NaRaYa จับมือพันธมิตรสุตฮอต ‘น้องหมีเนย’ (Butterbear) ออกสินค้าใหม่ขยายฐานลูกค้าเด็ก พร้อมกลับมาลงทุนครั้งแรกในรอบ 5 ปี ทุ่ม 100 ล้านขยายสาขาใหม่ 3 แห่ง พร้อมเปิดตัวบนแพลตฟอร์มเสี่ยวหงซูอีก 3 เดือนข้างหน้า คาดเป้าขายทะลุ 1,000 ล้านบาทปีนี้
พศิน ลาทูรัส รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท นารายณ์อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าแบรนด์ นารายา (NaRaYa) เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมมือกับ น้องหมีเนย ออกสินค้า “NaRaYa x Butterbear Collection” ภายใต้การออกแบบ ตัดเย็บ และผลิตจากโรงงานที่บุรีรัมย์
โดยสินค้านารายาคอลเล็กชันล่าสุดนี้ประกอบด้วยสินค้าพิเศษอีก 11 ชิ้น ประกอบไปด้วย พวงกุญแจน้องหมีเนย กระเป๋าผ้า กระเป๋าเครื่องสำอาง กระเป๋าสะพายข้าง หมวกทรงบักเก็ต รองเท้าแตะสุดนุ่มขนาดใหญ่ พวงกุญแจอะคริลิก กระเป๋าเป้ ผ้ากันเปื้อน และกระเป๋าสะพายข้างขนาดเล็ก ซึ่งนอกจากจะสามารถซื้อแยกชิ้นได้แล้วยังมี Exclusive Set ที่มาพร้อมกระเป๋าไซส์ใหญ่พิเศษ ที่รวมสินค้าในคอลเล็กชันทั้งหมดไว้ในกระเป๋าด้วย

นอกจากนี้ยังเตรียมออก สินค้า “NaRaYa x Butterbear Collection”คอลเลคชั่น 2 ในปลายปีนี้ด้วย สำหรับแฟนๆ กระเป๋าแบรนด์นารายาที่สนใจสินค้า NaRaYa x Butterbear Collection สามารถติดตามรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่ www.naraya.com หรือผ่านช่องทาง Line แบรนด์นารายา Facebook : narayaco, Instagram : naraya_official Tiktok : naraya และหน้าร้านนารายาทั้ง 17 สาขาทั่วประเทศ
“เราเลือก collaborate กับหมีเนย เพราะเราต้องการหากลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ให้กับนารายา หมีเนยไม่ได้แค่มีลูกค้าวัยรุ่นแต่เป็นลูกค้าที่มี loyalty สูง การกระตุ้นกำลังซื้อเป็นหน้าที่ของหมีเนย และการทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อนารายาในระยะยาวเป็นหน้าที่ของเรา” พศินกล่าว
เขาบอกอีกว่า จากความร่วมมือกับน้องหมีเนยใน 10 วันแรกที่ผ่านมา ทำให้สัดส่วนลูกค้าคนไทยเพิ่มเป็น 40% ในปัจจุบันจากก่อนหน้านี้ 30% และต่างชาติ 70%

สำหรับ “NaRaYa x Butterbear Collection” เปิดขายตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับดีเกินคาดตั้งแต่วันแรกที่เริ่มวางจำหน่าย ทั้งการจำหน่ายผ่านทางหน้าร้านและช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะสินค้า Exclusive Set ที่มีลูกค้ามารอซื้อสินค้าตั้งแต่ 2 ทุ่มก่อนวันเปิดขาย และ Sold Out จำนวน 300 ชุด ตั้งแต่วันแรกๆ ของการวางขาย จนมีกระแสเรียกร้องจากแฟนคลับให้เปิดพรีออเดอร์อีกครั้ง
“เป็นปรากฏการณ์สุดพิเศษที่แบรนด์ไม่เคยเจอมาก่อน เราต้องขยายกำลังการผลิตในบางสินค้าเพิ่มอีกเท่าตัว และคอลเลคชันล่าสุดที่ร่วมมือกับ Butterbear จะเป็นอีกก้าวที่สำคัญของแบรนด์ที่จะช่วยสื่อสารภาพลักษณ์ที่สดใสและมอบประสบการณ์ใหม่แก่กลุ่มลูกค้าของแบรนด์นารายา เราหวังว่าการ collaborate ครั้งนี้จะทำให้ฐานลูกค้าซึ่งเดิมเป็นผู้หญิงอายุระหว่าง 30-50 ปี จะขยายมาถึงฐานลูกค้าที่อายุ 20 ปีต้นๆ หรือ 15 ปี” พศินกล่าว

นอกจาก NaRaYa x Butterbear Collection แล้ว นารายายังคงแสวงหาโอกาสและความร่วมมือกับสินค้าประเภทอื่นๆ เพิ่มเติม ในรูปแบบการทำ Collaboration ร่วมกัน เพื่อช่วยต่อยอดทางธุรกิจ และทำให้นารายาเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้อย่างครบครัน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และครอบคลุมทุกเพศ ทุกวัย
“เป็นการกลับมาลงทุนอีกครั้งในรอบหลายปีตั้งแต่โควิดระบาด” พศินกล่าว และว่า ในปีนี้บริษัทได้เตรียมลงทุน 100 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาใหม่อีก 2-3 แห่ง โดยในเร็วๆ นี้จะมีการเปิดสาขาสแตนด์อะโลนที่ย่านเฉลิมบุรี ถนนเยาวราชเป็นตึก 5 ชั้น แต่ในเบื้องต้นจะเปิดบริการเพียง 2 ชั้นก่อน ส่วนอีก 2-3 แห่งกำลังอยู่ระหว่างเจรจา
“แม้จะมีปัญหาเศรษฐกิจ สินค้าของนารายาอยู่ในระดับราคาที่จับต้องได้ และพฤติกรรมนักท่องเที่ยวไม่ได้แค่มาเพื่อซื้อของ แต่ต้องการซื้อประสบการณ์ด้วย เรามองทั้งลูกค้าคนไทยและต่างประเทศ การดีไซน์สินค้าจะมีการปรับให้เป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น สามารถ mix & match ได้ง่ายขึ้น” พศินกล่าว
นอกจากเปิดสาขาใหม่ บริษัทยังมองถึงการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในการขยายแหล่งผลิตใหม่ในอาเซียน เพื่อให้มีกำลังผลิตรองรับการเติบโตในอนาคต พร้อมกันนี้ยังเตรียมเปิดจัดจำหน่ายของนารายาที่ร้าน Daiso ในญี่ปุ่นจาก 67 แห่ง เป็น 150 จุดในปีนี้ และจะเข้าไปทำตลาดนารายาบนแพลตฟอร์มของเสี่ยวหงซูในจีนอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ตามแผนการทั้งหมดนี้จะทำให้ยอดขายในปีนี้เติบโตได้ 20-30 เปอร์เซ็นต์
วาสนา รุ่งแสนทอง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกระเป๋าแบรนด์ “นารายา” กล่าวว่า ธุรกิจของนารายาเติบโตมาตลอด 35 ปีเต็มตั้งแต่ก่อตั้งมา และมียอดขายกว่า 2,000 ล้านบาทจากจำนวนสาขาทั้งหมด 35 แห่ง แต่การระบาดของโควิดในปี 2563 ทำให้ธุรกิจของนารายาลดลงอย่างมาก

“ห้างปิด เราขายสินค้าไม่ได้ เราเบลอไปหมด ขายของไม่ได้เลย ช็อค นอนไม่ได้ ตาค้างอยู่ 4 วันที่โรงพยาบาล หมอต้องให้ยานอนหลับ พอฟื้นขึ้นมาก็ตั้งสติ เมื่อรู้ว่าอะไรที่อยู่ในกรอบมันคุมได้ เราก็มาดูตรงนั้น เมื่อก่อนลูกค้า 80% เป็นนักท่องเที่ยว ห้างปิด นักท่องเที่ยวไม่มา ร้านไหนที่หมดสัญญาเราก็ปิดไปเลย ปิดสาขาไปทั้งหมด 15 แห่ง และปิดโรงงานอีก 3 แห่ง พนักงานจาก 3,000 คน เหลือ 400 คน
“นอกจากโรงงาน เราก็ยกเลิกเอเยนต์ในต่างประเทศเกือบทั้งหมด ยกเว้นที่อินโดนีเซียและญี่ปุ่น สาขาของนารายาจากทั้งหมด 37 แห่ง ตอนนี้เหลือเพียง 17 แห่ง ช่วงโควิดเราได้แค่ประคองตัวมาถึงวันนี้ เราหายใจคล่องขึ้น เพราะแบรนด์ดี พอสถานการณ์คลี่คลาย ลูกค้าเริ่มกลับมาแต่เรามีสินค้าไม่พอขาย ในปีนี้เราจะเตรียมเรื่องการขยายกำลังการผลิตมากขึ้น” วาสนาบอก
วาสนากล่าวอีกว่า ในปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดขาย 700 ล้านบาท กลุ่มลูกค้าหลักยังเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ อาทิ อินโดนีเซีย มาเลเชีย เวียดนาม ซาอุดีอาระเบีย และที่เหลือ 30% เป็นคนไทย โดยตั้งเป้าว่ารายได้ของนารายาจะเพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาทในปีนี้
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : คาลเท็กซ์ ทุ่มงบพิเศษ 110 ล้าน คว้า ‘หลิง-ออม’ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ขยายฐานลูกค้ารุ่นใหม่
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine