GMM Music จับมือ WMA เผยเตรียมร่วมตั้งค่ายเพลง ตั้งเป้าโตเท่าตัวภายในปี 2030 - Forbes Thailand

GMM Music จับมือ WMA เผยเตรียมร่วมตั้งค่ายเพลง ตั้งเป้าโตเท่าตัวภายในปี 2030

FORBES THAILAND / ADMIN
15 Aug 2024 | 02:30 PM
READ 1109

GMM Music เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ประกาศความร่วมมือการลงทุนเชิงกลยุทธ์กับ ‘วอร์นเนอร์ มิวสิค เอเชีย’ (Warner Music Asia - WMA) 1 ใน 3 ผู้นำอุตสาหกรรมเพลงระดับโลกร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์ ต่อจากดีลของ TENCENT และ TME จากจีนเมื่อไม่นานมานี้ ตอกย้ำมูลค่าบริษัทของ GMM Music ในปัจจุบันที่สูงกว่า 25,000 ล้านบาท พร้อมร่วมมือกับ WMA ขยายธุรกิจไปสู่ตลาดที่ใหญ่ขึ้นในระดับโลก


    ภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จีเอ็มเอ็ม มิวสิค กล่าวว่า “ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา GMM Music ได้ประกาศความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำจากทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากประเทศจีน เกาหลี ญี่ปุ่น และล่าสุดเรามีความยินดีเป็นอย่างมากที่ได้การตอบรับจากพันธมิตรยักษ์ใหญ่รายที่ 4 ในการเข้ามาร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์อย่าง Warner Music Asia (WMA) หนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่แห่งอุตสาหกรรมเพลงของโลกจากสหรัฐอเมริกา นับเป็นการตอกย้ำความสนใจที่มีต่ออุตสาหกรรมเพลงไทยในฐานะประเทศที่มีตลาดเพลงที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

    ความร่วมมือดังกล่าวยังสะท้อนการปลดล็อคมูลค่าบริษัทของ GMM Music ที่มูลค่ามากกว่า 25,000 ล้านบาท และช่วยยกระดับวงการเพลงไทยในแง่ของการยกระดับคุณภาพการผลิต อีกทั้งขยายตลาดสู่ระดับสากล ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมเพลงทั่วโลกได้เติบโตรวมมากกว่า 100% ตลอดระยะเวลา 8 ปีนับจากปี 2015 - 2023 ซึ่งเป็นการเติบโตที่ทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ (Music Second Wave Boom) โดยมีการคาดการณ์ว่าต่อจากนี้อีก 6 ปีอุตสาหกรรมเพลงจะเติบโตเพิ่มกว่า 100% อีกครั้งภายในปี 2030

    ทั้งนี้งานวิจัย Music in the Air โดย Goldman Sachs เผยว่า ในปีที่ผ่านมาตลาดเพลงในภูมิภาคเอเชียมีอัตราการเติบโต 15% ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตในตลาดโลกซึ่งมีการเติบโตที่ 10%

    GMM Music ในฐานะบริษัทฯ ที่มีความแข็งแรงด้านคลังทรัพย์สินทางดนตรีที่ได้สั่งสมและมีการพัฒนาต่อยอดมาอย่างยาวนานกว่า 40 ปี ผนวกกับการมี Music Infrastructure ครบวงจรและใหญ่ที่สุดในไทย ในปี 2023 ที่ผ่านมา GMM Music มียอดรายรับที่ 3,914 ล้านบาท เติบโตขึ้น 27% และมีกำไรสุทธิปิดตัวที่ 402 ล้านบาท เติบโตขึ้น 32%

    “เราสามารถขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยการสร้างการเจริญเติบโตผ่าน Digital Business ซึ่งเป็นจุดแข็งเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของบริษัทฯ โดยในปี 2023 ยอดการรับชมรับฟังเพลงของ GMM Music มียอด Stream สะสมทะลุกว่า 100,000 ล้าน Stream ใน Digital Streaming นับเป็นปัจจัยที่ทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างการเติบโตของรายได้เป็น New High ในปีที่ผ่านมา” ภาวิตกล่าว

    การเข้ามาร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์ของ WMA ในครั้งนี้จะยิ่งส่งผลบวกให้การสร้างรายได้ที่เติบโตของ Music IP ของ GMM Music ในธุรกิจ Digital Business อย่างมีนัยสำคัญ

    ด้าน ฟ้าใหม่ ดํารงชัยธรรม ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด จีเอ็มเอ็ม มิวสิค เผยว่า “การเข้ามาร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์ดังกล่าวคือการตอกย้ำความมั่นใจในอุตสาหกรรมเพลงไทยที่ทะยานสู่ช่วงขาขึ้น สอดคล้องกับอุตสาหกรรมเพลงของโลก โดยการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของ WMA ในบริษัท GMM Music ในครั้งนี้ได้กำหนดข้อตกลงที่จะมุ่งเน้นการขยายตลาดเพลงไทยสู่ตลาดโลก เพื่อต่อยอดมูลค่าของ Music IP Assets ของไทยโดยอาศัยศักยภาพของ WMA ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมดนตรีระดับโลก ขยายการรับรู้ของเพลงไทยและศิลปินไทยสู่ฐานผู้ฟังที่ใหญ่ขึ้นทั่วโลกผ่านแพลตฟอร์ม Digital Streaming อย่าง Spotify และ Apple Music ซึ่งมียอดการใช้งานเติบโตมากที่สุด โดยเติบโตสูงถึง 86% และ 54% ตามลำดับในปีที่ผ่านมา”

    ด้วยกลยุทธ์ดังกล่าวบริษัทฯ จะได้ประโยชน์จากระบบการจัดจำหน่ายชั้นสูง คือ Global Distribution จากกลุ่ม Warner (ADA) ที่สามารถสร้างรายได้ให้สูงขึ้นจากตลาดโลกและรักษาเสถียรภาพของรายได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีการร่วมกันขยายธุรกิจบริหารศิลปิน และพัฒนาผลงานเพลงใหม่ๆ ของศิลปินจากทั้งสองฝ่าย ภายใต้เครือข่ายการบริหารศิลปินทั่วโลกของกลุ่ม Warner

    นอกจากการลงทุนในเชิงกลยุทธ์นี้ ทั้งสองบริษัทยังจะลงทุนร่วมแบบ Joint-Venture Operation ในการจัดตั้งค่ายเพลงเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตร่วมกัน ซึ่งจะมีการพัฒนาศิลปินและเพลงใหม่ในปริมาณที่เพิ่มขึ้น แลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญ และการเข้าถึงทรัพยากรด้านการผลิตระดับแนวหน้าของโลก เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลงานและตลาดเพลงไทย

    อีกทั้ง WMA ยังตกลงจ่าย Minimum Guarantee ที่ 315 ล้านบาท ต่อยอดมูลค่าของ Music IP Assets ให้ GMM Music เพื่อสร้างการเจริญเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปีข้างหน้า

    ทั้งนี้ การผสานจุดแข็ง แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระหว่าง GMM Music และ WMA ในครั้งนี้ ยังเป็นการช่วยยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของอุตสาหกรรมเพลงไทย (Music Infrastructure) สู่การเป็น New Music Economy ระบบเศรษฐกิจใหม่ที่จะเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาและใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ทั้งระบบ ตามแผนการ Spin-off IPO ที่ GMM Music ได้วางแผนและยึดมั่นเสมอมา

    ภายใต้ความร่วมมือนี้ GMM Music เชื่อมั่นว่า WMA จะเป็นตัวเร่งอัตราการเติบโตทางธุรกิจที่สำคัญให้กับบริษัทฯ ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดย GMM Music ได้ตั้งเป้าหมายในการทำกำไรสุทธิให้เติบโตอีกเท่าตัวภายในปี 2030 สอดรับกับแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมเพลงของโลกที่คาดการณ์ว่าจะพุ่งทะยานเติบโตขึ้นเป็นเท่าตัวเช่นเดียวกันในปี 2030


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : GMM Music ผนึกกำลัง Tencent เปิดกลยุทธ์เปลี่ยนผ่านสู่ IP business ดันแผน IPO ภายใน 2 ปี

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine