ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดแบรนด์ดังอย่าง McDonald's เตรียมปรับกลยุทธ์โดยจะใช้ 'เมนูราคาถูก' แทนการปรับขึ้นราคาสินค้า หลังผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น กระทบต่อยอดขายทั่วโลกในไตรมาส 2 ปี 2024 ร่วงลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี
เมื่อวันจันทร์ 30 ก.ค. ที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์สได้รายงานว่า เป็นเรื่องน่าประหลาดใจไม่น้อย เมื่อยอดขายทั่วโลกของร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดแบรนด์ดังอย่าง McDonald's (แมคโดนัลด์) ในไตรมาส 2 ของปี 2024 นี้ มีการปรับตัวลดลง 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นตัวเลขที่ร่วงลงครั้งแรกในรอบ 13 ไตรมาส หรือคิดเป็นระยะเวลากว่า 3 ปี โดยเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในทุกภูมิภาค ส่งผลผู้บริโภคต่างก็ระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้นกว่าเดิมตามโดยหลีกเลี่ยงการสั่งเมนูอาหารที่มีราคาสูง โดยเฉพาะ 'บิ๊กแม็ก' ซึ่งถือเป็น 1 ในเมนูหลักยอดฮิตของทางร้าน
ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงตึงตัวกระทบต่อผู้บริโภคที่มีรายได้น้อยทำให้ต้องควบคุมค่าใช้จ่ายแบบรัดกุมมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันเหล่าบรรดาเชนร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดรายใหญ่ อย่าง แมคโดนัลด์, เบอร์เกอร์คิง, เวนดี้ส์ และ ทาโก้ เบลล์ ต่างก็ทำสงครามราคาด้วยการออก 'เมนูราคาประหยัด' ออกมาดึงดูดใจเพื่อแย่งชิงกลุ่มผู้บริโภค ซึ่งที่ผ่านมา ทางแมคโดนัลด์เองก็เคยใช้กลยุทธ์ออกเมนูราคาประหยัดดังกล่าวนี้ไปแล้ว เพื่อชดเชยให้กับกลุ่มลูกค้าที่เสียไปจากผลกระทบการบอยค็อตช่วงสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ แต่ก็ยังไม่สามารถช่วยกระตุ้นยอดขายทั่วโลกให้เติบโตได้มากพอ ซึ่งก่อนหน้านี้เหล่านักวิเคราะห์ยังเคยคาดการณ์ไว้ด้วยว่า ยอดขายไตรมาส 2 ของแมคโดนัลด์จะเพิ่มขึ้น 0.5% แต่ทว่ายอดขายกลับลดลง 1% ส่วนรายได้นั้นปรับตัวขึ้นเพียง 1% และกำไรปรับตัวลดลง 12%
ด้าน Sara Senatore นักวิเคราะห์จาก Bank of America กล่าวว่า แมคโดนัลด์มีการขยับขึ้นราคาสินค้าบางรายการเร็วกว่าเมื่อเทียบกับบรรดาคู่แข่ง เห็นได้จากราคาของเมนูบิ๊กแม็คที่ปรับราคาเป็น 5.29 เหรียญสหรัฐฯ
ขณะที่ Chris Kempczinski ซีอีโอของแมคโดนัลด์ กล่าวว่า ราคาบิ๊กแมค 5.29 ดอลลาร์ มีการปรับเพิ่มขึ้นจากปี 2562 เพียง 21% เท่านั้น สอดคล้องกับการขยายตัวของเงินเฟ้อในปัจจุบันอีกทั้งเมนูอื่นๆ ก็มีการปรับขึ้นราคาน้อยกว่านี้
อย่างไรก็ตาม Kempczinski ยังยอมรับกับเหล่าผู้ถือหุ้นด้วยว่า 'การปรับขึ้นราคาสินค้า' เพื่อรับมือกับเงินเฟ้อส่งผลต่อพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคที่จะต้องคิดทบทวนให้ดีกว่าเดิม ดังนั้นผลประกอบการที่ร่วงลงในครั้งนี้ ทางบริษัทจะต้องทบทวนเรื่องกลยุทธ์การตั้งราคาใหม่อีกครั้งอย่าง และจะหันมาใช้กลยุทธ์การลดราคาหรือเมนูราคาถูกเพื่อกระตุ้นยอดขายที่ลดลงให้เพิ่มขึ้น ซึ่งล่าสุดเองทางบริษัทก็มีการขยายระยะเวลาโปรโมชั่นออกไปให้นานขึ้น เช่น ชุดแฮปปี้มีลที่จำหน่ายในสหรัฐราคา 5 เหรียญที่ออกมาเมื่อเดือนมิถุนายนจะขยายเวลาออกมาไปอีกถึงเดือนสิงหาคม รวมถึงการขยายเวลาเซ็ตอาหาร 3 เมนู ในราคา 3 ปอนด์ที่ประเทศอังกฤษ เป็นต้น
ทั้งนี้ การประกาศทบทวนแผนด้านราคาดังกล่าว ได้ส่งผลให้ราคาหุ้นของแมคโดนัลด์ปรับตัวขึ้นถึง 3% ถือเป็นตัวสะท้อนว่าเหล่านักลงทุนยังมั่นใจในเชนร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดยักษ์ใหญ่ของโลกรายนี้จะพลิกสถานการณ์ธุรกิจให้กลับมาเป็นบวกได้ หลังจากที่ราคาหุ้นของแมคโดนัลด์ในปีนี้ได้ร่วงลงไปแล้วราว 15%
แปลและเรียบเรียงจากบทความ : McDonald's sales fall globally for first time in more than three years
McDonald's to 'rethink' prices after sales fall
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘ไปรษณีย์ไทย’ ครึ่งปีแรกรายได้ 10,602 ล้าน กำไรทะลุ 136.6 ล้าน เดินหน้าดันบริการส่งต่างประเทศ
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine