"อีอาร์เอ โฮลดิ้ง" ฝ่าวิกฤตการเมือง อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น เปิดเกมรุกชิงตลาดบ้านมือสองฟื้น ชูจุดแข็งใช้เทคโนโลยี AI CHAT GPT ติดอาวุธนักขาย ขยายแฟรนไชส์ทั่วประเทศ 50 ราย พร้อมตั้งตัวแทนขาย 3,000 รายปีนี้ ผลักดันยอดขายมูลค่า 6,000 ล้านบาท
บริษัท อีอาร์เอ โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (ERA Holding (Thailand)) ผู้ดำเนินธุรกิจตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ที่ดำเนินธุรกิจมาครบ 30 ปีในปีนี้ ได้ประกาศแผนทรานฟอร์มธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้แนวคิด “Enrich lives, Embrace Tech” เติมเต็มชีวิตนักขายอสังหาฯ ด้วยเทคโนโลยีโลกอนาคต” พร้อมรุกตลาดบ้านมือสองอย่างเต็มรูปแบบท่ามกลางบรรยากาศการเมืองที่มีความไม่แน่นอน
วรเดช ศิวเตชานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีอาร์เอ โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์การเมือง และการจัดตั้งรัฐบาลที่ยังไม่แน่นอนในขณะนี้ รวมถึงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้บริโภค แต่สำหรับกำลังซื้อในประเทศ เซอร์ไพรส์มาก เพราะมีความต้องการซื้ออสังหาฯเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ช่วงครึ่งปีแรก มีอัตราการขยายตัวถึง 30% แต่ปัญหา คือสินค้าที่มีอยู่ในขณะนี้ไม่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ รายงานตัวเลขอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่มีประมาณ 1.2 ล้านยูนิต มูลค่ากว่า 3 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นโอกาสธุรกิจของอีอาร์เอ หลังจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่เริ่มฟื้นตัว ประกอบกับตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มสูงขึ้น โดยครึ่งปีแรกมีประมาณ 12-13 ล้านคน เป็นโอกาสลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ให้เช่า ซึ่งไทยมีความได้เปรียบมากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน อย่างสิงคโปร์ ด้วยต้นทุนที่ถูกกว่า และมีรูปแบบ ดีไซน์ที่สวยงาม พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เชื่อว่าในอีก 5-6 เดือนข้างหน้าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเข้าสู่ภาวะปกติ
วรเดช กล่าวว่า ปัจจุบันมีความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในระดับราคาที่สูงขึ้น 10 – 15 ล้านบาท จากที่ผ่านมาอยู่ในระดับ 5-10 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้สินค้าในตลาดมีไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้า บริษัทฯจึงต้องเร่งขยายแฟรนไชส์และตัวแทนเพื่อหาสินค้าเข้ามาเติมเต็มความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้สัดส่วนการขายของอีอาร์เอ เป็นบ้านเดี่ยว 36% คอนโดมิเนียม 25% ทาวน์โฮม 10% ที่เหลือเป็นอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ เช่น อาคารพาณิชย์ เป็นต้น โดยคาดว่าจะมีมูลค่ายอดขายรวม 6,000 ล้านบาทในปีนี้
ชู "CHAT GPT" เสริมแกร่งตัวแทน
วรเดช กล่าวว่า อีอาร์เอ ดำเนินธุรกิจตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 และให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีมาโดยตลอด โดยตั้งแต่ปี 2536 เริ่มใช้คอมพิวเตอร์ ออนไลน์ในการดำเนินธุรกิจ ปี 2540 ใช้ระบบอินเทอร์เน็ต ปี 2550 พัฒนาสู่ Mobile Application ปี 2553 ใช้อินเทอร์เน็ต ทีวี ปี 2559 นำข้อมูลทั้งหมดเข้าสู่ระบบคลาวด์ และปี 2566 นี้ ได้พัฒนา Ai Lab พัฒนาโดย ERA Asia Pacific โดยมีทั้งหมด 10 Module ที่จะช่วยให้การทำงานของตัวแทนง่ายขึ้น เช่น การเขียนโฆษณา การแปลงเป็นภาษาต่างๆ เพื่อช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น
“เทคโนโลยีแทนเราไม่ได้ แต่เราใช้เทคโนโลยีเพื่อให้ก้าวทันโลก อีอาร์เอ เป็นบริษัทแรกของวงการธุรกิจซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ที่นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจ โดยจะนำ "Chat GPT" หรือ Chatbot Generative Pre-trained Transformer มาใช้ โดย Chat GPT โมเดลนี้ ได้ถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นภายใต้การดูแลของทีม AI LAB เพื่อให้ตอบสนองต่อธุรกิจของ ERA โดยเฉพาะ จึงมีความชาญฉลาดในด้านการขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะช่วยให้ตัวแทนขายและบริษัทสมาชิกของ ERA สามารถนำไปใช้งานได้ง่ายขึ้นเพียงปลายนิ้ว” วรเดชกล่าว
ทั้งนี้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 เป็นต้นมา ERA Asia Pacific ได้นำ Chat GPT มาใช้เป็นเครื่องมือในการทำธุรกิจซื้อขายอสังหาริมทรัพย์สำหรับสำนักงานภูมิภาคในประเทศต่างๆ ได้แก่ ประเทศจีน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน เวียดนาม กัมพูชา สปป.ลาว และประเทศไทย โดยจะมีการฝึกสอนการใช้งานและสนับสนุนในทุกด้าน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าบริษัทสมาชิกและตัวแทนขายจะสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ บริษัทยังนำโปรแกรม “VR PRO” มาใช้ ซึ่งจะสามารถแสดงภาพเสมือนจริงของทรัพย์แต่ละประเภทได้อย่างละเอียดทุกพื้นที่ ทำให้ลูกค้าในทุกมุมโลกสามารถเข้าดูทรัพย์และสภาพแวดล้อมโดยรอบ ผ่านทางระบบได้ทุกที่ทุกเวลาตามต้องการ โดยไม่ต้องเดินทางไปยังสถานที่ตั้งจริง ช่วยเพิ่มความสะดวกและประหยัดเวลา ทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และเพิ่มโอกาสในการปิดดีลซื้อหรือเช่าขายอสังหาริมทรัพย์ได้ง่ายขึ้นอย่างมาก
“ด้วยการได้รับการสนับสนุนที่ดีจาก ERA Asia Pacific อย่างต่อเนื่อง พร้อมเครื่องมือ AI ที่ทรงประสิทธิภาพ ผนวกกับความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ของทุกภาคส่วนภายใต้ ERA ประเทศไทย ที่ได้ตั้งเป้าหมายการมีตัวแทนขายแตะระดับ 3,000 คน และขยายสาขาได้ครบ 50 สาขาภายในปี 2566 นี้ ได้อย่างแน่นอน” วรเดชกล่าว
อ่านเพิ่มเติม :
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine