L’Oreal ตั้งเป้าชิงเบอร์ 1 จาก Unilever หวังครองตลาดความงามที่มีมูลค่ารวมกว่า 1.4 แสนล้านบาท ภายใน 2 ปี
Patrick Girod ซีอีโอ L’Oreal ประเทศไทยคนล่าสุด ตั้งเป้าภายใน 2 ปี จะดันธุรกิจขึ้นเป็นเบอร์ 1 ขึ้นครองแชมป์ตลาดสินค้าความงามของไทย
“ตอนนี้เรามีหมวดน้ำหอมและเวชสำอางที่ยังเป็นเบอร์ 2 เป้าหมายของเราคือการขยับขึ้นเป็นเบอร์ 1 ภายในปี 2566 ซึ่งจะทำให้ภาพรวมของเราถัดจากนี้ขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในตลาดรวมได้”
โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา ตลาดความงามของไทยในภาพรวม มีมูลค่าราว 1.49 แสนล้านบาท จำแนกเป็น กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว 60% ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม 20% เครื่องสำอาง 14% และน้ำหอม 6%
ทั้งนี้ ทาง L’Oreal ประเทศไทย สามารถฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิดและมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นถึงสองหลัก และยังครองส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยแบรนด์ Garnier ได้ครองอันดับ 1 ของผลิตภัณฑ์ความงามและดูแลผิวในประเทศไทย ส่วน Maybelline New York ครองอันดับ 1 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เมกอัพ
ขณะที่สินค้าในกลุ่มน้ำหอมได้เติบโตก้าวสู่อันดับ 2 ด้วยยอดขายจากแบรนด์ Yves Saint Laurent Beaute, Lancome และ Giorgio Armani
นอกจากนี้แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง ที่มีแบรนด์ La Roche-Posay, Vichy และ CeraVe ยังสร้างปรากฏการณ์ในการเป็นแผนกที่มีการเติบโตสูงที่สุดในบริษัทถึง 2 เท่า ในระยะเวลาเพียง 3 ปี
อย่างไรก็ตาม อุปสรรคและความท้าทายที่สำคัญที่สุด คือ การชิงตำแหน่งแชมป์เบอร์ 1 จาก Unilever อีกทั้งกลุ่มสินค้าผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมของทาง L’Oreal ก็ยังเล็กมากสำหรับตลาดในประเทศไทย
“ตลาดในไทยมีความท้าทายและการแข่งขันสูงมาก ผู้บริโภคต่างมีความรู้และความคาดหวังเยอะ ตลอดจนอยากได้ของดีในราคาที่ไม่แพง แต่ละบริษัทจึงต้องฟาดฟันกันด้วยแคมเปญ ดังนั้นเราจึงต้องมีเกมการตลาดที่เหมาะสม” ซีอีโอ L’Oreal ประเทศไทยกล่าว
ทั้งนี้ Patrick ยังมั่นใจด้วยว่า จากประสบการณ์การทำงานอยู่ในตลาดญี่ปุ่นมานานกว่า 9 ปี ทำให้เขามีความเข้าใจในพฤติกรรมของชาวเอเชียเป็นอย่างมาก นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทางบริษัทแม่ได้มอบหมายให้เขาเข้ามาดูแลตลาดใน ไทย เมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา
อ่านเพิ่มเติม: Coway ทุ่ม 1.3 พันล้านบาท พัฒนางานวิจัยชูเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine