‘เอมิเรตส์’ ทุ่มงบ 170 ล้าน เปิดตัวเลานจ์ใหม่ใหญ่อันดับ 2 รองจากดูไบ ณ อาคาร SAT-1 สนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมรองรับผู้โดยสารในแต่ละวันที่เพิ่มขึ้นจาก 190 เป็น 250 คน
สายการบินเอมิเรตส์เฉลิมฉลองการเปิดตัวเลานจ์หรือห้องรับรองผู้โดยสารใหม่อย่างเป็นทางการ ณ อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ซึ่งการเปิดตัวในครั้งนี้ ถือเป็นเลานจ์ของสายการบินเอมิเรตส์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากฐานการบินหลักที่ดูไบ จากงบลงทุนในการปรับปรุงกว่า 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 170 ล้านบาท มีขนาดพื้นที่กว้างขวางถึง 1,454 ตารางเมตร พร้อมรองรับผู้โดยสารในระดับพรีเมียมทั้ง business class, first class และเหล่าสมาชิกของสายการบิน skywards ที่เดินทางในเที่ยวบินแอร์บัส A380 ให้เพิ่มขึ้นจาก 190 คน เป็น 250 คนต่อวัน
โมฮัมเหม็ด อัล วาเฮดิ ผู้จัดการสายการบินเอมิเรตส์ ประเทศไทย เผยว่า "หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง มีนักท่องเที่ยวของไทยและจากทั่วโลกได้ใช้บริการสายการบินผ่านสนามบินสุวรรณภูมิเพิ่มมากขึ้น โดยเอมิเรตส์ถือเป็นสายการบินที่มีความจุผู้โดยสารมากที่สุดบนเส้นทางทั้งขาเข้าและขาออกจากกรุงเทพฯ โดยให้บริการที่นั่งชั้นหนึ่ง first class และชั้นธุรกิจมากกว่า 870 ที่นั่งต่อวัน จึงได้เห็นความสำคัญในการขยายเลานจ์ให้มีขนาดใหญ่สามารถอำนวยความสะดวกให้แก่กลุ่มผู้โดยสารในระดับพรีเมียมได้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม"
ทั้งนี้ การเปิดตัวเลานจ์แห่งใหม่ของเอมิเรตส์ ถือเป็นหนึ่งในสายการบินแรกที่ย้ายห้องรับรองผู้โดยสารมาให้บริการในอาคาร SAT-1 เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้โดยสารที่เดินทางด้วยเที่ยวบินทั้ง 6 เที่ยวบินประจำวันจากกรุงเทพฯ สู่ดูไบ และฮ่องกง โดยห้องรับรองผู้โดยสารนี้ตั้งอยู่บริเวณชั้น 4 ของอาคาร SAT-1 และใช้เวลาเดินไปยังประตูขึ้นเครื่องเพียง 5 นาทีเท่านั้น
สำหรับความโดดเด่นของเลนจ์แห่งนี้ มีการใช้เฟอร์นิเจอร์ระดับพรีเมียมในสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเอมิเรตส์ รายการอาหารสไตล์บุฟเฟ่ต์สุดหรู และบรรยากาศที่ผ่อนคลาย นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้องอาบน้ำ บริการ Wi-Fi ฟรี รวมถึงเมนูอาหารและเครื่องดื่มที่หลากหลาย ผสานความเป็นเอกลักษณ์ของอาหารท้องถิ่น อาหารนานาชาติ และขนมหวานสุดคลาสสิกของไทยไว้ได้อย่างลงตัว
อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบัน เอมิเรตส์ได้ให้บริการเที่ยวบินระหว่างดูไบและกรุงเทพฯ วันละ 5 เที่ยวบิน โดยใช้เครื่องบินแอร์บัส A380 และโบอิ้ง 777 ควบคู่กับเที่ยวบินไป-กลับ ภูเก็ต และ ดูไบ วันละ 2 เที่ยวบิน และเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปยังฮ่องกงวันละ 1 เที่ยวบิน
ซึ่งความสามารถในการรองรับผู้โดยสารระดับพรีเมียมที่ครอบคลุมมากขึ้นดังกล่าวนี้ จะช่วยตอกย้ำสถานะของเอมิเรตส์ในฐานะสายการบินนานาชาติชั้นนำสำหรับการเดินที่เหนือกว่าระหว่างกรุงเทพฯ และจุดหมายปลายทางทั่วโลก
ภาพ: เอมิเรตส์
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : งานแสดงอัญมณีและเครื่องประดับ “บางกอกเจมส์” ครั้งที่ 71 พร้อมจัดขึ้น 22-26 ก.พ. นี้ คาดหนุนเงินสะพัด 3.5 พันล้าน
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine