แอลจี วางแผนพลิกโฉมธุรกิจตั้งเป้าลงทุนระยะยาว 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2030 - Forbes Thailand

แอลจี วางแผนพลิกโฉมธุรกิจตั้งเป้าลงทุนระยะยาว 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2030

​แอลจี วางแผนพลิกโฉมธุรกิจเพิ่มงบลงทุนในปีนี้เป็น 8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ พร้อมตั้งเป้าลงทุนระยะยาวกว่า 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2030


    วิลเลียม โช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกลุ่มผู้บริหารระดับสูงของแอลจี อิเลคทรอนิคส์ (แอลจี) ได้ประกาศกลยุทธ์ธุรกิจ เพื่อการบรรลุเป้าหมาย “FUTURE VISION 2030” ภายในงานแถลงข่าวที่ลาสเวกัส รัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยระบุถึง 3 จุดเปลี่ยนสำคัญที่จะพลิกโฉมธุรกิจและประสบการณ์ที่ลูกค้าแอลจีจะได้รับ ได้แก่ การใช้พลังงานไฟฟ้า การให้บริการ และการเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งถือเป็นเป้าหมายระยะยาวที่จะเปลี่ยนแอลจีให้เป็นบริษัท ‘Smart Life Solution Company’ ที่ช่วยเชื่อมต่อและขยายประสบการณ์ของลูกค้าให้ครอบคลุมพื้นที่ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงพื้นที่ในบ้าน พื้นที่การค้า ยานพาหนะ และโลกเสมือนจริง

    “ถ้าปี 2023 เป็นปีแห่งการกำหนดทิศทางการเปลี่ยนแปลงใหม่ของแอลจี เราก็จะทำให้ปี 2024 เป็นปีที่เร่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ให้เกิดขึ้นจริง โดยวิสัยทัศน์ ‘Future Vision 2030’ ถือเป็นคำมั่นสัญญาของเราที่มีต่อตลาด และลูกค้าของเรา และพวกเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้คำมั่นสัญญาของเราเป็นความจริง” วิลเลียมกล่าว

    ทั้งนี้ บริษัทจะเริ่มต้นการเพิ่มศักยภาพในการขับเคลื่อนการเติบโต ด้วยการขยายการลงทุนตามลำดับสำคัญของกลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยในปีนี้ แอลจีจะเพิ่มการลงทุนเป็นเท่าตัว คิดเป็นงบประมาณกว่า 8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการลงทุนด้านการวิจัยและส่วนสำคัญด้านอื่น เพื่อพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน และการก้าวไปข้างหน้าขององค์กร

    การเติบโตและผลกำไรที่สูงขึ้นของกลุ่มธุรกิจหลักของแอลจี ส่งผลให้ในปี 2024 จะเน้นการลงทุนที่สูงขึ้น ทั้งในส่วนของธุรกิจ B2B ได้แก่ ธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์ HVAC เครื่องใช้ไฟฟ้าแบบบิ้วท์อิน ป้ายดิจิทัล และยังรวมไปถึงส่วนธุรกิจที่ใช้แพลตฟอร์ม webOS เป็นต้น และลงทุนธุรกิจใหม่ ๆ เช่น ธุรกิจรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และธุรกิจเกี่ยวกับหุ่นยนต์ ซึ่งแอลจีมีแผนจะลงทุนเป็นมูลค่าสูงกว่า 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2030 เพื่อเปลี่ยนแปลงพอร์ทโฟลิโอของบริษัทและการเติบโตอย่างมีคุณภาพขององค์กร

    สำหรับการจัดตั้งบริษัทใหม่ในช่วงที่ผ่านมา คือ Overseas Sales and Marketing Company ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญที่ทำให้แอลจีประสบความสำเร็จในระดับโลก โดยสามารถทำยอดขายคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 2 ใน 3 จากยอดขายทั้งหมด  บริษัทใหม่นี้ใช้กลยุทธ์แบบเฉพาะเจาะจงพิเศษที่คำนึงถึงความแตกต่างของตลาดในแต่ละภูมิภาค ซึ่งธุรกิจดังกล่าวยังได้เพิ่มศักยภาพให้กับผลประกอบการของธุรกิจทั่วโลก และยังมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพ และการเติบโตให้กับบริษัทในเครือของแอลจีในต่างประเทศอีกด้วย

 

บรรลุเป้าหมาย 'Triple Seven' เพื่อการเติบโต ผลกำไร และมูลค่า

    ในส่วนของธุรกิจบริการด้านแพลตฟอร์มพื้นฐาน ธุรกิจ B2B และกลุ่มธุรกิจใหม่ ๆ ที่เป็นตัวผลักดันหลักสามด้านของแอลจี ทางบริษัทได้ตั้งเป้าที่จะบรรลุเป้าหมาย 'Triple Seven' หรือการเติบโตเฉลี่ยและผลกำไรจากการดำเนินงานตั้งแต่ 7% ขึ้นไป รวมถึงเพิ่มมูลค่าองค์กรตามหน่วยวัด EBITDA ให้อยู่ที่ระดับ 7

    แม้ว่าความต้องการทางการตลาดในปีที่ผ่านมาจะลดลง แต่แอลจีมีผลการเติบโตที่น่าประทับใจจากการเติบโตของธุรกิจในกลุ่ม B2B โดยตลอด 5 ปีที่ผ่านมาอัตราการเติบโตโดยรวมของธุรกิจ B2B ของแอลจีมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยเป็นเลขสองหลัก และมีอัตราการเติบโตต่อปีของยอดขายโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 8% เนื่องจากธุรกิจในกลุ่ม B2B เป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจน้อยกว่าธุรกิจในกลุ่ม B2C แอลจีจึงให้การสนับสนุนธุรกิจ B2B เพื่อรักษาเสถียรภาพด้านยอดขายและกำไร โดยแอลจีได้ประกาศแผนการขยายธุรกิจ B2B และกำลังพยายามเพิ่มยอดขายให้มากกว่า 32,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2030 ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่หลากหลาย และสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นให้กับโซลูชันต่าง ๆ

    แอลจียังมุ่งสร้างการเติบโตในกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพสูงและมีรูปแบบการการทำงานประสานกันที่ดี เช่น LG NOVA จะเพิ่มทุนให้กับสตาร์ทอัพถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2024 เพื่อเพิ่มโอกาสให้บริษัทได้คิดค้นเทคโนโลยีและโซลูชันใหม่ ๆ เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนนวัตกรรมแห่งอนาคต และนำไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ

 


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Xiaomi เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ พร้อมดึง “แบมแบม” เป็นแอมบาสเดอร์

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine