ตั้งแต่เครื่องนอน จนถึงยาสีฟัน แบรนด์ไทยโหนกระแส ‘มูเตลู’ สร้างสีสันตลาด-เข้าถึงลูกค้า - Forbes Thailand

ตั้งแต่เครื่องนอน จนถึงยาสีฟัน แบรนด์ไทยโหนกระแส ‘มูเตลู’ สร้างสีสันตลาด-เข้าถึงลูกค้า

ผู้ประกอบการวงการชุดเครื่องนอน-ธนาคาร-ศูนย์การค้า-ทีวีช้อปปิ้ง จนถึงครีมอาบน้ำและยาสีฟัน แห่โหนกระแส “มูเตลู” สร้างสีสันตลาดและเข้าถึงลูกค้า บริษัทวิจัยแนะใช้กลยุทธ์มูต้องดูวัย เพราะวิถีปฏิบัติต่างการเช่าหรือบูชาพระเครื่อง หรือการไปทริปไหว้พระ เทพ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นวิถีปฏิบัติหรือพิธีกรรมพื้นฐานที่คนไทยทำมานาน ในยามที่ต้องการความเชื่อมั่นในการค้าขาย การมีสุขภาพดี การเจริญก้าวหน้าเรื่องการงาน หรือเผชิญกับความท้าทายอื่นๆ


    แต่…มีใครเคยคิดหรือไม่ว่า…?? วันหนึ่งสินค้าอย่างชุดเครื่องนอน ครีมอาบน้ำ ยาสีฟัน น้ำหอม กาแฟ น้ำมันรถยนต์ ผ้าอ้อมเด็ก และธนาคาร จะเปิดโลกทัศน์ใหม่ ด้วยการใช้วิธีคิดแบบ Unconventional มาหาโอกาสทางธุรกิจบนความเชื่อและความศรัทธาของคน หรือที่เรียกกันตามกระแสตลาดว่า “มูเตลู” ซึ่งหมายถึงเรื่องของความเชื่อ ไสยศาสตร์ ซึ่งคำว่า “มูเตลู” นี้มาจากภาพยนตร์ของอินโดนีเซียที่ออกฉายครั้งแรกในปี 2522

    การเปิดกว้างรับกับความศรัทธาอย่างไร้ขีดจำกัด สินค้าและบริการต่างๆ ได้หันมาใช้ “มูเตลู” เป็นหนึ่งในเครื่องมือการตลาด เพื่อโปรโมทสินค้า ดึงความสนใจและเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายของตนเองอย่างต่อเนื่อง

    โดยเฉพาะช่วงโควิดระบาด เมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา ไม่เฉพาะคนไทยเท่านั้น นักท่องเที่ยวต่างชาติก็มองไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของการมูเตลูด้วยเช่นกัน ตั้งแต่การมาสักการะองค์เทพเจ้า เช่น พระแม่ลักษมี บนชั้น 4 ศูนย์การค้าเกษร พระพิฆเนศที่ห้วยขวาง พระพรหมเอราวัณ นักท่องเที่ยวยังนิยมเครื่องรางของขลังของไทยอย่าง กุมารเทพไอ้ไข่ วัดเจดีย์ หรือเช่าบูชาหลวงพ่อรวย เกจิดังจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นต้น

    จากการประเมินของศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทยในปี 2562 เฉพาะตลาดพระเครื่องในเมืองไทยมีมูลค่าประมาณ 17,000-23,000 ล้านบาท ขณะที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดการณ์ว่าจะมีเงินสะพัดในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับความเชื่อและการมูเตลูปีละ 10,000-15,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นปีละประมาณ 10-20%

    “กระแสนิยมของมูเตลูในเมืองไทยจะไม่มีแผ่วลง เราสามารถนำมูเตลูมาลิงก์กับการตลาดได้อย่างต่อเนื่อง ยิ่งสภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ขาดความมั่นใจ จะมีคนมาอาศัยการมูมากขึ้น แต่รูปแบบความเชื่อจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ” ผศ.ดร.บุญยิ่ง คงอาชาภัทร หัวหน้าสาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าว


ไลอ้อนฯ ส่ง ซอลส์และโชกุบุสสึ ร่วมวงมูปีนี้

    ประเสริฐ สุรัตนเมธีกุล ผู้จัดการส่วนผลิตภัณฑ์ดูแลความงามและเด็ก บริษัท ไลอ้อน คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจำหน่ายครีมอาบน้ำโชกุบุสซึ บอกว่า ได้ร่วมมือกับหมอช้าง ทศพร ศรีตุลา พัฒนา “โชกุบุสซึ จักรราศี” ครีมอาบน้ำรุ่น ลิมิเต็ด เอดิชั่น วางจำหน่ายที่โลตัสไฮเปอร์มาร์เก็ตทุกสาขาทั่วประเทศตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม เพื่อฉลองยอดขายอันดับหนึ่งสามปีซ้อนของครีมอาบน้ำนี้

    โดยครีมอาบน้ำรุ่นพิเศษนี้ มี 4 สี โชกูบุสซึในขวดสีฟ้า มีกลิ่นดอกไม้ จะเสริมเสน่ห์และความรักให้กับผู้ที่เกิดธาตุน้ำ ได้แก่ คนที่เกิดราศีกรกฎ มีน และพิจิก ส่วนบรรจุภัณฑ์สีเขียว มีกลิ่นซีตัส จะเสริมความมั่นคงให้กับผู้ที่เกิดธาตุดิน ได้แก่ คนที่เกิดราศีมังกร พฤษภ และกันย์

    ส่วนบรรจุภัณฑ์สีส้ม มีกลิ่นฟรุตตี้ จะเสริมพลังและอำนาจ เหมาะสำหรับคนธาตุไฟ ซึ่งเกิดในราศีเมษ สิงห์ และธนู และบรรจุภัณฑ์สีชมพูจะมีกลิ่นคล้ายๆ สบู่แนวสุขภาพ เสริมความคิดและสติปัญญาให้กับผู้ที่เกิดธาตุลม มี 3 ราศี ได้แก่ กุมภ์ มิถุน และตุลย์

    โชกุบุสซึ จักรราศี จะมีเพียงขนาดบรรจุเดียวคือ 500 มิลลิลิตร ราคา 125 บาท และมีจำนวนเพียง 120,000 ชิ้นเท่านั้น


    “เราใช้เวลาคิดอยู่นานว่า จะเอามูเตลูมาเล่นกับสินค้าที่เราจะออกวางตลาดดีหรือไม่ แต่จากการทำวิจัย เราพบว่า คนไทยมีความเครียดเรื่องงาน เงิน และเศรษฐกิจ จึงได้พูดคุยกับอาจารย์ทศพร ศรีตุลา นำเรื่องของกลิ่นที่เหมาะกับผู้เกิดราศีต่างๆ มาพัฒนาคอนเซ็ปต์เป็นโชกุบุสซึ จักรราศี

    “ด้วยความเป็นห่วงเรื่องภาพลักษณ์สินค้ากับความงมงาย เราเน้นสื่อสารว่า ครีมอาบน้ำแต่ละกลิ่น ช่วยเรื่องความสดชื่น คลายเครียด ทำให้คนมีพลังที่จะออกไปลุยงานต่อไป ไม่ได้เน้นสื่อสารเรื่องความปัง หลังจากวางตลาดวันแรก ก็ได้รับการตอบรับในเชิงบวกจากผู้บริโภค มีคนเอาเรื่องนี้ไปแชร์บนเพจต่างๆ” ประเสริฐบอก

    เขากล่าวอีกว่าตั้งแต่วางตลาดสินค้ารุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่นสู่ตลาดในปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สินค้าทุกสีได้รับการตอบรับดีเกินคาด แม้จะมีความต้องการในตลาด บริษัทจะไม่ผลิตสินค้ารุ่นนี้อีก เพราะต้องการใช้มูเตลูมาเป็นกิมมิคสร้างความตื่นเต้นให้ตลาดในระยะสั้นๆ เท่านั้น


    นอกจากครีมอาบน้ำโชกุบุสซึแล้ว ทางบริษัท ไลอ้อนฯ ยังได้วางตลาดยาสีฟันเกลือสมุนไพร “ซอลส์ เสน่ห์” รุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น ออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมาถึงสิ้นปีนี้ เพื่อฉลองครบรอบ 40 ปีไลอ้อนฯ ในประเทศไทย


    ธราวุฒิ ธีระศิริกุล ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ออรัลแคร์ บริษัท ไลอ้อนฯ ผู้ผลิตยาสีฟันซอลส์ กล่าวว่า ยาสีฟันเกลือสมุนไพร “ซอลส์ เสน่ห์” ขนาด 80 กรัม ได้ถูกออกแบบโดยอาศัยศาสตร์แห่งการพยากรณ์และความเชื่อด้านเมตตามหานิยม โชคลาภและความสำเร็จเข้าไว้ด้วยกัน เป็นการเสริมพลังชีวิตในอยู่ในด้านบวกมากขึ้น สินค้านี้จะอยู่ในกล่องสีทองทั้งด้านในและด้านนอก มีรูปใบไม้อยู่ด้านซ้ายของบรรจุภัณฑ์ พร้อมเลข 142 ซึ่งหมายถึงการมีอำนาจในการเจรจา

    “ผลตอบรับดีมาก เราขายยาสีฟันซอลส์ เสน่ห์ ได้ 2.5 ล้านบาทในเดือนกุมภาพันธ์ จากปกติการออกสินค้าใหม่แต่ละรายการจะตั้งเป้าขายไว้ที่ 1 ล้านบาทต่อเอสเคยู ยอดขายในเดือนมีนาคมและเมษายน ก็ยังอยู่ในระดับเดียวกับเดือนกุมภาพันธ์” ธราวุฒิบอก

    โดยยาสีฟันซอลส์ เสน่ห์ วางจำหน่ายที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น บิ๊กซี โลตัส และโปรโมทในเฟซบุ๊กของซอลส์ โดยใช้แมน การิน อินฟลูเอ็นเซอร์นักออกแบบตัวเลขชื่อดังช่วยรีวิวสินค้า


เครื่องนอน ‘ซาติน’ ขอไปต่อ

    ด้วยเห็นว่าห้องนอนถือเป็นจุดเริ่มต้นของการมีสุขภาพดี และเครื่องนอนเป็นสินค้าที่อยู่ติดกับตัวนานเป็นลำดับต้นๆ รองจากมือถือ บริษัท โชคลาภบุญไชย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องนอนซาติน จึงได้ร่วมกับหมอช้าง เปิดตัวชุดเครื่องนอนเสริมสิริมงคลในชื่อคอลเลคชั่นว่า “Satin Plus Lucky Me” ออกสู่ตลาดในปี 2562

    และในปีนี้ส่งคอลเล็คชั่น “Satin Plus: Lucky Me Lucky Mu” ชุดเครื่องนอนที่มาพร้อมลายสิริมงคลทั้ง 3 ได้แก่ เชือกถัก, ใบโคลเวอร์ และดวงดาว นอกจากนี้ยังดีไซน์พิเศษเป็นลายมังกรหยก ต้อนรับปี 2567 ซึ่งถือเป็นปีนักษัตรมังกรแห่งไม้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “MUniverse มูให้จบครบทุกความโชคดี”


    “การใช้ผ้าปูที่มีลวดลายเป็นมงคล โดยเฉพาะการมีสัญลักษณ์มังกรอยู่ใกล้ตัว ถือเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมพลังให้ชีวิตเต็มไปด้วยความเป็นมงคล เสริมดวงชะตาให้ราบรื่น ลดอุปสรรค” ธนชัย สุจินตะมณี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โชคลาภบุญไชย จำกัด กล่าว และว่า แม้บริษัทจะพัฒนาผ้าปูที่นอนที่มีลวดลายสีสันอิงกับความเชื่อมาหลายปีแล้ว แต่สินค้าเหล่านี้ยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องทุกปี

    “ในปีแรกที่เราวางตลาด Satin Plus Lucky Me เราหวังยอดขายประมาณหนึ่งเท่านั้น แต่จบปีแรกเราทำยอดขายได้ถึง 20 ล้านบาท มันเกินความคาดหมายของเราไว้มาก ในปีต่อมาเราได้ขยายกำลังการผลิตสินค้านี้เพิ่มอีก 50% และเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวในปีถัดมา พร้อมกับเพิ่มดีไซน์ใหม่และเพิ่มสีสันที่เป็นมงคลในสินค้านี้มากขึ้น และจบปีที่ 3 เราทำยอดขายได้ถึง 50 ล้านบาท” ธนชัย ระบุ

    Satin Plus จะออกแบบร่วมกับอาจารย์ช้าง ทั้งสีสันและลวดลายให้สอดคล้องกับดวงชะตาในแต่ละปี ซึ่งในปีนี้ลวดลายมงคลที่มีผลเสริมดวง อาทิ เชือกถักมงคล เพื่อดึงความสุข เติมความมั่งคั่ง นำพาความเจริญรุ่งเรือง หรือลายใบโคลเวอร์ ที่เป็นใบไม้แห่งความโชคดี ที่เติมเต็มความสมบูรณ์พูนสุข นำพาโชคดีและความสมปรารถนามาสู่ชีวิต โดยขายผ่านช่องทางต่างๆ กว่า 1,000 แห่ง อาทิ เดอะมอลล์ โรบินสัน โลตัส แม็คโคร ลาซาด้า ช้อปปี้ และร้านค้าพันธมิตรที่มีอยู่ทั่วประเทศ

ธนชัย สุจินตะมณี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โชคลาภบุญชัย จำกัด


    “การตอบรับของคอลเลคชั่นนี้เพิ่มขึ้นทุกๆ ปี ในทุกๆ ช่องทาง อาจจะเป็นเพราะสถานการณ์บ้านเมือง เศรษฐกิจที่ยังไม่ค่อยสู้ดี ทำให้คนหันมาหาที่พึ่งทางใจมากขึ้น เพื่อให้มีกำลังใจในการใช้ชีวิต และต่อสู้ต่อไป เห็นได้จากทุกๆ ปีใหม่และตรุษจีน ที่มีคนต่างพากันไปไหว้พระขอพรแก้ชงกันแน่นขนัดทุกๆ ปี ทำให้ยอดขายคอลเลคชั่นนี้ของเครื่องนอนซาตินยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีสินค้าอื่นๆ เริ่มใช้คอนเทนต์นี้บ้างก็ตาม คาดว่ายอดขาย Satin Plus Lucky Me Lucky Mu ปีนี้จะเติบโตได้อีก 5-10%” ธนชัยระบุ

    ปัจจุบันซาตินเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดชุดเครื่องนอนในเมืองไทย มีจุดสินค้าให้เลือกหลายเซ็กเมนต์ และแม้ตลาดชุดเครื่องนอนจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี แต่ก็ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูง โดยเฉพาะสินค้าจากจีน ซึ่งเป็นคู่แข่งที่แข็งแรงมาก

    “เป็นความท้าทายว่าเราจะปรับตัวสู้กับคู่แข่งที่แข็งแรงอย่างจีนได้ด้วยวิธีใด แบรนด์ดิ้ง คุณภาพสินค้า การรักษาชื่อเสียง รักษาความคาดหวังของผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญ เราจึงต้องสร้างอัตลักษณ์ เพื่อให้มีจุดขายที่เด่นชัด และแข่งขันในตลาดโลกได้ในอนาคต” ธนชัยกล่าว


เดอะมอลล์บางแคเปิดพื้นที่ขาย ‘เครื่องราง’ ถาวร

    อัญชลี พัฒนอนันต์สุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม Leasing & Property บริษัท เดอะมอลล์กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ได้เปิดโซนพระเครื่องอย่างถาวรขึ้นบนพื้นที่ 1,800 ตารางเมตร บริเวณชั้น 3 ของเดอะมอลล์บางแค ตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา จากปกติที่จะมีการห้องขนาด 400 ตารางเมตร ซึ่งเปิดแบบชั่วคราวเท่านั้น ในโซนพระเครื่องแห่งนี้มีบูท 80 แห่ง จำหน่ายสินค้าเกี่ยวข้องกับเรื่องมู พระเครื่อง กำไล สร้อยข้อมือ หินสี ตะกรุด ลูกประคำและจิวเวลรี่ เป็นต้น


    “มีทราฟฟิกหมุนเวียนในโซนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ การบูมเรื่องพญานาค ช่วยดึงคนเข้าสู่วงการมูเตลูมากขึ้น แต่สำหรับโซนพระเครื่องที่เดอะมอลล์บางแค เป็นตลาดบน มีทั้งวัยรุ่นและคนทำงานมานั่งเฝ้าตามซุ้มต่างๆ และการเช่าบูชามีถึงระดับล้านบาทต่อองค์” อัญชลีบอก


    นอกจากสาขานี้แล้ว อัญชลีบอกว่า อาจจะมีการต่อยอดไปพัฒนาพื้นที่ลักษณะนี้ที่บางสาขา เช่น โครงการ Bangkok Mall ที่บางนา-ตราด ซึ่งกำลังพิจารณารูปแบบให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ของโครงการ ซึ่งอาจจะเป็นการอัญเชิญเทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากที่ต่างๆ มาให้กราบไหว้ หรือมีโซนพระเครื่องด้วย


KBank ร่วมวงมู

    ดร.พิพัฒน์พงศ์ โปษยานนท์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า บริษัทมุ่งมั่นพัฒนา K PLUS อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็น “Lifestyle Digital Banking” เชื่อมโยงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลเข้ากับบริการด้านการเงิน ทำให้ K PLUS เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของลูกค้า ลูกค้าเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายที่สุด และได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ครบทุกความต้องการ

    หนึ่งในฟีเจอร์สำคัญที่ช่วยเพิ่มความรู้สึกอยากใช้งานคือ การออกแบบธีม K PLUS และ e-Slip เพื่อเติมสีสันและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่ใช้ K PLUS เป็นประจำ ด้วยลวดลายหลากหลายรูปแบบเข้ากันกับเทรนด์และไลฟ์สไตล์ปัจจุบัน

    “จากการศึกษาข้อมูลข้อความที่ลูกค้าระบุรายการใช้จ่ายใน e-Slip ของ K PLUS พบว่า มีการใช้จ่ายเกี่ยวกับการดูดวง ทำบุญ สอดรับกับกระแสเรื่องความเชื่อ โชคชะตา ทำบุญ ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เราจึงร่วมกับ LINE CREATORS และ LINE ดูดวง ในการออกแบบธีมและ e-Slip เกี่ยวกับศาสตร์ความเชื่อ เป็นกิจกรรมการตลาดที่เข้ากันได้ดีกับยุคสมัย เป็นการผสมรวมระหว่างการใช้ K PLUS ซึ่งเป็นเรื่องการเงิน และหนุนนำด้วยศาสตร์ความเชื่อตัวเลข ลวดลายศิลปะ ทั้งสีพื้นหลังมงคล เลขมงคล และไอคอนมงคล ที่เชื่อว่านำพาสิ่งที่ดีงามมาสู่ชีวิตในด้านต่างๆ” ดร.พิพัฒน์พงศ์บอก


    K PLUS มีธีมให้ลูกค้าเลือกดาวน์โหลดฟรี หรือลูกค้าสามารถซื้อได้ง่ายๆ บน K+ market หรือ ใช้คะแนนสะสม K Point แลกซื้อเพียง 380 คะแนน สามารถซื้อให้กับตัวเองหรือส่งเป็นของขวัญให้กับเพื่อนๆ ได้เช่นกัน โดยมีให้เลือกดังต่อไปนี้

    -K PLUS x LINE ดูดวง ออกแบบโดย “หมอบอย เคลียร์ชัด” เพื่อเสริมดวงคนเกิดทั้ง 7 วัน รวมความมงคลไว้ถึง 4 ประการ ได้แก่ ไพ่ยิปซี สีพื้นหลังมงคล เลขมงคล และไอคอนมงคล จะช่วยดึงดูดโชคลาภ เงินทอง คนอุปถัมภ์ ธุรกิจการงานที่ดี

    -K PLUS x LINE CREATORS เติมสีสันให้การใช้งาน K PLUS สนุกยิ่งขึ้นด้วยธีมและ e-Slip ที่เป็นลายเส้นคาแรคเตอร์ สร้างสรรค์โดย 8 ท็อปครีเอเตอร์จาก LINE CREATORS ที่มีผลงานเป็นที่ชื่นชอบของคนไทย ได้แก่ Dueb Dueb, HyperRabbit, Thao Wessuwan, Chonni, Som O, minimal G, BearPlease และ Onnie Bear

    -K PLUS x 4 คาแรคเตอร์ดังระดับโลก ได้แก่ Hello Kitty, One Piece, ชินจัง, wiggle wiggle ปัจจุบันมีลูกค้าดาวน์โหลดธีม K PLUS ทั้งฟรี หรือแลกซื้อ รวม 17 ล้านดาวน์โหลด


ช้อป ชาแนล - อาร์เอส มอลล์ ขยายพอร์ตสินค้ามู

    สรโชติ อำพันวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ช็อป โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินการ ช้อปชาแนลทีวีช้อปปิ้ง กล่าวว่า เห็นการเติบโตของการขายสินค้าที่เกี่ยวกับความศรัทธาและความเชื่ออย่างต่อเนื่องในช่องทางช้อปชาแนล ตั้งแต่เริ่มขายในปี 2561

    แต่ธุรกิจนี้มาเติบโตมากๆ ระหว่างปี 2564-2565 เพราะกระแสนิยมของอาจารย์จากวัดดังๆ หลายองค์ ทั้งเทพ และพญานาค คาดการณ์ว่ามีคนเช่าเทพและพญานาคไปบูชาในช่องทางของช้อปชาแนลปีละจำนวนมาก หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้มากกว่า 10% ของรายได้จากสินค้าที่ขายผ่านช่องทางช้อปชาแนลในแต่ละปี และ 90 เปอร์เซ็นต์ของลูกค้าเป็นผู้หญิง อายุระหว่าง 50-70 ปี

    “นอกจากจิวเวลรี่ประดับในเหรียญพญานาคบรรจุในกรอบทองแล้ว เราสนใจที่จะนำสินค้ามูเตลูที่ออกแบบในคอนเซ็ปต์มินิมอลมาจำหน่าย เพื่อขยายฐานลูกค้าวัยรุ่นมากขึ้นในอนาคตด้วย” สรโชติบอก

    ศวิตชาติ หมวดเมือง กรรมการ บริษัท กู๊ด มิลเลี่ยนเทรด จำกัด ผู้จำหน่ายสินค้าช่างทองไทย ในช่องทางโฮมช้อปปิ้ง อาทิ ช้อปชาแนล อาร์เอสมอลล์ และโอช็อปปิ้ง เล่าว่า ได้เริ่มผลิตเครื่องประดับมงคลออกจำหน่ายทางโฮมช้อปปิ้งมา 8 ปี แบรนด์ “ช่างทองไทย” จะเน้นพลอยของแท้ พระที่เช่ามาต้องออกจากวัดและผ่านพิธีพุทธาภิเษกแล้ว และมาทำราคาให้ลูกค้าเข้าถึงได้

    “ความต้องการเครื่องประดับมงคลมีการแกว่งไปแกว่งมา ผมมองต่างจากคนอื่น เมื่อไรที่เศรษฐกิจดี สินค้านี้จะขายดีมากๆ และหากเศรษฐกิจไม่ดี ของพวกนี้ขายไม่ดี และอาจจะเป็นสินค้าลำดับแรกๆ ที่จะถูกตัดค่าใช้จ่าย ปีนี้เศรษฐกิจไม่ดี พระเครื่องราคาถูกลง เพราะดีมานด์ในตลาดลดลง” ศวิตชาติบอก

    ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มิลเลี่ยนเทรดได้นำจี้หลวงปู่หลิว สมเด็จวัดระฆัง และหลวงพ่อรวย มาให้บูชาในโฮมช้อปปิ้งช่องต่างๆ ใน 5 เดือนแรกของปีนี้ และอาจจะนำหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ปัตตานี และหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน พิจิตร บางรุ่นพร้อมเซ็ตเครื่องประดับมงคล มาให้เช่าบูชาอีกในปีนี้


นักวิชาการ “มูเตลู”ยังไปต่ออีก

    “ทั้งสินค้า เครื่องประดับ ดิจิทัล ยังสามารถนำมูเตลูมาเป็นส่วนหนึ่งของการตลาดได้ แต่ต้องไม่ขายความมูเพียวๆ เหมือนกับจตุคามรามเทพ มีลักษณะการออกแบบที่เก๋ ไม่ดูงมงาย มูเตลูเหมือนซื้อเสื้อผ้า ต้องซื้อใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ” ผศ.ดร.บุญยิ่งกล่าว


มูเตลูเข้าถึงทุกเจน แต่ต้องออกแบบให้เหมาะกับวัย

    จากผลศึกษาของบริษัท ฮาคูโฮโด อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) เกี่ยวกับมูเตลูจากประชากร 1,200 คนทั่วประเทศ พบว่า 88% เชื่อเรื่องการมู และการมูจะครอบคลุมตั้งแต่การบูชาเทพทั้งในศาสนาของตัวเองและต่างศาสนา ไปจนถึงการใช้เครื่องรางของขลัง การใช้เลขมงคล สีมงคลเป็นส่วนประกอบต่างๆ ในชีวิตประจำวัน

    ประมาณ 44% ของคนไทยมูเรื่องการเงิน ขณะที่ 17% เป็นการมูเรื่องโชคลาภ 12% เรื่องสุขภาพ 8% ความงาม 3% เป็นเรื่องการเรียนและความรัก ส่วน 1% เป็นเรื่องอื่นๆ จากผลวิจัยพบว่า 12% ไม่เชื่อเรื่องการมู

    โดยคน Gen X หรือคนอายุ 43-58 ปี จะเน้นเรื่องการสวดมนต์ ไหว้พระ ทำบุญทำทาน ด้วยช่วงอายุที่มากขึ้น ชาว Gen X จะมูเตลูเพื่อขอเรื่องสุขภาพมากกว่าเจเนอเรชั่นอื่นๆ เพราะจะช่วยเพิ่มความมั่นใจว่าชีวิตจะไม่สะดุด สามารถลุยงานและเอ็นจอยชีวิตได้อย่างเต็มที่

    ดวงแก้ว ไชยสุริวิรัตน์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ของฮาคูโฮโด้ กล่าวว่า กิจกรรมหรือกลยุทธ์ของแบรนด์ที่มีลูกค้าเป็นกลุ่ม Gen X ต้องออกแบบให้ส่งเสริมไลฟ์สไตล์ที่ดีต่อสุขภาพ กิจกรรมที่ลูกค้ากลุ่มนี้คุ้นเคย เช่น จัดอีเวนต์ “กิจกรรมเดินวิ่ง 9 วัด” ให้พวกเขาได้สวดมนต์ ทำบุญขอพร และออกกำลังกายไปพร้อมๆ กัน หรือทำแพคเกจจิ้ง บทสวดมนต์ บทอวยพรมงคลการ ที่แชร์ให้เพื่อนๆ ได้ หรือให้พวกเขาสวดเพิ่มกำลังใจได้ทุกทีทุกเวลา

    ส่วนคน Gen Y ซึ่งอยู่ในช่วงอายุ 27-42 ปี เป็นเจนที่เปิดกว้างรับการเปลี่ยนแปลง ชอบลองของใหม่ ชอบโพสต์และแชร์ชีวิตแบบฮิปๆ ของตนเอง ดังนั้นแบรนด์ต้องแนะนำการมูแบบใหม่ๆ ที่ไม่มีมาก่อน ได้ประสบการณ์ใหม่ และถ่ายรูปสวย เช่น “meet & mu” ทริปมูเตลูที่เน้น new spot ทั้งในและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม แบรนด์ต้องระวังเรื่องความถูกต้องของข้อมูล เพราะคนเจนนี้ชอบค้นหาและแชร์ข้อมูลกับคนรอบข้าง

    ขณะที่ Gen Z จะมูแบบมินิมอล ชาว Gen Z โตมาพร้อมกับเทคโนโลยี กิจกรรมมูเตลูสำหรับสินค้าหรือบริการต้องดูดีมีสไตล์ และทำให้เขาสามารถเอนจอยกับเพื่อนๆ ได้ เช่น จัดแพคสินค้าสีมงคลสำหรับทุกๆ วัน หรือจะ mu-mix-match ในสินค้าแฟชั่นและสีสันในชีวิตประจำวัน ที่เป็นแบบของตัวเอง เช่น สินค้าแฟชั่น หรือบิวตี้ที่มี color palette เป็นสีมงคลพาสเทล ซึ่งช่วยเสริมความสนุกและความมั่นใจ ให้พวกเขาทั้งในชีวิตประจำวันและในโลกออนไลน์

    จนถึงวันนี้ ธุรกิจทั้งเก่าและใหม่จำนวนมากยังคงตบเท้าเข้ามาหาโอกาสจาก ความเชื่อ ความศรัทธาของคนไทย แม้การ“มูเตลู” จะไม่สามารถพิสูจน์ผลลัพธ์ได้ 100% เช่นเดียวกับวิธีการทางวิทยาศาสตร์อื่นๆ แต่มูเตลูไม่น่าจะใช่แฟชั่นที่มาแล้วไป เพราะความเชื่อทางศาสนา ทำให้การหยั่งรากลึกลงบนความศรัทธาและความเชื่อไม่ใช่เรื่องผิวเผิน เพราะหากได้ลองเชื่อสักครั้งแล้ว จะเชื่อตลอดไป!!!




เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ผลสำรวจผู้บริโภคชาวไทย 72% กังวลค่าครองชีพพุ่ง หันมาซื้อของกินของใช้บน ‘ออนไลน์’ เพราะได้ดีลดีกว่า

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine