ดุสิต ฟู้ดส์ ภายใต้กลุ่มดุสิตธานีเดินหน้าขยายฐานธุรกิจอาหาร พร้อมสร้างซอฟท์พาวเวอร์ให้กับอาหารไทย ด้วยการผนึกความร่วมมือกับฟาร์ม ทู เพลทเปิดตัว “ปิ่นโตฮับ (PintoHub)” ภายใต้การบริหารของบริษัทร่วมทุน เซเวอร์ อีทส์ (Savor Eats) เปิดตัวแพลตฟอร์มออนไลน์ที่รวบรวมอาหารสตรีทฟู้ดชื่อดังของไทย โดยเปิดตัวด้วย 21 ร้านเด็ดกับ 66 เมนู พร้อมประกาศความร่วมมือกับแกร็บ ฟู้ด (Grab Food) เป็นช่องทางสั่งและส่งอาหารถึงหน้าบ้าน
มณิศา มิตรไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากร่วมกับบริษัท ฟาร์ม ทู เพลท โพรเซสเซอร์ จำกัด จัดตั้ง บริษัท เซเวอร์ อีทส์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจอาหารปรุงสุกพร้อมรับประทาน (ready to eat) ด้วยสัดส่วนถือหุ้น 51% และ 49% ตามลำดับ ล่าสุดเซเวอร์ อีทส์พร้อมแล้วกับการเปิดตัวแพลตฟอร์มภายใต้ชื่อ “ปิ่นโตฮับ (PintoHub)” ที่จะรวบรวมร้านอาหารเจ้าดัง รวมถึงสตรีทฟู้ดของไทย
ร้านอาหารเหล่านี้เป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กที่อาจจะมีข้อจำกัดเรื่องการเข้าถึงของผู้บริโภคที่ไม่ได้กระจายกว้างขวางเหมือนร้านอาหารขนาดใหญ่ แต่เป็นร้านดังที่มีเอกลักษณ์และรสชาติอาหารเฉพาะตัว รวมถึงเมนูโบราณ หาทานยาก ซึ่งในช่วงแรก ปิ่นโตฮับได้รวบรวมร้านเด็ดเมนูดังไว้ในแพลตฟอร์มแล้ว 21 ร้าน จำนวน 66 เมนู
“ปิ่นโตฮับ เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยคนตัวเล็กหรือธุรกิจอาหารเอสเอ็มอีของไทย ที่เราจะเข้าไปช่วยสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมถึงสร้างประสบการณ์ให้กับผู้บริโภคได้สัมผัสกับอาหารไทยได้กว้างขวางขึ้น จนถึงการสร้างซอฟท์ พาวเวอร์ด้วยการต่อยอดขยายธุรกิจอาหารเอสเอ็มอีของไทยไปสู่ระดับภูมิภาคและระดับโลก ซึ่งเป็นไปตามพันธกิจหลักของ ‘ดุสิต ฟู้ดส์’ และกลุ่มดุสิตธานี นั่นคือ Bring Asian Food to The World และด้วยความร่วมมือของ ‘ฟาร์ม ทู เพลท’ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและมีเทคโนโลยีทั้งด้านการพัฒนาสูตรอาหาร จนได้รสชาติเดียวกันกับร้านต้นตำรับ ซึ่งผ่านการรับรองรสชาติจากร้านต้นตำรับแล้ว ขณะเดียวกัน อาหารร้านเด็ดเมนูดังทุกรายการบนแพลตฟอร์มปิ่นโตฮับยังเก็บคุณค่าทางโภชนาการได้อย่างครบถ้วน ถูกสุขอนามัย และเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับร้านอาหารไทย และสตรีทฟู้ดส์ของไทยอีกด้วย” มณิศากล่าว
สำหรับร้านอาหารที่รวบรวมในปิ่นโตฮับจำนวน 21 ร้าน เป็นร้านจากจังหวัดเชียงใหม่ 6 ร้าน ภูเก็ต 1 ร้านและกรุงเทพฯ 14 ร้าน อาทิ บ้านยี่สาร อาหารไทย, ขาหมูเลิศรส, ก๋วยจั๊บกำลังภายใน, ข้าวพระรามลงสรง (เล้าโอว) , ข้าวซอยซอกกำแพงดิน, ข้าวซอยลำดวนฟ้าฮ่าม, โจ๊กสดใส, ครัวจงจิต เป็นต้น โดยปิ่นโตฮับจะทำงานร่วมกับเจ้าของร้านในการพัฒนาสูตรเป็นกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน และมีรสชาติเหมือนต้นตำรับ และแต่ละเมนูที่วางขายจะอยู่ภายใต้ชื่อเดิมของเอสเอ็มอีเจ้าของแบรนด์นั้นๆ โดยทุกๆ เมนูที่ขาย ทาง SME เจ้าของแบรนด์จะส่วนรับแบ่งรายได้เป็นเปอร์เซ็นต์
ในส่วนของช่องทางการจำหน่ายของปิ่นโตฮับ จะดำเนินการผ่าน 2 ช่องทางหลัก ได้แก่ ช่องทาง ONLINE คือ การเสิร์ฟอาหารผ่านช่องทางดิลิเวอรี่ ซึ่งปิ่นโตฮับได้ผนึกความร่วมมือกับ แกร็บ แท๊กซี่ (Grab Taxi) ในการเป็นเอ็กซ์คลูซีฟพาร์ทเนอร์ ที่จะอำนวยความสะดวกในการจัดส่งอาหารปรุงสุกพร้อมรับประทานถึงบ้านลูกค้าจากจุดให้บริการ 10 แห่งครอบคลุมพื้นที่หลักในกรุงเทพฯ ตอกย้ำแนวคิดหลักในการ “นำความอร่อยมาไว้ใกล้บ้าน” ของปิ่นโตฮับ
ขณะเดียวกัน ยังมีช่องทาง ONSITE ในรูปแบบคีออส (Kiosk) ที่ลูกค้าสามารถซื้ออาหารกลับไปทานที่บ้านได้ หรือรูปแบบหน้าร้าน ที่ลูกค้าสามารถเข้ามาทานที่หน้าร้านหรือซื้อกลับบ้านได้
“นอกจากโซลูชั่นของปิ่นโตฮับจะเป็นการช่วยขยายโอกาสให้กับธุรกิจอาหารเอสเอ็มอีของไทยและสตรีทฟู้ดไทยไปทั่วโลกแล้ว การสร้างแพลตฟอร์มที่รวบรวมอาหารริมทางที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยมาไว้ในที่เดียว ยังเป็นการปกป้องมรดกทางอาหารที่มั่นใจได้ว่า สูตรอาหารและรสชาติอันล้ำค่าเหล่านี้จะไม่สูญหายไป” มณิศากล่าว
“ขณะเดียวกัน เรายังสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนซึ่งเป็นท้องถิ่นของเจ้าของอาหาร ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ของกลุ่มดุสิตธานี และดุสิต ฟู้ดส์ ที่การดำเนินธุรกิจของเราจะคำนึงพื้นฐาน 4 ประการ นั่นคือ อาหารจากธรรมชาติ (Be Natural), อาหารออร์แกนิคส์ (Be Organic), อาหารเพื่อสุขภาพ (Be Healthy) และการช่วยเหลือและเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน (Support The Local Community) ขณะเดียวกัน กลุ่มดุสิตธานียังมองเห็นโอกาสในการขยายช่องทางการจำหน่ายอาหารที่รวบรวมไว้ในปิ่นโตฮับ เพื่อให้บริการในโรงแรมของกลุ่มดุสิตธานีที่กระจายอยู่ทั่วโลกอีกด้วย”
ด้าน ราจีฟ อนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟาร์ม ทู เพลท โพรเซสเซอร์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า “ความร่วมมือครั้งนี้ ฟาร์ม ทู เพลท จะใช้ความชำนาญด้านนวัตกรรมในการคงรสชาติอาหารตามสูตรต้นฉบับ และเก็บรักษาคุณค่าทางโภชนาการไว้ ขณะที่กลุ่มดุสิตธานี จะใช้ความแข็งแกร่งด้านเครือข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ช่วยต่อยอดให้กับร้านอาหารเอสเอ็มอีสามารถขยายสาขา เพื่อส่งต่อความอร่อยให้กับผู้บริโภคได้มากขึ้นและกว้างขึ้น โดยพาร์ทเนอร์ร้านอาหารขนาดเล็กของเราทั้ง 21 ร้าน จะได้รับการส่งเสริมให้เมนูยอดนิยมของแต่ละร้านเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ และสามารถนำความอร่อยไปสู่ลูกค้าในต่างประเทศให้ได้สัมผัสประสบการณ์อาหารสตรีทฟู้ดส์ที่มีเสน่ห์ของไทยในอนาคตอีกด้วย”
ทั้งนี้ปิ่นโตฮับคาดว่า ปี 2568 จะสามารถขยายจุดให้บริการ/สาขาผ่านช่องทางแฟรนไชส์ไปยังต่างจังหวัด โดยวางเป้าหมาย 50 จุดบริการ/สาขาในประเทศไทย ก่อนที่จะขยายแฟรนไชส์ปิ่นโตฮับไปในต่างประเทศในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : “ท็อปส์ เดลี่” เขย่าวงการค้าปลีก เปิดตัวโมเดลแฟรนไชส์ ชูลงทุนต่ำ-คืนทุนไว-กำไรดี
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine