ลามายา & ลาโค่ กรุ๊ป 4 ปี รายได้แตะ 400 ล้านบาท ปั้นแลนด์มาร์คเขาใหญ่-กรุงเทพ รุกขยายแบรนด์ทั่วไทย เที่ยวได้ทั้งปี

ลามายา & ลาโค่ กรุ๊ป 4 ปี รายได้แตะ 400 ล้านบาท ปั้นแลนด์มาร์คเขาใหญ่-กรุงเทพ รุกขยายแบรนด์ทั่วไทย เที่ยวได้ทั้งปี

FORBES THAILAND / ADMIN
31 Oct 2025 | 05:32 PM
READ 442

“อริยะ ก่อเกียรติเสถียร” ปั้น “ลามายา & ลาโค่ กรุ๊ป” 4 ปี รายได้พุ่งแตะ 400 ล้านบาท ชู “Destination Marketing” เตรียมปักหมุดแลนด์มาร์คใหม่ “เขาใหญ่-กรุงเทพฯ” พร้อมเดินหน้าขยายเชนธุรกิจ Hospitality และ Food and Beverage สู่ 4 ภาคทั่วไทย สร้างจุดขายเที่ยวได้ทั้งปี


    เขาใหญ่ เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมทั้งของนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ ด้วยความที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานครมากนัก และมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย เต็มไปด้วยผืนป่า น้ำตก ตลอดจนฟาร์ม และคาเฟ่ ตอบโจทย์ทั้งสายชิล สายรักธรรมชาติ และหลงใหลในการผจญภัย

    ด้วยเหตุนี้ จึงมีหลายตระกูลธุรกิจที่เข้าไปลงทุนทั้งด้านการท่องเที่ยว เกษตร และอสังหาริมทรัพย์ อาทิ โครงการโบนันซ่าของตระกูลเตชะณรงค์, พีบี วัลเลย์ เขาใหญ่ ไร่องุ่นและโรงบ่มไวน์ของตระกูลภิรมย์ภักดี, ฟาร์มโชคชัย ที่หลายคนต้องเคยแวะ ของตระกูลบูลกุล หรือจะเป็น Khao Yai Art Forest สถานที่ที่รวบรวมงานศิลปะกลางธรรมชาติ โดย มาริษา เจียรวนนท์ เป็นต้น

    อีกหนึ่งตระกูลคือ ก่อเกียรติเสถียร ที่มีธุรกิจในเขาใหญ่คือ ลามายา & ลาโค่ กรุ๊ป บริหารโดย อริยะ ก่อเกียรติเสถียร โดยมีธุรกิจหลักคือโรงแรมลาโค่ เขาใหญ่ และร้านอาหารลามายา ซึ่งเกิดจากการรีแบรนด์ธุรกิจโรงแรมเดิมของครอบครัว ภายใต้กลยุทธ์ Destination Marketing สร้างจุดขายแลนด์มาร์คดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้มาเที่ยวไทยได้ตลอดปี

      ลามายา & ลาโค่ กรุ๊ป มีธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร 9 แบรนด์ ประกอบด้วย เครือโรงแรมและร้านอาหารลาโค่ เขาใหญ่, ฮิลไซด์ เรสซิเดนซ์ เขาใหญ่, วาริน เวลเนส แอนด์ ออนเซ็น เขาใหญ่, ลามายา เขาใหญ่, ร้านอาหารไทยระลึก เขาใหญ่, ร้านข้าวมันไก่จิตรลดา, ร้านซาฟารี มัทฉะ บาร์ เขาใหญ่, ลามายา แบงคอก และลาโค่ แบงคอก ซึ่งปัจจุบัน ลามายา กรุ๊ป และ ลาโค่ กรุ๊ป เติบโตอย่างต่อเนื่อง รายได้พุ่งแตะ 400 ล้านบาท เติบโตกว่า 300 % ภายในระยะเวลาเพียง 4 ปี

    

รีแบรนด์โรงแรมรุ่นพ่อ สู่ ลาโค่ เขาใหญ่

    อริยะ ก่อเกียรติเสถียร ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการลามายา กรุ๊ป และลาโค่ กรุ๊ป เผยว่า ตั้งแต่สมัยยังเรียนด้านเชฟอยู่ที่วิทยาลัยดุสิตธานี ได้มีประสบการณ์ทำงานด้านออแกไนเซอร์ โปรโมเตอร์งานอีเวนท์ ตลอดจนเฟสติวัล และคอนเสิร์ต ควบคู่ไปกับการช่วยธุรกิจของครอบครัว จนกระทั่งได้เข้ามารับช่วงสานต่อธุรกิจโรงแรมของครอบครัวอย่างเต็มตัวร่วมกับพี่ชาย โดยได้ทำการรีแบรนด์ โรแมนติก รีสอร์ท แอนด์ สปา โรงแรมรุ่นพ่อเดิมที่เขาใหญ่ ซึ่งเป็นโรงแรมสไตล์ฟังก์ชั่นสำหรับองค์กร เน้นจัดการประชุมสัมมนา ให้เป็นชื่อ ลาโค่ เขาใหญ่

    ชื่อ ลาโค่ เป็นการเล่นคำอ่านกลับหลัง มาจากคำว่า โลโค่ เพื่อสื่อสารถึงการเป็นโลโค่ในแต่ละพื้นที่ที่จะเปิดให้บริการ ซึ่งหมายถึงวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ของจังหวัดนั้นๆ โดยได้ทำการสร้างแบรนด์ใหม่และเปลี่ยนฐานลูกค้าทั้งหมดในปี 2565 พร้อมทำหน้าที่ในการบริหาร ดูแลแบรนดิ้ง และทำ R&D เอง

อริยะ ก่อเกียรติเสถียร


    “เราเริ่มโปรโมทสถานที่ให้เป็นที่รู้จักจากการทำลานชมภาพยนตร์แบบเอาท์ดอร์ในชื่อ Lacol Cinema จนกลายเป็นไวรัล จากนั้นจึงครีเอตไอคอนนิกร้านอาหารในโรงแรม ลาโค่ เขาใหญ่ ให้เป็นโดม เรามองเห็นช่องว่างทางธุรกิจ เราอยู่เขาใหญ่และรู้ว่าที่นี่ยังไม่มีอะไรเลย เราอยากสร้าง Destination Space ที่เขาใหญ่ให้ไม่ต้องอิงกับซีซั่น โดยมีสปาและโรงแรมที่ตอบโจทย์กลุ่มเจน Z เจน Y กลุ่มคู่รัก และครอบครัว”

    ทั้งนี้ ตั้งแต่รีแบรนด์ ลาโค่ เขาใหญ่ ทำรายได้กว่าเดือนละ 10 ล้านบาท เติบโตกว่า 300% รายได้พุ่งแตะ 400 ล้านบาท และปัจจุบันกลายเป็นหนึ่งในเดสติเนชั่นยอดนิยมที่คู่รักจากทั่วโลกมาขอแต่งงานมากที่สุด อริยะ กล่าว


ลามายา เดสติเนชั่นใหม่เขาใหญ่

    นอกจากปั้นแบรนด์ลาโค่จนประสบความสำเร็จแล้ว แบรนด์ร้านอาหารลามายา ยังกลายเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายที่มอบประสบการณ์แปลกใหม่ไม่ซ้ำใครทั้งกลางวันและกลางคืน ด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวของคอนเซปต์แบบชนเผ่า นำเสนอเมนูอาหารฟิวชั่นแบบ Farm to Table ตลอดจนมีโชว์แสงสีเสียงสร้างความตื่นตาตื่นใจ

    อริยะ กล่าวว่า หลังจากเปิดให้บริการได้ 3 ปี ลามายาก็สามารถครองใจผู้คนและกลายเป็นเดสติเนชั่นใหม่ เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนตั้งแต่ต้น ได้แก่ กลุ่มคู่รัก ครอบครัว และชาวต่างชาติ พร้อมนำเสนอออกมาในธีมชนเผ่า และอะไรที่เล่าได้ไม่เบื่อ เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับลูกค้า

    “การนำความรู้จากการเป็นโปรโมเตอร์คอนเสิร์ตมาครีเอตร้าน ทำให้เกิดความแตกต่าง และสามารถขยายธุรกิจให้รับกับสถานที่ จากปกติที่นักท่องเที่ยวต่างชาติอาจไม่มาเขาใหญ่ แต่สามารถโปรโมตแบรนดิ้งของร้านให้เป็นจุดขายของเขาใหญ่ได้ โดยเห็นถึงโอกาส ต้องการยกระดับ และเน้นย้ำความเป็นเดสติเนชั่นของเครือลาโค่และลามายา โดยสเกลในการทำร้านลามายาเทียบเท่ากับการทำร้านอาหารถึง 10 ร้าน เนื่องจากเป็นร้านขนาดใหญ่ที่รองรับลูกค้ายืนได้ถึง 2,000 คน และนั่ง 500 คน โดยหลักในการทำธุรกิจของลามายาและลาโค่คือมอบประสบการณ์ซึ่งหาที่ไหนไม่ได้”

Insert description


ขยายธุรกิจทั่วไทย สร้างจุดขายเที่ยวได้ทั้งปี

    สำหรับแผนขยายธุรกิจในอนาคตของเครือลามายาและลาโค่ อริยะ คาดว่าจะเปิดลามายาเพิ่มอีก 2 สาขา ที่เชียงใหม่และภูเก็ต โดยอยากให้แบรนด์เป็น Global brand พร้อมตั้งเป้าภายใน 5 ปี จะเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวของไทยได้ นอกจากนี้ จะนำแบรนด์โรงแรมลาโค่ไปเปิดเป็น Boutique Hotel ตามจังหวัดหัวเมือง ขณะที่เตรียมเปิดร้านอาหารลาโค่เพิ่มอีกที่ เชียงใหม่ ภูเก็ต และพัทยา

    ที่สำคัญ กำลังจะทำโปรเจกต์ธีมพาร์คขนาดใหญ่ บนพื้นที่ 22 ไร่ที่เขาใหญ่ ด้วยความตั้งใจที่จะยกระดับการจัดงานเทศกาลที่เขาใหญ่ อาทิ เทศกาลสงกรานต์ ในลักษณะที่รวมผู้ประกอบการในพื้นที่ทั้งหมด ตลอดจนการสร้างสรรค์โชว์ระดับโลกโดยฝีมือคนไทย

    ในส่วนของธุรกิจร้านอาหาร เตรียมแตกไลน์ F&B ให้มีมาตรฐานมากขึ้น และขยายแบรนด์ที่เขาใหญ่มายังกรุงเทพมหานคร ทั้งแบรนด์ ซาฟารี มัทฉะ และร้านข้าวมันไก่จิตรลดาที่กำลังจะเปิดอีก 3-4 สาขา ส่วนร้านอาหารไทย แบรนด์ระลึก ก็กำลังจะเปิดในกรุงเทพมหานครเร็วๆ นี้เช่นกันที่ย่านบางนา ด้วยการสร้างคอมมิวนิตี้ สเปซ รวมร้านอาหารในเครือที่กรุงเทพมหานคร อริยะ กล่าว





เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : สิ้นสุดการรอคอย! ‘เซ็นทรัล กระบี่’ เปิดแล้ว! เจาะกลุ่มกำลังซื้อสูงภาคใต้ ตั้งเป้าทราฟฟิกกว่า 25,000 คน/วัน

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine