ครอบครัวผู้ก่อตั้ง Skechers เตรียมมั่งคั่งเพิ่มกว่าพันล้าน หลังขายกิจการให้ 3G Capital - Forbes Thailand

ครอบครัวผู้ก่อตั้ง Skechers เตรียมมั่งคั่งเพิ่มกว่าพันล้าน หลังขายกิจการให้ 3G Capital

Robert Greenberg พยายามมาหลายวิธีการเพื่อเป็นเศรษฐี ทั้งการขายวิกผมทางไปรษณีย์ ขายแหนบไฟฟ้า และขายรองเท้าโรลเลอร์สเก็ต ก่อนจะไปได้ดีกับรองเท้าผ้าใบ เริ่มจาก L.A. Gear ตามด้วย Skechers ตอนนี้เขากับลูกชายที่ร่วมก่อตั้ง Skechers มาด้วยกันกำลังจะขายธุรกิจให้กับ 3G Capital


    เมื่อวันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม 2025 ผ่านมา บริษัทด้านการลงทุนสัญชาติบราซิล 3G Capital ผู้เคยปิดดีลใหญ่อย่างการเข้าซื้อกิจการหรือลงทุนในหลายแบรนด์ระดับโลกทั้ง Burger King และ Tim Hortons ล่าสุดได้ตอบตกลงทุ่มเงินเกือบ 9.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อซื้อ Skechers แบรนด์รองเท้าที่โด่งดังเรื่องดีไซน์ทันสมัยและสวมใส่สบาย ซึ่งดีลดังกล่าวจะเปลี่ยนแปลงสถานะให้ Skechers ต้องออกมาเป็นบริษัทนอกตลาดหุ้น

    Skechers ก่อตั้งขึ้นในปี 1992 ที่ Manhattan Beach รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยสองพ่อลูก Robert และ Michael Greenberg ซึ่งจะยังคงบริหารบริษัทต่อไปหลังการขายกิจการโดยดำรงตำแหน่งซีอีโอและประธาน ตามลำดับ

    ทั้งสองและครอบครัวได้ครอบครองหุ้น Skechers ราว 12% โดยคาดว่าดีลครั้งนี้จะทำให้พวกเขามั่งคั่งขึ้น 1.1 พันล้านเหรียญ (รวมทั้งเงินสดและหุ้น)

    Greenberg ปิดดีลกับ 3G Capital โดยมีข้อตกลงในการแลกหุ้น Skechers ที่มีอยู่เกือบ 18 ล้านหุ้นในราคา 57 เหรียญต่อหุ้น รวมถึงหุ้นในบริษัทใหม่ที่จะมาเป็นบริษัทแม่ของ Skechers เท่ากับว่าพวกเขาจะได้รับเงินสด 1 พันล้านเหรียญ และอีกราว 100 ล้านเหรียญจากการถือหุ้นในบริษัทใหม่ ไม่เพียงเท่านั้น 3G Capital ยังประกาศคำเสนอซื้อหุ้น Skechers ทั้งหมดจากบ้าน Greenberg และผู้ถือหุ้นอื่นๆ ในราคา 63 เหรียญต่อหุ้นอีกด้วย คาดว่าการซื้อขายกิจการจะสิ้นสุดลง ณ ไตรมาส 3 ของปีนี้

    ความมั่งคั่งที่พ่อลูก Greenberg ได้รับจะถูกนำไปหารกันระหว่าง Robert, Michael และลูกๆ ของ Robert อีก 5 คน ได้แก่ Jennifer Greenberg Messer, Scott Bruce Greenberg, Jeffrey Alan Greenberg, Jason Aaron Greenberg และ Joshua Adam Greenberg ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้รับผลประโยชน์ในกองทรัสต์ที่มีหุ้น Skechers ของครอบครัวอยู่ โดย Josh และ Jason ต่างก็เป็นผู้บริหารระดับสูงของ Skechers

    ย้อนกลับไปก่อนที่จะประสบความสำเร็จกับรองเท้าผ้าใบแบรนด์นี้ Robert เคยลองทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อไขว่คว้าความมั่งคั่ง หลังเริ่มต้นเส้นทางอาชีพช่างทำผมที่ Brookline รัฐแมสซาชูเซตส์ เขาก็เปิดร้านทำผมของตัวเองในปี 1962 ตามด้วยธุรกิจขายวิกและผมปลอมทางไปรษณีย์ เขายังลองขายนาฬิกาโบราณนำเข้าจากเกาหลีใต้ แหนบไฟฟ้า กางเกงยีนส์ รองเท้าโรลเลอร์สเก็ต และเชือกรองเท้าธีม E.T. บางธุรกิจก็ไปได้ดีในระดับกลางๆ

    เขายังเริ่มต้นธุรกิจ L.A. Gear ที่ขายรองเท้าผ้าใบลอกเลียนแบบแบรนด์ Reebok ซึ่งปรากฏว่าเสียงตอบรับดีจนมียอดขายทะลุ 800 ล้านเหรียญในปี 1990 น่าเสียดายที่กิจกรกลับเจ๊งยับในปีต่อมา ทำให้ Robert และลูกชายชื่อ Michael หันมาก่อตั้งบริษัท Skechers โดยแรกทีเดียวพวกเขาเป็นผู้จัดจำหน่ายรองเท้า Dr. Martens ต่อมาสองพ่อลูกก็หันมาทำแบรนด์รองเท้าของตัวเอง กระทั่งปี 1999 พวกเขาก็พาบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ และสร้างการเติบโตจน Skechers กลายเป็นหนึ่งในบริษัทรองเท้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีรายได้สูงถึง 9 พันล้านเหรียญตลอดปี 2024 ที่ผ่านมา

    อ้างอิงจากเว็บไซต์ของ Skechers ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าหลากหลาย ทั้งรองเท้ากีฬาและรองเท้าแฟชั่น ราคาเริ่มตั้งแต่ 45 เหรียญถึง 125 เหรียญ

    “ตลอด 30 ปีมานี้ Skechers เติบโตขึ้นมหาศาล” Robert เผยในแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ “ความสำเร็จของเรามาจากการทุ่มเทเพื่อความเป็นเลิศและนวัตกรรมในทุกอณูขององค์กร การตอบโจทย์ผลิตภัณฑ์รองเท้านุ่มสบาย และพันธมิตรที่คอยสนับสนุน”

    ยอดขาย 62% ของ Skechers มาจากนอกสหรัฐฯ และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก บริษัทได้นำเสนอแผนการเติบโตในอนาคตต่อนักลงทุนเมื่อเร็วๆ นี้โดยเน้นย้ำไปยังธุรกิจในระดับโลก ซึ่งปัจจุบันมีการขายใน 180 ประเทศ โดยธุรกิจในภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) มีอัตราการเติบโตต่อปีเป็นสองเท่าของสหรัฐฯ ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา

    ดีลกับ 3G Capital ประจวบเหมาะในช่วงที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน ร้านค้าปลีกต่างๆ ต้องเผชิญกับอัตราภาษีสูงลิ่วตามนโยบายรัฐบาล Trump โดยเฉพาะอัตราภาษี 145% ในการนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งเป็นฐานการผลิตสำคัญของสินค้าต่างๆ

    Skechers เคยเปิดเผยว่ายอดขายเกือบทั้งหมดในปี 2024 มาจากรองเท้าที่ผลิตนอกสหรัฐฯ และ 40% ผลิตในจีน ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงสุดเทียบกับแบรนด์กีฬาและไลฟ์สไตล์อื่นๆ ตามที่บริษัทด้านการเงินและการลงทุน Stifel ได้มีการวิเคราะห์ไว้ ทั้งนี้การกระจายแหล่งรายนอกเหนือจากสหรัฐฯ ของ Skechers ก็อาจบรรเทาผลกระทบจากอัตราภาษีได้ด้วยเช่นกัน

    เมื่อเดือนที่ผ่านมา Skechers ก็ได้มีการถอนประมาณการประจำปีนี้ พร้อมชี้ว่าบริษัทไม่สามารถคาดการณ์รายได้ในปีนี้ได้ “เนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจมหภาคอันเป็นผลมาจากนโยบายการค้าโลก”

    สุดท้ายนี้ การเข้าซื้อกิจการ Skechers ของ 3G Capital อาจเป็นการเดิมพันในระยะยาวก็จริง แต่สำหรับครอบครัว Greenberg ดีลนี้ถือเป็นโอกาสที่มาในจังหวะเวลาอันเหมาะสม


แปลและเรียบเรียงจาก Former Hairstylist And His Family Set To Pocket $1.1 Billion Selling Skechers

กราฟิกโดย ธัญวดี นิรุตติศาสตร์


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Disney ประกาศสร้างธีมปาร์คใหม่ แห่งที่ 7 ของโลกที่กรุงอาบูดาบี

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine