'หลิง-ออม' ฟีเวอร์! กวาดรายได้ Presenter หลายแบรนด์ดัง รวมหลักร้อยล้าน! - Forbes Thailand

'หลิง-ออม' ฟีเวอร์! กวาดรายได้ Presenter หลายแบรนด์ดัง รวมหลักร้อยล้าน!

​'หลิง-ออม' ฟีเวอร์! กวาดรายได้จากการนั่งแท่นเป็น Presenter ให้กับแบรนด์ต่างๆ มากมายคาดการณ์รวมแล้วหลักร้อยล้าน หลังโด่งดังสร้างกระแส Soft Power ถล่มทลาย ขึ้นแท่นเบอร์ 1 คู่จิ้นสุดฮอตซีรีส์ GL ในไทย


    จากกระแส Soft Power ซีรีส์วายแนว Boys Love ของไทยที่โด่งดังไกลไปทั่วโลก ล่าสุดซีรีส์แนวยูริ หรือ Girls Love ของไทย ได้สร้างปรากฎการณ์ใหม่ในสร้างมูลค่าและรายได้ต่างๆ จากวงการบันเทิงที่เกี่ยวข้องไม่แพ้กัน 

    ทั้งนี้ ซีรีส์วายมีที่มาจากคำในภาษาญี่ปุ่น ว่า Yaoi หรือ ยาโอย โดยจะเรียกสั้นๆ ว่า Y (วาย) ซึ่งนื้อหาในซีรีส์เหล่านี้จะเป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ของชาย-ชาย ทั้งในเรื่องของความรักและความสัมพันธ์ หรือที่ใครหลายๆ คน นิยมเรียกนิยายหรือซีรีส์แนวนี้กันว่า Boys Love หลังจากนั้นถัดมาจึงเริ่มมีการผลิตซีรีส์แนว Yuri (ยูริ) หรือ Girls Love ออกมามากขึ้น จึงกลายเป็นกระแสคู่จิ้นของเหล่านักแสดง หญิง-หญิง ที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง 

    ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB EIC มีการวิเคราะห์ข้อมูลถึงตลาดซีรีส์วายด้วยว่า ประเทศไทยขึ้นแท่นเป็นผู้นำการผลิตคอนเทนต์บันเทิงอย่าง ซีรีส์วายเป็นอันดับ 1 ของโลก และยังมี Market Share (ส่วนแบ่งตลาด) มากที่สุดเป็นเบอร์ 1 ในเอเชีย โดยที่ผ่านมา มีการออกอากาศรวมทั้งสิ้นแล้วกว่า 340 เรื่อง และนับตั้งแต่ปี 2565 มีการผลิตคอนเทนต์ออกมามากกว่าปีละ 50 เรื่อง

    นอกจากนี้ ยังมีการประเมินมูลค่าตลาดซีรีส์วาย ปี 2568 โดยคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 4,900 ล้านบาท โตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน 17%  และมีสัดส่วนอยู่ที่ 3.9% ของสื่อบันเทิงไทยโดยรวม ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2562 ที่ตลาดซีรีส์วายมีมูลค่า 851 ล้านบาท เรียกได้ว่าเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดที่เพิ่มขึ้นถึง 479% อีกทั้ง ซีรีส์วาย ยังมีส่วนช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมบันเทิงไทยในปี 2568 ให้มีมูลค่า 126,000 ล้านบาท เติบโต 4.1% 


ไทยครองแชมป์เบอร์ 1 เอเชีย จากซีรีส์ ชาย-ชาย , หญิง-หญิง

    ตลอดระยะเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา มีกระแสคู่จิ้นนักแสดง หญิง-หญิง ในไทยเกิดขึ้นมากมาย อาทิ อิงฟ้า-ชาล็อต, ฟรีน-เบ็คกี้, ฝ้าย-โยโกะ และล่าสุด 'หลิง-ออม' ที่โด่งดังสร้างกระแสฟีเวอร์ไม่ใช่แค่เฉพาะในไทยแต่ยังดังไกลในระดับอินเตอร์อีกด้วย ​

    ปี 2567 ที่ผ่านมา ประเทศไทยขึ้นชื่อได้ว่าครองอันดับ 1 ของตลาดซีรีส์วายในเอเชีย โดยมีสัดส่วนมากถึง 53% ถัดมา คือ ญี่ปุ่น 13% เกาหลีใต้ 9% และไต้หวัน 6% ส่วน ซีรีส์ยูริ คู่จิ้น หญิง-หญิงของไทย ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงมากเช่นกัน โดยมีภาพยนตร์ ซีรีส์ และเรื่องสั้นแนว Girl love ของไทยออกอากาศมากกว่า 40 เรื่อง คิดเป็น 60% ของเอเชีย รองลงมา คือ ฟิลิปปินส์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นฐานผู้ชมสำคัญของซีรีส์วายไทย

    'หลิงหลิง ศิริลักษณ์ คอง' นักแสดงสาว ลูกครึ่งไทย-ฮ่องกง ก้าวสู่เส้นทางการประกวดนางงามมาก่อนที่จะก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงไทย ขณะที่ 'ออม กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์' ได้ฝึกฝีไม้ลายมือจากการเล่นละครมามากมาย แต่ผลงานที่ทำให้เป็นที่รู้จักและกล่าวถึงมากที่สุดมาจากละครเรื่องมาตาลดา


    หลังการจับคู่กันเล่นซีรีส์เรื่องใจซ่อนรัก (The Secret of Us) ที่ออกอากาศทางช่อง 3 กระแสคู่จิ้น หลิง-ออม ก็ได้รับความนิยมแบบถล่มทลายในทันที เมื่อกระแสดีจนเกินคาดจากการเปิดตัวซีรีส์ยูริเรื่องแรกของช่อง 3 ทางต้นสังกัดก็ไม่รอช้ารีบผลักดันซีรีส์เรื่องที่ 2 'เพียงเธอ Only You The Series' ออกมาในทันที 


​'หลิง-ออม' ฟีเวอร์ กวาดรายได้ Presenter รวมหลักร้อยล้าน!​

    เมื่อกระแสตอบรับคู่จิ้น 'หลิง-ออม' โดนใจเหล่าบรรดาแฟนคลับเป็นจำนวนมาก หลายแบรนด์ดังจากธุรกิจหลากประเภทต่างก็ต้องการให้ทั้งคู่มานั่งแท่นเป็น Presenter เพื่อสร้างการจดจำ พร้อมกระตุ้นยอดขายผลิตภัณฑ์ผ่านการทำการตลาดในรูปแบบต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมามีข้อมูลว่า มูลค่าการสร้างรายได้จากการนั่งแท่นเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์ต่างๆ ของ หลิง-ออม สามารถกวาดรายได้ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมถึงรายได้จากการจ้างงานคู่สำหรับออกงานอีเวนต์อื่นๆ

    ทั้งนี้ ในอนาคตทั้งคู่ยังวางแผนที่จะก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงในระดับอินเตอร์นอกเหนือจากการสร้างชื่อในแถบภูมิภาคเอเชีย โดยความก้าวหน้าของทั้งคู่ที่จะเกิดขึ้น นอกจากจะสร้างรายได้เม็ดเงินมหาศาลแล้ว ก็น่าจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีเพิ่มขึ้นให้กับประเทศถือเป็นอีก 1 Soft Power ของไทยที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทางอ้อมในด้านต่างๆ ได้เป็นอย่างดี




เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :กลุ่มธุรกิจ TCP ดึง ‘หลิง-ออม’ ขึ้นแท่นพรีเซนเตอร์แบรนด์ Ready เติมเอเนอร์จี้ ส่งต่อแรงบันดาลใจ ให้ผู้หญิงยุคใหม่

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine