‘อิชิตัน’ ไตรมาส 2/67 เก็บกำไร 378.9 ล้านบาท โต 48.2% หลังตลาดชา-น้ำด่างในประเทศโต - Forbes Thailand

‘อิชิตัน’ ไตรมาส 2/67 เก็บกำไร 378.9 ล้านบาท โต 48.2% หลังตลาดชา-น้ำด่างในประเทศโต

‘อิชิตัน’ หรือ ICHI เผยไตรมาส 2/67 กวาดรายได้ 2,034.2 ล้านบาท โต 13.5% YoY ส่วนกำไรสุทธิ 378.9 ล้านบาท โต 48.2% YoY ชี้เป็นผลมาจากตลาดชาพร้อมดื่ม ชาสมุนไพร และน้ำด่างในประเทศโต


    บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดําเนินงานสําหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2567 และงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 โดยไตรมาส 2/2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 2,034.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 274.5 ล้านบาท หรือเท่ากับ 13.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 2,029.7 ล้านบาท โดยยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น 19.3% จากการเติบโตของกลุ่มตลาดชาพร้อมดื่ม ชาสมุนไพร และน้ำด่าง ส่วนยอดขายต่างประเทศลดลง 34.5% เนื่องจากการขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิตสินค้า OEM เพื่อส่งออก และปัญหากําลังซื้อสินค้าภายในของประเทศคู่ค้า

    สําหรับรายได้จากการขายงวด 6 เดือนปี 2567 และ ปี 2566 เท่ากับ 4,444.4 ล้านบาท และ 3,862.3 ล้านบาทตามลําดับ เพิ่มขึ้น 582.1 ล้านบาท หรือเท่ากับ 15.1% โดยยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น 18.3% จากการเติบโตของกลุ่มตลาดชาพร้อมดื่มและสินค้าใหม่ ส่วนยอดขายต่างประเทศลดลง 17.4% เนื่องจากการขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิตสินค้า OEM เพื่อส่งออก ในไตรมาส 2 และปัญหากําลังซื้อสินค้าภายในของประเทศคู่ค้า

    ต้นทุนขายของบริษัทฯ ในไตรมาส 2/2567 เท่ากับ 1,694.8 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราส่วนต้นทุนขายต่อรายได้จากการขายเท่ากับ 73.6% โดยต้นทุนขายในงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 1,563.7 ล้านบาท หรือคิดเป็น 77.0% ของรายได้จากการขาย บริษัทฯ มีอัตราส่วนต้นทุนขายลดลงเนื่องจากการผลิตสินค้าทีมากขึ้นตามความต้องการของตลาด (Economy of Scale) การปรับสูตรการลดน้ำตาลในบางกลุ่มผลิตภัณฑ์ และราคาวัตถุดิบกลุ่มบรรจุภัณฑ์ปรับตัวลดลง

    สําหรับต้นทุนขายงวด 6 เดือนปี 2567 และ ปี 2566 เท่ากับ 3,277.1 ล้านบาท และ 3,015.7 ล้านบาทตามลําดับ หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อรายได้จากการขาย 73.7% และ 78.1% ตามลําดับ โดยบริษัทฯ มีอัตราส่วนต้นทุนขายลดลงจากการผลิตสินค้าที่มากขึ้นตามความต้องการของตลาด (Economy of Scale) การปรับสูตรการลดน้ำตาลในบางกลุ่มผลิตภัณฑ์ และราคาวัตถุดิบกลุ่มบรรจุภัณฑ์ปรับตัวลดลง

    ต้นทุนการจัดจําหน่ายในไตรมาส 2/2567 และ ไตรมาส 2/2566 เท่ากับ 112.2 ล้านบาท และ 111.5 ล้านบาทตามลําดับ โดยอัตราส่วนต้นทุนในการจัดจําหน่ายต่อยอดขายไตรมาส 2/2567 เท่ากับ 4.9% อัตราส่วนต้นทุนในการจัดจําหน่ายลดลงเล็กน้อยจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเท่ากับ 5.5%

    สําหรับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 และ ปี 2566 บริษัทฯ มีต้นทุนในการจัดจําหน่าย เท่ากับ 204.2 ล้านบาท และ 194.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.6% และ 5.0% ของรายได้จากการขายตามลําดับ ต้นทุนในการจัดจําหน่ายมีสัดส่วนลดลงเล็กน้อย

    ค่าใช้จ่ายในการบริหารของบริษัทฯในไตรมาส 2/2567 และ ไตรมาส 2/2566 เท่ากับ 68.0 ล้านบาท และ 46.8 ล้านบาทตามลําดับ โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อยอดขาย เท่ากับ 3.0% และ 2.3% ตามลําดับ ค่าใช้จ่ายในการบริหารมีสัดส่วนเพิมขึ้นจากค่าใช้จ่ายพนักงาน และอัตราแลกเปลี่ยน

    สําหรับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 และ ปี 2566 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการบริหาร เท่ากับ 106.7 ล้านบาท และ 83.2 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.4% และ 2.2% ของรายได้จากการขายตามลําดับ ค่าใช้จ่ายในการบริหารมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายพนักงาน และอัตราแลกเปลี่ยน

    ต้นทุนทางการเงินของบริษัทฯ ไตรมาส 2/2567 และไตรมาส 2/2566 เท่ากับ 0.4 ล้านบาท และ 0.5 ล้านบาท ตามลําดับ โดยต้นทุนทางการเงินลดลงเล็กน้อย

    สําหรับต้นทุนทางการเงินงวด 6 เดือนปี 2567 และปี 2566 มีจํานวน 0.8 ล้านบาท และ 0.9 ล้านบาทตามลําดับ โดยต้นทุนทางการเงินลดลงเล็กน้อย

    ส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าของบริษัทฯ ในไตรมาส 2/2567 และ ไตรมาส 2/2566 เท่ากับ 1.2 ล้านบาท และ 1.0 ล้านบาท ส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเท่ากับ 0.2 ล้านบาท

    สําหรับช่วง 6 เดือนแรกของ ปี 2567 และปี 2566 บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าของบริษัทฯ เท่ากับ 12.8 ล้านบาท และ 10.5 ล้านบาท โดยส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาท จากการควบคุมค่าใช้จ่ายทางการตลาด

    กําไรสุทธิของบริษัทฯ ในไตรมาส 2/2567 และ ไตรมาส 2/2566 เท่ากับ 378.9 ล้านบาท และ 255.6 ล้านบาท หรือ คิดเป็นอัตรากําไรสุทธิของรายได้จากการขาย เท่ากับ 16.4% และ 12.6% ตามลําดับ กําไรสุทธิเพิ่มขึ้น 123.3 ล้านบาท หรือเท่ากับ 48.2%

    สําหรับกําไรสุทธิงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 เท่ากับ 742.6 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากําไรสุทธิ 16.7% กําไรสุทธิเพิ่มขึ้นเมือเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่เท่ากับ 477.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากําไรสุทธิ 12.4% ของรายได้จากการขาย กําไรสุทธิเพิ่มขึ้น 265.3 ล้านบาทหรือเท่ากับ 55.6%



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘ซีพี ออลล์’ จับมือ OR ขยายเซเว่นฯ ในปั๊ม ปตท. ที่ลาว ประเดิมสาขาแรกที่สะหวันนะเขต

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine