ทาคาชิมายะ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ทาคาชิมายะกับนิโตริ กรุ๊ป มีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันที่ประเทศญี่ปุ่น มีความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างกันมากว่า 9 ปี เป็นที่มาของการเปิดตัวร้านนิโตริ สาขาสยาม ทาคาชิยามะ ไอคอนสยาม เพื่อตอกย้ำความเป็นห้างญี่ปุ่นขนานแท้แห่งเดียวในประเทศไทย ที่มีสินค้าและบริการที่ครบครันในแบบฉบับญี่ปุ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดจับจ่ายให้กับห้างได้อีกทางหนึ่ง รวมถึงสร้างความคึกคักในการช้อปปิ้งให้กับผู้บริโภคในพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไอคอนสยาม
ไทยเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน
ทาเคดะ กล่าวว่า ปัจจุบันร้านนิโตริมีสาขาทั่วเอเชียทั้งหมด 1,000 สาขา (ข้อมูล ณ 29 มีนาคม 2567) แบ่งเป็นสาขาในประเทศญี่ปุ่น 817 สาขา และสาขาในต่างประเทศ ได้แก่ จีน ฮ่องกง เกาหลี มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ในเดือนเมษายนนี้จะเปิดสาขาที่ฟิลิปปินส์ และเปิดที่อินโดนีเซีย และอินเดียเป็นลำดับต่อไป
โดยสิงคโปร์ เป็นสาขาที่ทำรายได้สูงสุดในอาเซียน รองลงมาเป็นไทย ซึ่งหลังจากเข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทยมียอดขายเพิ่มขึ้นทุกเดือน จากเสียงตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคในประเทศต่างๆ นิโตริ มีเป้าหมายขยายสาขาในเอเชียเพิ่มขึ้นอีก 100 สาขาภายในปี 2025 และหลังจากขยายครบ 3,000 สาขาภายในปี 2032 นิโตริวางแผนเปิดสาขาเพิ่มในต่างประเทศให้ได้ปีละประมาณ 200 สาขา
“คนไทยให้การตอบรับดีมากกับนิโตริ ซึ่งสินค้าของเราสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ญี่ปุ่นให้กับคนไทยได้ โดยเฉพาะที่สยาม ทาคาชิมายะ มีเสียงเรียกร้องจากลูกค้าให้เรามาเปิดบริการ โดยทางห้างได้จัดสรรพื้นที่ให้กับนิโตริมากพอสมควรเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุม โดยบริษัทมีแผนเพิ่มกลุ่มสินค้าให้ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น เช่น กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งจะนำมาวางจำหน่ายทุกสาขาในไทยภายในปีนี้” ทาเคดะกล่าว
รองประธานบริษัทนิโตริ โฮลดิงส์ กล่าวด้วยว่า บริษัทมีความต้องการนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายให้กับคนไทยมากขึ้นและขยายสาขาให้ครอบคลุมกรุงเทพฯและปริมณฑลภายในปีนี้ เพื่อจะได้มีปริมาณมากพอในการลดราคาจำหน่ายลงเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และลดต้นทุนในการจัดส่งสินค้า ซึ่งระยะต่อไป บริษัทฯมีแผนขยายสาขาขนาดใหญ่ พื้นที่ 8,000 ตารางเมตร และมีสินค้าจำหน่ายมากกว่า 10,000 รายการ โดยเฉพาะหัวเมืองในต่างจังหวัด ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคชาวไทยสามารถซื้อสินค้าได้ในราคาถูกลงอีก
เล็งลงทุนโรงงานผลิตพรม 1,500 ล้าน
ทาเคดะ กล่าวว่า นิโตริ โฮลดิงส์ นอกจากขยายสาขาร้านนิโตริในประเทศไทยแล้ว ยังลงทุนโรงงานผลิตพรมจากวัสดุขวดรีไซเคิลในประเทศไทยเมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา และในปีนี้จะลงทุนขยายโรงงานผลิตเพิ่ม โดยใช้งบกว่า 1,500 ล้านบาท ขยายโรงงานแห่งที่ 2 และ 3 เพื่อเพิ่มกำลังผลิตพรมจากวัสดุขวดรีไซเคิลอีกเท่าตัว ขณะที่โรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ของนิโตริ อยู่ที่ประเทศเวียดนาม สำหรับสินค้าที่จำหน่ายในร้านนิโตริ 95% ผลิตโดยบริษัทนิโตริ โฮลดิงส์ ซึ่งในประเทศไทยมีจำนวนพนักงานกว่า 430 คน
นิโตริ กรุ๊ป บริหารงานภายใต้โมเดลธุรกิจที่จัดการทุกกระบวนการด้วยตนเองอย่างครบวงจร ตั้งแต่การผลิต การขนส่ง และจัดจำหน่าย โดยมีแบรนด์สินค้าในเครือมากมาย เช่น แบรนด์ NITORI จำหน่ายสินค้าประเภทเฟอร์นิเจอร์และโฮมแฟชั่น แบรนด์ DECO HOME สินค้าโฮมแฟชั่นที่เน้นของใช้ในชีวิตประจำวัน แบรนด์ SHIMACHU โฮมเซ็นเตอร์ที่จำหน่ายสินค้าครอบคลุมถึงอุปกรณ์ตกแต่งภายนอกอาคาร และ N+ แบรนด์เสื้อผ้าสำหรับผู้หญิงวัยทำงาน เป็นต้น
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : กรุงศรี คอนซูมเมอร์ มั่นใจ ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่ญี่ปุ่น ปี 67 โตเพิ่ม 50% แตะ 2,950 ล้านบาท
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine