‘เอกา โกลบอล’ ยึดหัวหาด ‘อินเดีย’ เปิดโรงงานปูทางเข้าตลาดหุ้นภารตะ - Forbes Thailand

‘เอกา โกลบอล’ ยึดหัวหาด ‘อินเดีย’ เปิดโรงงานปูทางเข้าตลาดหุ้นภารตะ

บรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารสัญชาติไทย “เอกา โกลบอล” เจาะสมรภูมิใหม่อินเดีย กางโรดแมป 5 ปียอดขายแตะพันล้านบาท เป้าผลิต 5 แสนชิ้นต่อวัน ปักธงเข้าตลาดหุ้นอินเดียด้วยเป้าเติบโตเฉลี่ย 30% ต่อปี


    หลังจากประกาศแผนร่วมทุนกับนักธุรกิจอินเดีย ในการก้าวสู่ตลาดบรรจุภัณฑ์ด้วยการเปิดโรงงานเอกาฯ ในอินเดีย ‘ชัยวัฒน์ นันทิรุจ’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (Eka Global) ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ชนิดพลาสติกขึ้นรูป (Rigid Barrier Plastic Packaging) รายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย เผยว่า บริษัทฯ วางแผนการลงทุน และวางเป้าหมายสร้างการเติบโตให้กับตลาดบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) ในตลาดต่างประเทศ นับตั้งแต่การเข้าซื้อกิจการ พริ้นท์แพค เอเชีย ในปี 2562 ที่ทำให้มีกำลังการผลิตรวมประมาณ 2,850 ล้านชิ้นต่อปี


เปิดโรงงานใหม่ที่ปูเน่

    การลงทุนครั้งนี้เป็นการขยายโอกาส เข้าไปลงทุนจัดตั้งโรงงานแห่งใหม่ที่เมืองปูเน่ (PUNE) ประเทศอินเดีย ตั้งแต่ 2565 ซึ่งเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตกว่า 100% ต่อปี จากฐานลูกค้าหลักเป็นธุรกิจผู้ผลิตอาหารและขนมหวานในประเทศอินเดียมากกว่า 300 ราย คิดเป็นคำสั่งซื้อมากกว่า 1 หมื่นชิ้นต่อเดือน

    “ปูเน่ มีศักยภาพสูงจากการเป็นเมืองใหญ่อันดับ 7 ของประเทศอินเดีย และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอินเดียทางฝั่งตะวันตก รองจากเมืองมุมไบ” ชัยวัฒน์กล่าว เขายังมองศักยภาพเมืองปูเน่ว่าค่อนข้างดี มีประชากรกำลังซื้อสูง และรสนิยมการบริโภคที่ทันสมัย สอดรับกับนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ของบริษัทฯ ที่สามารถนำอุ่นในไมโครเวฟ ซึ่งช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวก และง่ายต่อการรับประทาน


    นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารของเอกาฯ ได้การยอมรับเป็นอย่างมากในตลาดอินเดีย นอกจากเรื่องนวัตกรรมแล้วยังมีจุดเด่นที่น้ำหนักเบา สะอาด ปลอดภัย และรักษาคุณภาพอาหารด้วยการเก็บรักษา และยืดอายุอาหารโดยไม่ต้องแช่ตู้เย็นได้ยาวนานถึง 2 ปี

    ด้วยความพร้อมกำลังซื้อที่มีมหาศาลในอินเดีย เอกาฯ จึงตั้งเป้าหมาย 5 ปี ในการสร้างความแข็งแกร่งทั้งด้านการผลิต นวัตกรรมและเทคโนโลยี และสร้างการเติบโตของยอดขาย เพื่อนำบริษัทฯ เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศอินเดีย ด้วยกำลังการผลิต 500,000 ชิ้นต่อวัน และยอดขายเป็นหลักพันล้านบาทต่อปี โดยคาดการณ์ยอดขายจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าภายในปี 2569


เป้าขาย 5 ปีพันล้านบาท

    ชัยวัฒน์ ยังฉายภาพความน่าสนใจของตลาดอินเดียว่า ในภาพรวมยอดขายในตลาดอินเดีย ปี 2567 อยู่ที่ 450 ล้านรูปี หรือประมาณ 200 ล้านบาท ส่วนปี 2568 ตั้งเป้ายอดขาย 800 ล้านรูปี หรือประมาณ 400 ล้านบาท โดยแผนภายใน 5 ปี ตั้งเป้ายอดขายไว้ 2,400 ล้านรูปี หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปในระดับเทียบเท่ากับตลาดในประเทศไทย จากผลงานการดำเนินธุรกิจในประเทศอินเดียและประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลให้ยอดขายทั้งปี 2567 เติบโตกว่า 10-15% เมื่อเทียบกับปี 2566

    ด้านภาพรวมการแข่งขันในตลาดอินเดียถือว่าไม่สูงมากนัก และมีการก็อปปี้สินค้าน้อย โดยเฉพาะเซ็กเมนต์บรรจุภัณฑ์พรีเมียมช่วยยืดอายุอาหารที่บริษัทฯ ทำอยู่ เรียกว่าเป็นทั้งผู้บุกเบิก และผู้นำตลาดอินเดีย

    ประชากรอินเดียทั่วประเทศกว่า 1,500 ล้านคน มีกำลังการบริโภคที่สูงมาก หากมีบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยยืดอายุอาหารได้ ผู้ประกอบการไม่มีความกังวลใจในการขนส่ง ผู้บริโภคได้รับสินค้าที่ยังคงคุณภาพอาหารที่ครบถ้วน เชื่อว่า เอกา โกลบอล จะเป็นส่วนสำคัญที่รองรับการเติบโตของธุรกิจอาหารของอินเดียในอนาคต

ชัยวัฒน์ นันทิรุจ


    ปัจจุบัน “เอกา โกลบอล” มีบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารใน 6 กลุ่มหลัก ดังนี้

    1. FRUITS บรรจุภัณฑ์สำหรับผลไม้แปรรูป
    2. BABY FOODS บรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารเด็ก
    3. RICE บรรจุภัณฑ์สำหรับข้าวหุงสำเร็จ
    4. SEAFOOD/TUNA บรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารปลาและอาหารทะเล
    5. DAIRY PRODUCTS (YOGURTS) บรรจุภัณฑ์สำหรับผลิตภัณฑ์จากนม
    6. PET-FOODS บรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารสัตว์

    โดยแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์มุ่งเน้นเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีคุณภาพและมาตรฐานระดับโลกในด้านความสะอาดและปลอดภัยในระดับสากล อาทิ ISO 9001 : 2015, FSSC 22000 และ GMP/HACCP


    นอกจากนี้บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืน โดยเน้นพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ Bioplastic (PLA) บรรจุภัณฑ์ Biodegradable ที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติทั้งหมด สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ และบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกรีไซเคิล (PCR) หรือ เรซิน รีไซเคิล จากการทำการศึกษาตลาดผลิตภัณฑ์สินค้า “อินเดีย” ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ และเริ่มเห็นการใช้ผลิตภัณฑ์ทดแทนต่างๆ หรือผลิตภัณฑ์ย่อยสลายได้ ผลิตภัณฑ์พลาสติกรีไซเคิล เพื่อความเติบโตอย่างยั่งยืนมากขึ้นเรื่อยๆ



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ผนึกกำลังเล่นใหญ่! IF น้ำมะพร้าวไทยจับมือ POP MART ออกแบบฉลาก CRYBABY บุกตลาดจีน

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine