Lenskart ผู้บริหาร Owndays รุกเปิดร้านแว่นสาขาแรกในไทยแล้ว ตั้งเป้าเพิ่มอีก 15 สาขาภายในปี 68 - Forbes Thailand

Lenskart ผู้บริหาร Owndays รุกเปิดร้านแว่นสาขาแรกในไทยแล้ว ตั้งเป้าเพิ่มอีก 15 สาขาภายในปี 68

FORBES THAILAND / ADMIN
04 Oct 2024 | 04:30 PM
READ 297

Lenskart แบรนด์แว่นตาสัญชาติอินเดียที่มีสาขามากที่สุดในเอเชีย เปิดสาขาแรกในประเทศไทยแล้ว ที่สเปลล์ ฟิวเจอร์ พาร์ค พร้อมให้บริการทั้งทางหน้าร้านและออนไลน์ โดยนับเป็นก้าวสำคัญของแบรนด์ในการขยายธุรกิจเชิงกลยุทธ์มายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อนำเข้าแว่นตาคุณภาพสูงในราคาจับต้องได้มาสู่กลุ่มผู้บริโภคในประเทศไทยที่ใส่ใจเรื่องสไตล์และชื่นชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งกลุ่มผู้บริโภคเหล่านี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง


    Lenskart ผสมผสานฟังก์ชันเข้ากับแฟชั่นได้อย่างลงตัว โดยนำเสนอผ่านแว่นตาหลากหลายสไตล์ ทั้งแว่นสายตาและแว่นกันแดดกว่า 1,000 แบบ ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อได้ทั้งทางหน้าร้านและออนไลน์ โดยปัจจุบัน Lenskart มีสาขามากกว่า 2,000 สาขาทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง และสหรัฐอเมริกา

    ในปี พ.ศ. 2565 Lenskart ได้เข้าบริหาร Owndays แบรนด์แว่นตาญี่ปุ่นที่เป็นที่นิยมในหมู่คนไทย และด้วยการดำเนินธุรกิจเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้ ทำให้ Lenskart สามารถนำความเชี่ยวชาญด้านสายตาที่ Owndays มีอยู่มาพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จักได้อย่างรวดเร็วและนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาด้านสายตาให้กับผู้บริโภคในภูมิภาคนี้

    นอกจากนี้ การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในไทยยังเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ Lenskart ตัดสินใจขยายธุรกิจมายังประเทศไทย โดยยืนยันการเติบโตได้จากจำนวนประชากรในประเทศไทยกว่า 88% มีการติดต่อสื่อสารกันทางออนไลน์ และ 67% ซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ทุกสัปดาห์

    เมื่อพิจารณาจากสถิติการเพิ่มขึ้นของกลุ่มผู้บริโภคชนชั้นกลางที่ต้องการแสดงความเป็นตัวของตัวเองผ่านแฟชั่น Lenskart จึงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาแบรนด์ให้เป็นศูนย์รวมแว่นตาที่มีสไตล์ ตอบโจทย์ด้านฟังก์ชัน และสามารถครองใจผู้บริโภคในประเทศไทยได้

    Jan Lim ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารธุรกิจประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Lenskart กล่าวว่า “การขยายธุรกิจมายังประเทศไทยเป็นก้าวสำคัญในการดำเนินธุรกิจเชิงกลยุทธ์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภูมิทัศน์ดิจิทัลหลายๆ แห่งที่กำลังเฟื่องฟูในประเทศไทยตอนนี้ ทำให้ประเทศไทยเป็นตลาดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับนำเสนอ Lenskart ในฐานะแบรนด์แว่นตาที่พร้อมนำเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ามาแก้ไขปัญหาด้านสายตาของคนไทย


    Lim ยังชี้ว่า ความสำเร็จของ Owndays อันเป็นที่ประจักษ์แก่กลุ่มผู้บริโภคชาวไทยยังช่วยปูทางให้สามารถขยายแบรนด์ในไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเป้าหมายหลักของ Lenskart คือการสร้างประสบการณ์ใหม่ในการดูแลสายตา

    “ผู้บริโภคชาวไทยต้องมีกำลังซื้อแว่นตาจาก Lenskart ได้ เราต้องการนำเสนอแว่นตาที่มีคุณภาพในราคาจับต้องได้สำหรับทุกคน เราตื่นเต้นและอยากให้คนไทยได้สัมผัสกับแว่นตาที่มีดีไซน์ทันสมัยและสัมผัสประสบการณ์การดูแลสายตาที่ไม่เหมือนใครจากเรา” Lim เผย


แว่นตาที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

    Lenskart จำหน่ายแว่นตาที่หลากหลายสไตล์ เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการ ตั้งแต่สไตล์คลาสสิค เหมาะกับการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงกรอบแว่นที่มีความทนทานเป็นพิเศษสำหรับผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์กระฉับกระเฉง รวมไปถึงแว่นตาสำหรับเด็กที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาสายตาสั้น



    ลูกค้าสามารถเลือกแบบและสไตล์แว่นตาได้จากหลากหลายแบรนด์ภายใต้ Lenskart อาทิ LenskartAir, Switch และ Hooper ผ่านระบบ Simple Price ราคาของแว่นตาจะถูกจัดไว้เป็นเซต แบบกรอบพร้อมเลนส์ ซึ่ง Lenskart มั่นใจว่าประชากรไทยอย่างน้อยครึ่งหนึ่งจะสามารถซื้อแว่นตาคุณภาพสูงของแบรนด์ได้

    นอกจากนี้ ลูกค้าสามารถซื้อแว่นตาได้อย่างสะดวกสบาย โดยค้นหากรอบแว่นตาที่เหมาะกับใบหน้าได้ผ่านทางฟีเจอร์ 3D try-on ในแอปพลิเคชัน หรือจะเลือกซื้อจากหน้าร้านก็มีสินค้าพร้อมให้บริการ อีกทั้ง Lenskart ยังมีบริการตรวจวัดสายตาฟรีโดยนักทัศนมาตรที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้อง

    Lenskart สาขาที่เปิดใหม่ที่สเปลล์ ฟิวเจอร์ พาร์ค มอบประสบการณ์การซื้อแว่นตาที่ไม่เหมือนใครผ่านจอ Interactive AR ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ช่วยในการเลือกแว่นตาคู่ที่เหมาะกับใบหน้าให้ลูกค้า โดยลูกค้าสามารถทดลองใส่แว่นเสมือนจริงได้



    ลูกค้ายังจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่น่าดึงดูดภายในร้าน โดยทางแบรนด์ได้ร่วมมือกับกับศิลปินไทยชื่อดังอย่าง Juli Baker and Summer เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่สะท้อนความมุ่งมั่นของ Lenskart ในการสานสัมพันธ์กับผู้บริโภคชาวไทยผ่านสิ่งที่คนไทยสนใจ วัฒนธรรม และสิ่งที่คนไทยหลงใหล

    Lenskart วางแผนที่จะขยายสาขาอีก 15 แห่งทั่วประเทศไทยภายในปี พ.ศ. 2568 โดยจะเปิดสาขาอย่างน้อย 3 สาขาภายในสิ้นปี พ.ศ. 2567 นี้ และตั้งเป้าหมายในการขยายสาขาเพิ่มถึง 50 สาขาภายใน 3-5 ปีข้างหน้า โดยจะขยายให้ครอบคลุมจังหวัดสำคัญทั่วไทย อาทิ ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี และขอนแก่น


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : HOP INN เตรียมรุกเพิ่ม 3 ประเทศ ปักธงโรงแรมบัดเจ็ทที่ดีที่สุดของเอเชียแปซิฟิกในปี 2030

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine