MUJI ปรับราคาสินค้าลง 20% เดินหน้ากลยุทธ์ Localization มุ่งเป็น ‘แบรนด์ไลฟ์สไตล์สามัญประจำบ้าน’ ในใจคนไทย - Forbes Thailand

MUJI ปรับราคาสินค้าลง 20% เดินหน้ากลยุทธ์ Localization มุ่งเป็น ‘แบรนด์ไลฟ์สไตล์สามัญประจำบ้าน’ ในใจคนไทย

FORBES THAILAND / ADMIN
17 May 2024 | 08:30 AM
READ 1231

มูจิ ประเทศไทย (MUJI) ประกาศปรับราคาสินค้าคุณภาพอีกครั้ง เพิ่มเติมกว่า 126 รายการ ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคมเป็นต้นไป เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่มอย่างรอบด้าน ทั้งฟังก์ชั่นในการใช้งาน และพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอย มุ่งหน้าสู่เป้าหมายการเป็น แบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์สามัญประจำบ้านในใจคนไทยทั่วทุกภูมิภาค


    มูจิ ประเทศไทย ได้เดินหน้ากลยุทธ์ด้านราคาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 ควบคู่กับการขยายสาขา ให้ครอบคลุมทั่วประเทศโดยเฉพาะในต่างจังหวัด และมุ่งพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ให้เหมาะสมกับอินไซต์ด้านพฤติกรรม และความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่

    ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา มูจิมีการปรับราคาสินค้าในทุกๆ หมวดหมู่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทมีฐานลูกค้าในประเทศไทย ที่ซื้อสินค้า MUJI ซ้ำเป็นประจำ และเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ทำให้ยอดขายมีการเติบโตสูงขึ้นเป็นอย่างมาก

    อกิฮิโร่ คาโมการิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “นอกเหนือจากความมุ่งมั่นของ MUJI ในการเป็นแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์สามัญประจำบ้านในใจคนไทยทั่วทุกภูมิภาคแล้ว บริษัทฯ ยังตั้งเป้าหมายในการเป็นคอมมูนิตี้ที่มีส่วนร่วมช่วยเชื่อมโยง และตอบสนอง ไลฟ์สไตล์ของผู้คนในแต่ละพื้นที่ ให้สามารถเข้ามาช้อปปิ้ง แฮงค์เอ้าท์ พบปะ พูดคุย และรับประทานอาหารภายในร้าน MUJI ได้เป็นประจำ”


อกิฮิโร่ คาโมการิ

    ด้วยเหตุนี้ ทางบริษัทฯ จึงได้นำกลยุทธ์ทางด้านราคามาใช้ เพื่อเป็นประตูบานแรกให้คนไทยเปิดรับ และมีโอกาสได้สัมผัสประสบการณ์ในการใช้สินค้าคุณภาพ และบริการที่หลากหลาย ในราคาที่คุ้มค่า ตามแบบฉบับของ MUJI ได้อย่างง่ายดาย และสะดวกสบายมากขึ้น

    ปัจจุบันมูจิ ประเทศไทยมีสินค้าจัดจำหน่ายอยู่ทั้งหมด 5,000 รายการ และยังมีสินค้าคุณภาพสำหรับชีวิตประจำวันที่มีราคาต่ำกว่า 300 บาท กว่า 2,500 รายการ หรือคิดเป็นสัดส่วน 50% ของสินค้าทั้งหมด

    ล่าสุด MUJI ได้สานต่อกลยุทธ์ทางด้านราคาอย่างต่อเนื่องอีกครั้งผ่านการนำเสนอสินค้าไลฟ์สไตล์คุณภาพที่สามารถใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันเพิ่มเติมกว่า 126 รายการในราคาที่ปรับลดลงเฉลี่ยกว่า 20% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคมเป็นต้นไป ตอบโจทย์พฤติกรรมและความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย โดยมีไฮไลต์เด่นใน 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่

    1. กลุ่มรองเท้าและกระเป๋า (รุ่นยอดนิยม) ประกอบไปด้วย รองเท้าผ้าใบ, กระเป๋าเป้สะพายหลัง, กระเป๋าเดินทาง

    2. กลุ่มของใช้ในบ้านและเฟอร์นิเจอร์ ประกอบไปด้วย ผ้าปูโต๊ะ, อุปกรณ์ตากผ้า, โซฟาบีนแบค, หมอนโพลีเอสเตอร์, ผ้านวม, เบาะรองนั่ง, เฟอร์นิเจอร์ที่ตั้งถาด, ชั้นไม้สำหรับวางหนังสือ, ชั้นไม้สำหรับวางรองเท้า และอุปกรณ์เครื่องครัวไม้ยางพารา

    3. กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ประกอบไปด้วย ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า

    4. กลุ่มอาหารสำเร็จรูป (MUJI Food) ประกอบไปด้วย น้ำโซดา (Sparkling Water) และ Curry (แกงกะหรี่สำเร็จรูป)

    อกิฮิโร่ คาโมการิ ยังเอ่ยถึงกลยุทธ์ Localization ของ MUJI มีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ให้สอดรับกับพฤติกรรม และความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ การนำเสนอสินค้าแบบเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะในสาขาของร้านค้า MUJI ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย โดยคำนึงถึงดีไซน์และฟังก์ชั่นที่เหมาะสมกับบริบทแบบไทยๆ ไม่ว่าจะเป็น ลักษณะนิสัยของผู้คน สภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ รวมถึงวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม และวิถีชีวิตของคนไทยอีกด้วย

    “บริษัทได้เดินหน้าแผนการขยายสาขาใหม่ไปยังทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย เพื่อให้เข้าถึงคนไทยในทุกๆ พื้นที่อย่างครอบคลุม ซึ่งมีการขยายสาขาไปแล้วทั้งภาคเหนือ ภาคใต้ และอยู่ในระหว่างการดำเนินการขยายสาขาไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายจังหวัด อาทิ เซ็นทรัล ขอนแก่น ในช่วงเดือนมิถุนายน และเซ็นทรัล อุดรธานี ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้” อกิฮิโร่ คาโมการิ กล่าว


อริญา พันธุมโกมล

    อริญา พันธุมโกมล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท มูจิ รีเทล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมา MUJI ได้ทำการสื่อสารการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ในวงกว้างมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัด เพื่อให้ลูกค้ารับรู้และเข้าใจความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการเป็นแบรนด์สินค้าในชีวิตประจำวันในราคาที่เข้าถึงได้ แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าในแบบญี่ปุ่น”

    MUJI เน้นกลยุทธ์การสื่อสาร Localize ให้เหมาะสมกับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในแต่ละพื้นที่ เช่น สื่อป้ายโฆษณานอกบ้านทั้งในรูปแบบของป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ และป้ายโฆษณาในรูปแบบดิจิทัลในจุดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในแต่ละจังหวัดได้เป็นจำนวนมาก หรือโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านรายการวิทยุท้องถิ่น หรือรถกระจายเสียง

    นอกจากนี้ MUJI มีการใช้อินฟลูเอนเซอร์ที่เป็นที่รู้จักและมีอิทธิพลต่อการสร้างการรับรู้และการตัดสินใจซื้อของคนในแต่ละพื้นที่ โดยได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ทั่วประเทศไทยด้วยทราฟฟิกการเข้าใช้บริการที่มากขึ้นกว่า 20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตอกย้ำความเป็นแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์สามัญประจำบ้านในใจคนไทยทั่วทุกภูมิภาคอย่างแท้จริง


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ยลโฉม ‘Lamborghini Urus SE’ Plug-in Hybrid รุ่นแรก เครื่อง 800 CV วิ่งไกล 60 กม. ในโหมดไฟฟ้า

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine