“Inclusive Living” ตอบทุกโจทย์ชีวิต จุดแข็ง “เอพีไทย-มิตซูบิชิเอสเตท” - Forbes Thailand

“Inclusive Living” ตอบทุกโจทย์ชีวิต จุดแข็ง “เอพีไทย-มิตซูบิชิเอสเตท”

    “Form Strength To Strength” โรดแมพการก้าวไปข้างของสองพันธมิตรธุรกิจ ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์นรายใหญ่ของไทย และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จากญี่ปุ่น ที่ผ่าน 10 ปีแห่งความร่วมมือ แลกเปลี่ยนโนว์ฮาวน์นำมาสู่การพัฒนาที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น 

    

    ต้นสัปดาห์ที่สองของเดือนสิงหาคม บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) ได้นำทีมสื่อมวลชนจากประเทศไทยเกือบ 40 คนเดินทางไปร่วมงานฉลอง 10 ปีความร่วมมือระหว่าง บมจ.เอพี ไทยแลนด์ และ บมจ.มิตซูบิชิ เอสเตท ที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นโอกาสฉลองความร่วมมือการเป็นพาร์ทเนอร์ธุรกิจที่ดีต่อกันมายาวนานครบ 1 ทศวรรษ ของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการพัฒนาธุรกิจร่วมกันมาด้วยดีระหว่าง เอพี ไทยแลนด์ และมิตซูบิชิ เอสเตท นำมาซึ่งความสำเร็จและเป้าหมายร่วมกัน Form Strength To Strength การผสานจุดแข็งของทั้งสององค์กรเพื่อก้าวไปข้างหน้า


    “ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมานานกว่า 30 ปีแล้ว ในขณะที่ประเทศไทยเพิ่งจะก้าวย่างสู่สังคมผู้สูงอายุในปัจจุบัน” ผู้บริหารระดับกลางของมิตซูบิชิ เอสเตท กล่าวในระหว่างนำสื่อมวลชนไทยเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ของมิตซูบิชิเอสเตท ที่กรุงโตเกียว ดังนั้น การออกแบบพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เพื่อการอยู่อาศัย สนามบิน อาคารสำนักงาน ย่านธุรกิจต่างๆ ทุกอาคารของญี่ปุ่นล้วนออกแบบให้ทุกคนสามารถใช้พื้นที่ได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะมีความบกพร่องหรือข้อจำกัดใดของร่างกาย

    

ตอบโจทย์ทุกเพศวัย

    

     แนวคิดที่ว่านี้คือ Inclusive Living หรือการออกแบบพื้นที่เพื่อทุกคน ภายใต้หลักการออกแบบที่ต้องอำนวยความสะดวกให้ทุกคนเข้าใช้พื้นที่ได้อย่างสะดวก ทุกกลุ่มทุกเพศวัย รวมถึงคนชราและผู้ที่มีข้อจำกัดทางร่างกาย ซึ่งเป็นความท้าทายร่วมสมัยของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่พูดถึงกันมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยการทำให้เป็นพื้นที่ที่เข้าถึงความต้องการของทุกคนได้ 


    โดยเฉพาะในโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม สำหรับลูกค้าที่ต้องการใช้ชีวิตในทำเลใกล้ศูนย์กลางธุรกิจ ติดแนวรถไฟฟ้าใจกลางเมือง ต้องมีพื้นที่ส่วนกลาง สภาพแวดล้อม และประสบการณ์การใช้งานในแต่ละสเปซ แต่ละช่วงเวลา ที่ต้องรองรับทุกมิติความต้องการ และอำนวยความสะดวกต่อการอยู่อาศัยร่วมกันของผู้คนได้อย่างสะดวกสบายและครบครัน 

    อ้างอิง ข้อมูลจาก World Bank ในปี 2566 มีการคาดการณ์ว่าผู้คนประมาณ 1 พันล้านคน หรือคิดเป็น 15% ของประชากรโลกต้องดำรงชีวิตอยู่ภายใต้ข้อจำกัดบางประเภท (Disability) และในอนาคตเปอร์เซ็นต์นี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ท่ามกลางข้อเท็จจริงเรื่องอายุของประชากรโลกที่ยืนยาวขึ้นจากเทคโนโลยีทางการแพทย์ อัตราการเกิดที่ลดลงสวนทางแนวโน้มการขยายตัวอย่างรวดเร็วของสังคมผู้สูงอายุ ความท้าทายเหล่านี้ผลักดันให้เกิดทั้งทางเลือกและโอกาสใหม่ๆ ในหลายธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง 



    ดังนั้น การออกแบบพื้นที่เพื่อทุกคน หรือ Inclusive Living ในคอนโดมิเนียมหนึ่งโครงการ จึงมีความซับซ้อนในการออกแบบมากกว่าการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั่วไป บนความเชื่อว่า ทุกคนล้วนมีรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน ทั้งช่วงวัย ไลฟ์สไตล์ ความจำเป็นพิเศษทางกายภาพ หรือวัฒนธรรมที่หลากหลาย 

    ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องทำความเข้าใจเงื่อนไข และความต้องการที่ซ่อนอยู่ของลูกค้า เพื่อเป็นพื้นฐานในการออกแบบพื้นที่อยู่อาศัย เพื่อให้ผู้คนทุกเพศทุกวัย สามารถเลือกใช้ชีวิตที่ดีและมีคุณภาพ บนพื้นที่อิสระ สภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายและปลอดภัย ตลอดจนประสบการณ์ที่ถูกจัดสรรให้กับทุกกิจกรรมของชีวิต ตอบสนองการใช้ชีวิตที่มีข้อจำกัดของร่างกาย โดยที่ยังรักษาคุณค่าในตัวเองของทุกคนไว้ มีส่วนในการสร้างความเชื่อมั่น เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนของการดำเนินธุรกิจ 



    เอพี ไทยแลนด์ ดำเนินธุรกิจภายใต้พันธกิจ Empower Living ให้คำมั่นสำคัญว่าจะพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้ชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้ เดินหน้าทุ่มเทในการนำแนวคิดการพัฒนาพื้นที่รูปแบบใหม่ในการดำเนินชีวิต ภายใต้แนวคิด Inclusive Living การออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อทุกคนในโครงการคอนโดมิเนียม ที่ไม่ได้มีแค่ความสวยงามในการดีไซน์ แต่มีฟังก์ชันการใช้งานที่เป็นมิตรกับทุกคน รองรับทุกความต้องการและการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ก้าวแรกเข้าสู่โครงการ โดยทุกคนสามารถเลือกสร้างความสุขในแบบที่ตนเองต้องการได้ 

    โดยตลอดเวลา 10 ปีแห่งความร่วมมือทางธุรกิจ ในการพัฒนาคอนโดมิเนียมในประเทศไทย เอพี ไทยแลนด์ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากมิตซูบิชิ เอสเตท จากญี่ปุ่นซึ่งขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม โครงสร้างพื้นฐานที่ดี และแนวคิดในการพัฒนาโครงการต่างๆ ที่มุ่งเน้นถึง การออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้งานของคนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะการดีไซน์พื้นที่สาธารณะ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้คนทุกกลุ่มเข้าถึงได้ง่าย ไม่ว่าอาคารสำนักงาน โรงแรม โครงการที่พักอาศัย สถานที่สำคัญต่างๆ อย่างเข้มข้นและจริงจัง 



    เอพี ไทยแลนด์ ได้นำหลากหลายแนวคิดจากมิตซูบิชิ เอสเตท มาพัฒนาเป็นแนวทางที่สามารถนำไปสู่การสร้างสรรค์การออกแบบ…เพื่อทุกคนมีชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้ ในการใช้ชีวิตในคอนโดมิเนียมเอพี เพื่อเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพในทุกมิติ และตอบสนองทุกความต้องการของผู้อยู่อาศัย

    

พื้นที่ส่วนกลางหลากหลาย

     

    การเยี่ยมชมงานครั้งนี้ เอพี ไทยแลนด์ และมิตซูบิชิ เอสเตท ได้นำทีมสื่อมวลชนไทยเข้าเยี่ยมชมโครงการคอนโดมิเนียมซึ่งเป็นอาคารสูง 60 ชั้นที่ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2560 คือโครงการ “THE PARKHOUSE NISHI SHINJUKU TOWER 60” ซึ่งอยู่ในย่าน Shinjuku-ku โครงการนี้สร้างเสร็จมากว่า 6 ปี และปัจจุบันมีผู้อยู่อาศัยแล้ว เป็นหนึ่งในโครงการของ มิตซูบิชิ เอสเตท ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Shinjuku ประมาณ 1.2 กิโลเมตร เป็นอาคารสูง 60 ชั้น นับเป็นหนึ่งในโครงการคอนโดมิเนียมที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น (จากการสำรวจในปี 2557) ประกอบด้วยห้องชุดจำนวน 953 ยูนิต 

    ความโดดเด่นของที่นี่ คือ การออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง (Facilities) เพื่อให้ทุกคนมีสภาพแวดล้อม การใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย สามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้โดยไม่เกิดอุปสรรคในการใช้ชีวิต โดยได้ออกแบบทางเดินในพื้นที่ส่วนกลาง ลิฟต์ ราวจับ และวัสดุปูพื้นชนิดพิเศษในพื้นที่ส่วนกลางต่างๆ ของโครงการที่เอื้อต่อการใช้งานร่วมกันของผู้อาศัยหลากหลายช่วงวัย ได้อย่างสะดวกและปลอดภัย 



    นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันน่าสนใจ คือ การนำแนวคิด ENGAWA - Multi Generation Facility มาใช้ ซึ่งเป็นการออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง ที่มุ่งเน้นถึงการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันภายในโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่เพื่อใช้ทำกิจกรรมร่วมกัน ให้ทุกวันของการพักอาศัยเป็นชุมชนของการอยู่อาศัยที่มีความสุข ด้วยการพัฒนาพื้นที่ให้สามารถรองรับบุคคลได้ทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงผู้สูอายุ ตอบรับพฤติกรรมการใช้งานที่เหมาะสมกับการใช้งานร่วมกันของทุกคน 

    จุดเด่นของโครงการ คือ มีห้องสำหรับทำกิจกรรมส่วนกลาง มีสวนขนาดใหญ่ มีห้องหนังสือ ห้องพักผ่อน และอื่นๆ หลากหลาย อาทิ การออกแบบพื้นที่ Common Area ที่เชื่อมโยงพื้นที่ทุกๆ ส่วนให้มีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกัน จากการวางสเปซฟังก์ชันต่างๆ เช่น Wooden Kid,s Plaza, Reading Corner, Library โดยที่ทุกส่วนแทรกผสานพื้นที่สำหรับการใช้งานร่วมกัน และพื้นที่สำหรับมุมส่วนตัวไว้ให้สลับไปมา ทำให้ผู้อาศัยสามารถสัมผัสถึงการอยู่ร่วมกัน ในขณะที่ยังคงความเป็นส่วนตัวไว้ และเปิดแสงธรรมชาติเข้ามาสร้างความโปร่งภายในตัวอาคาร 



    อีกโครงการที่มิตซูบิชิ เอสเตทนำชมในครั้งนี้ คือ TOKYO TORCH Tokiwabashi Tower ซึ่งเป็นอากคาร ที่มีความโดดเด่นในการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางโดยคำนึงถึงองค์ประกอบภายใต้แนวคิด Inclusive Living เพื่อการใช้งานร่วมกันของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของขนาดทางเดิน สัดส่วนพื้นที่ วัสดุ ราวจับ ไปจนถึงการดีไซน์ความลาดชัน สัญลักษณ์ ทำให้การเดินทางทุกรูปแบบสามารถเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างง่าย และใช้งานได้สะดวก อาทิ Ground Floor การออกแบบทางเข้าหลัก พร้อมวัสดุปูพื้นเบรลล์บล็อก (Braille Block) และวัสดุปูพื้นแผ่นปูกันลื่น Basement Floor ดีไซน์ทางลาดพร้อมติดตั้งราวจับพื้นที่เชื่อมต่อไปยังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน 

    นอกจากนี้ยังมี Landscape พื้นที่สีเขียวดีไซน์พิเศษ พร้อมดีไซน์ทางลาดและราวจับ ด้วยสัดส่วนที่กว้างขวางเพียงพอเพื่อความสะดวกในการใช้งานรถเข็นทุกประเภท มีห้องน้ำสำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุ พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ราวจับ อุปกรณ์ฉุกเฉิน รวมถึงลิฟต์โดยสารขนาดใหญ่สำหรับรถเข็น และปุ่มกดระดับพิเศษ สามารถกดเรียกและเลือกชั้นได้อย่างสะดวกสำหรับทุกคน

    

เปิด 2 โครงการใหม่

    

     หลังจากนำชมรูปแบบและแนวคิดการออกแบบที่โดเด่นของพันธมิตรญี่ปุ่น เอพี ไทยแลนด์ได้ประกาศเตรียมเปิดตัว 2 โครงการใหม่ เป็นผลงานมาสเตอร์พีซคือ THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี และ RHYTHM เจริญนคร ไอคอนิค โดย THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี เป็นคอนโดมิเนียมระดับเพรสทีจ-ลักซ์ มูลค่าโครงการ 8,600 ล้านบาท เตรียมเปิดตัว 26-27 สิงหาคมนี้ ส่วน RHYTHM เจริญนคร ไอคอนิค เป็นแฟล็กชิปโครงการร่วมทุนใหม่ล่าสุด มูลค่า 4,500 ล้านบาท วางให้เป็นต้นแบบ Super Condominium เตรียมเปิดตัวเดือนพฤศจิกายนนี้ 



    ในวาระครบรอบ 10 ปีความร่วมมือทางธุรกิจระหว่าง เอพี ไทยแลนด์ และมิตซูบิชิ เอสเตท ได้ตกผลึกความร่วมมือและการเรียนรู้หลายด้านระหว่างกัน ก่อนที่จะประกาศโรดแมพ “From Strength To Strength” ซึ่งหมายถึงการขับเคลื่อนการร่วมทุนที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้น นำสู่การเติบโตที่ไม่สิ้นสุด ด้วยเม็ดเงินลงทุนผ่านทุนจดทะเบียนบริษัทร่วมทุนที่มากถึง 12,619 ล้านบาท พร้อมแผนขยายการลงทุนพัฒนาคอนโดมิเนียมในประเทศไทยเต็มที่ รองรับการฟื้นตัวของตลาดคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้าใจกลางเมือง ที่ยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง พร้อมผลักดันภารกิจเชื่อมต่อความเชี่ยวชาญและองค์ความรู้ เพื่อยกระดับคุณภาพการพัฒนาคอนโดมิเนียมระดับกลาง-บนในไทย ให้เข้าถึงชีวิตดีๆ ที่ทุกคนเลือกได้ 

    อนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า ในวาระครบรอบ 10 ปี ความสำเร็จการร่วมมือทางธุรกิจ ระหว่างมิตซูบิชิ เอสเตท และเอพี ไทยแลนด์ ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับเอพี ไทยแลนด์ และถือเป็น Milestone สำคัญที่สะท้อนได้ถึงความเชื่อมั่นของพันธมิตร ต่อการทำงานของเอพี ไทยแลนด์ ความแข็งแกร่งทั้งความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยของประเทศไทย ที่ทัดเทียมนานาประเทศ 



    โดยมิตซูบิชิ เอสเตท และเอพี ไทยแลนด์ ถือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจรายแรกและรายเดียวที่มีโมเดลร่วมทุนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในไทย ภายใต้ชื่อ บริษัท พรีเมี่ยม เรสซิเดนท์ จำกัด สัดส่วนถือหุ้น 51:49 เพื่อทำหน้าที่เป็นบริษัทหลักในการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในประเทศไทยในระยะยาว ซึ่งความร่วมมือทางธุรกิจครั้งนี้ มีส่วนสร้างคุณูปการให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยทั้งในด้านเม็ดเงินลงทุน ที่ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ก่อให้เกิดการจ้างงานกับคู่ค้ามากกว่า 100 บริษัทที่อยู่ใน Ecosystem ของอุตสาหกรรม การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ซึ่งกันและกัน ทั้งในมุมมองการดำเนินธุรกิจและคืนกลับสู่สังคม ซึ่งถือเป็นเรื่องยากมากที่บริษัทร่วมทุนแบบระยะสั้นจะดำเนินการสร้างคุณูปการเช่นนี้ได้ 

    “มิตซูบิชิ เอสเตท มีความพิเศษไม่เพียงในแง่ของขนาดบริษัท และประสบการณ์ระดับโลก แต่ยังมีผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ยาวไกล ที่พร้อมสนับสนุนความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทยไปด้วยกัน” อนุพงษ์ กล่าวและว่า อีกทั้งยังมีส่วนสำคัญในการให้แรงบันดาลใจกับทีมเอพี ไทยแลนด์ สู่การสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เพื่อยกระดับให้สินค้าและบริการตอบโจทย์ชีวิตดีๆ ที่ลูกค้าเลือกเองได้

    

ผสานจุดแข็ง 3 มิติ

     

    ผู้บริหารเอพี ไทยแลนด์ เผยว่าโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในวาระครบรอบ 10 ปีความร่วมมือธุรกิจจะมีมิติการพัฒนาใหม่ที่ชัดเจนใน 3 มิติหลัก ได้แก่ Super Design คือเป็นที่สุดของเอกลักษณ์การออกแบบให้เกิดความลงตัวครบในทุกมิติ เริ่มด้วย 1.Super Space Utilization และ Super Timeless Design Elements ที่โดดเด่นทุกองค์ประกอบ 2.Super Radius บนทำเลที่ตั้งโครงการสุดไพร์ม ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก พร้อม Global Destination ที่เชื่อมต่อประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ระดับโลก ในรัศมีเพียง 100 เมตร และ 3.Super Blue Chip ที่สุดของคุณค่าและมูลค่าเพิ่ม สะท้อนผ่านแบรนด์และการพัฒนาโครงการให้เป็นแลนด์มาร์กคอนโดมิเนียมแห่งใหม่ที่ดีที่สุด ซึ่งเตรียมเปิดขายในเดือนพฤศจิกายนนี้ 



    โดยเอพี ไทยแลนด์ และมิตซูบิชิ เอสเตท จะเดินหน้าขยายการลงทุนต่อเนื่อง เพื่อร่วมสร้างคุณค่าใหม่ให้กับอุตสาหกรรมคอนโดมิเนียมไทย ด้วยความแข็งแกร่งของเอพี ไทยแลนด์ ผสานกับมิตซูบิชิ เอสเตท ยักษ์ใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น เจ้าแห่ง System Process และเทคโนโลยีนวัตกรรมระดับโลก จะเป็นการผนึกกำลังและแบ่งปันทรัพยากรที่แข็งแกร่ง ยกระดับการพัฒนาศักยภาพให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควบคู่กับการสร้างสรรค์คุณค่าใหม่ ผ่านนวัตกรรมดีไซน์ที่พัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง มุ่งตอบโจทย์เทรนด์การใช้ชีวิตร่วมกันแบบ Inclusive Living จะสร้างความแตกต่างในการพัฒนาโครงการใหม่แนวรถไฟฟ้า ทำให้คนเมืองมีทางเลือกใหม่ เข้าถึงชีวิตดีๆ ที่มีประสิทธิภาพ และความยั่งยืนระดับโลก 

    Atsushi Nakajima กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธุรกิจในต่างประเทศของมิตซูบิชิ เอสเตทเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 40 ปีที่แล้ว จากการพัฒนาอสังหาฯ ในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ถึงวันนี้มิตซูบิชิ เอสเตทมีธุรกิจอสังหาฯ อยู่ในหลายประเทศและหลายภูมิภาค ทั้งในยุโรป สหรัฐอเมริกาและเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศเอเชีย ซึ่งประเทศไทยนับเป็นฐานการลงทุนที่สำคัญ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีตลาดอสังหาฯ เติบโตอย่างมีศักยภาพ และเอื้ออำนวยต่อการลงทุนทำธุรกิจ รวมถึงการได้ร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งและยอดเยี่ยมอย่างเอพี ไทยแลนด์ 

    ตลอดเวลา 10 ปีความร่วมมือทางธุรกิจกับเอพี ไทยแลนด์ มิตซูบิชิ เอสเตทได้พัฒนาความเข้าใจวัฒนธรรมองค์กร และปรัชญาองค์กรซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้ง ช่วยให้มิตซูบิชิ เอสเตทสามารถแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และแนวทางการบริหารจัดการธุรกิจผ่านมุมมองระยะยาว ซึ่งคงไม่สามารถเป็นไปได้ หากความร่วมมือของทั้งสองบริษัทเป็นความร่วมมือระยะสั้นรายโครงการ 

    ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในการทำงานร่วมกับเอพี ไทยแลนด์ ตลอดจน “ความเชื่อมั่น” ที่มิตซูบิชิ เอสเตทมีต่อเอพี ไทยแลนด์ ทั้งองค์ความรู้ที่ลึกซึ้งในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ความใส่ใจในทุกกระบวนการทำงาน การวางแผนงานต่างๆ ของเอพี การได้ทำงานกับเอพี ไทยแลนด์ในฐานะบริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่เชี่ยวชาญเช่นเดียวกัน ทำให้มิตซูบิชิ เอสเตทได้เรียนรู้เป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ทั้งสองบริษัทฯ ยังมีความมุ่งหมายตั้งใจที่จะสร้างคุณูปการให้กับธุรกิจร่วมทุนและต่อสังคมไทย ด้วยการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการถ่ายทอดองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญของเราในประเทศญี่ปุ่น ผ่านกิจกรรมต่างๆ ของเอพี ไทยแลนด์ และขณะนี้ ทั้งสองบริษัทฯ กำลังทำงานอย่างทุ่มเทในด้านการนำแนวคิดการออกแบบเพื่อทุกคนมาใช้เป็นหลักในการพัฒนาโครงการ 

    “มิตซูบิชิ เอสเตท มีความภูมิใจอย่างยิ่ง ที่สามารถร่วมสร้างคุณูปการให้กับสังคมไทย ผ่านธุรกิจร่วมทุนกับพันธมิตรที่ดีและแข็งแกร่งอย่างเอพี ไทยแลนด์ และจะยังคงจับมือเดินหน้าร่วมกันไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบคุณค่าในฐานะบริษัทญี่ปุ่นให้กับสังคมไทยต่อไปในอนาคต” Nakajima กล่าวและว่าครบรอบหนึ่งทศวรรษความร่วมมือ เอพี ไทยแลนด์ และ มิตซูบิชิ เอสเตท ได้พัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมทุน เจาะที่ดินแนวรถไฟฟ้าใจกลางกรุงเทพฯ ไปแล้ว 24 โครงการมูลค่ารวมกว่า 116,300 ล้านบาท ทุกโครงการมีผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า ทั้งด้านการขายและโอนกรรมสิทธิ์
ที่ผ่านมาสามารถปิดการขาย (Sold Out) ไปแล้ว 13 โครงการ คงเหลือโครงการร่วมทุนที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและเปิดขาย 11 โครงการ มูลค่ารวม 55,650 ล้านบาท ยอดขายเฉลี่ยทุกโครงการรวมกันประมาณ 60% หรือคิดเป็นมูลค่าสินค้าขายที่ 20,375 ล้านบาท 

    มิตซูบิชิ เอสเตท และเอพี ไทยแลนด์ จะเดินหน้าพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมใหม่อย่างต่อเนื่อง และจะนำเอานวัตกรรมการออกแบบ และการก่อสร้างที่เป็นมาตรฐานสากลมาร่วมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทย ให้เติบโตก้าวหน้าและตอบสนองความต้องการลูกค้า ให้ทุกคนเข้าถึงได้ตามแนวทางของ Inclusive Living ซึ่งทุกคนเข้าถึงได้และข้อจำกัดทางร่างกายจะไม่เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตในโครงการคอนโดมิเนียมของเอพี ไทยแลนด์ และมิตซูบิชิ เอสเตท อย่างแน่นอน

    

    อ่านเพิ่มเติม : พลัส พร็อพเพอร์ตี้ คาดตลาดอสังหาฯไทย ครึ่งหลังปี 66 หลังคึกคัก

    ​ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine