C.P. Group หนุน UNGCNT เร่งลงทุนพัฒนามนุษย์ สร้างสรรค์เทคโนโลยี เพื่อการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขและการเงิน
ในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ภาคเอกชนทั่วโลกต่างตื่นตัวกับการปรับเปลี่ยนนโยบายไปสู่การจัดการข้อมูล (Data Management) เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกัน ก็มุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมาย ESG (Environment-Social-Governance) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างสมดุลในการเติบโตอย่างยั่งยืน
หลายประเทศ กำลังเดินหน้าสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 อุปสรรคที่สำคัญประการหนึ่ง คือ ความซับซ้อนในการพัฒนามนุษย์ ซึ่งมีที่มาจากหลายปัจจัยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ก้าวไปข้างหน้า
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (C.P. Group) และนายกสมาคมเครือข่าย โกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (UNGCNT) ได้แสดงทัศนะต่อประเด็นดังกล่าวว่า "การพัฒนาทุนมนุษย์ในยุค 5.0 กำลังเป็นเทรนด์ระดับโลก โดยเฉพาะการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการบริหารจัดการข้อมูล (Data Management) มาใช้ขับเคลื่อนธุรกิจ รวมทั้งการทำงานและการใช้ชีวิตที่มีเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นพื้นฐาน"
UNGCNT ร่วมกับ คณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก และสหประชาชาติในประเทศไทย ได้ระบุถึงประเด็นด้านความยั่งยืน 3 ประการที่โลกควรให้ความสำคัญ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และการพัฒนาด้านสังคม ความท้าทายประการหนึ่งของประเทศไทยในการต่อสู้กับสภาวะโลกร้อน อยู่ที่ความสามารถในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงและการรับมือกับปัญหาความเหลื่อมล้ำและการพัฒนาด้านสังคม ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมที่ยั่งยืนในอนาคต
โควิด-19 วิกฤตที่มาพร้อมโอกาส
ในช่วงที่โควิด19 ระบาด ประเทศไทยมีจำนวนผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่โลกดิจิทัลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่การใช้งานอินเตอร์เน็ตส่วนใหญ่ในประเทศไทยยังคงเป็นการซื้อขายออนไลน์ ผู้ที่มีรายได้น้อยยังคงไม่รู้ถึงสิทธิประโยชน์ที่ตนควรได้รับจากเทคโนโลยีดิจิทัล และพบว่ามีผู้คนจำนวนมากที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบการเงินดิจิทัล เพื่อทำธุรกรรมทางการเงิน
ข้อมูลจากธนาคารโลก คาดการณ์ว่าการทำธุรกรรมด้านการเงินในประเทศรายได้น้อยถึงปานกลางทั่วโลกในปี 2566 จะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.4% เป็นจำนวนเม็ดเงินกว่า 656 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยขึ้นอยู่กับอัตราการจ้างงานของสมาชิกในครอบครัวที่สร้างรายได้จากต่างประเทศและโอนกลับมายังบ้านเกิด ส่วนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีข้อมูลว่าประชากรกว่า 225 ล้านคน ไม่สามารถมีบัญชีเงินฝากเป็นของตนเอง และอีกกว่า 350 ล้านคน ไม่สามารถเข้าถึงระบบสินเชื่อที่ถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงในช่วงวิกฤติโควิด19 เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้นำเทคโนโลยีมาช่วยเหลือกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว โดยมุ่งหวังที่จะสร้างการรับรู้ด้านดิจิทัล ในขณะเดียวกันก็ได้ช่วยดูแลสุขภาพและการบริการทางการเงิน
เข้าถึงการบริการทางการเงินอย่างเท่าเทียม
Ascend Money หนึ่งในธุรกิจด้านการเงินจาก True Money ที่ให้บริการด้านการเงินอย่างสะดวกสบายไร้รอยต่อ ได้รวบรวมบริการทางการเงินที่หลากหลายให้จบครบในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็น การจ่ายที่ร้านค้าและออนไลน์ การจ่ายบิล การรับชำระเงินและขอวงเงิน เพื่อเป็นเงินทุนสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยและธุรกิจขนาดเล็ก โดยมุ่งหวังที่จะช่วยลดช่องว่างทางสังคม และทำให้การเข้าถึงเครื่องมือทางการเงินง่ายกว่าที่เคย เพื่อชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
Ascend Money และ True Money ได้จัดตั้งศูนย์บริการ True Money ในชุมชนห่างไกลที่ยังประสบปัญหาการเข้าถึงบริการทางการเงินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยร่วมมือกับร้านค้าในชุมชน ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา ร้านกาแฟ หรือแม้แต่ร้านค้าแผงลอยในประเทศต่างๆ เช่น เมียนมาร์ กัมพูชา ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และอีกหลายประเทศ เพื่อแต่งตั้งพวกเขาเหล่านี้เป็นตัวแทน True Money ที่จะให้บริการธุรกรรมการเงิน ไม่ว่าจะเป็น การถอนเงินสด การเติมเงิน การจ่ายค่าบริการไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ การโอนเงินในประเทศ รวมไปถึงการรับเงินโอนจากต่างประเทศ แก่คนในชุมชน โดยตัวแทน True Money เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเจ้าของร้านค้าหรือเจ้าของกิจการในพื้นที่ที่นอกจากจะมีโอกาสได้รับรายได้เพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากธุรกิจเดิมที่มีอยู่ พวกเขายังได้ร่วมเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะลดความเหลื่อมล้ำและช่วยให้คนในชุมชนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินที่ง่าย สะดวกสบาย และหลากหลายบริการยิ่งขึ้นเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของพวกเขา
"ทุนมนุษย์ยุค 5.0" มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ การให้วงเงินหรือสินเชื่อนาโนเครดิต เป็นอีกหนึ่งโซลูชั่นทางการเงินที่จะพลิกฟื้นโอกาสให้กลุ่มผู้ที่ยังขาดความรู้และความสามารถทางดิจิทัล
"เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้นำเสนอบริการทางการเงินให้แก่ผู้ประกอบการและเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และผู้มีรายได้น้อยในการกู้ยืมเงินอย่างถูกต้อง แทนการกู้เงินนอกระบบที่ผิดกฎหมาย เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม โดยให้บริการวงเงินและสินเชื่อผ่านแอป True Money ที่ธุรกิจขนาดเล็กหรือบุคคลสามารถขอได้ในวงเงินไม่เกิน 10,000 บาท เพียงใช้บัตรประชาชนใบเดียวเป็นหลักฐานประกอบการยื่นกู้ โดยการอนุมัติเงินเป็นไปอย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย จึงช่วยให้ผู้ที่ขอวงเงินสามารถใช้เงินในภาวะฉุกเฉิน หรือใช้จ่ายกับความจำเป็นต่างๆ เช่น เงินทุนในการทำการเกษตร ค่าแรงช่วงเก็บเกี่ยว ค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น"
เข้าถึงการดูแลสุขภาพอัจฉริยะแบบครบวงจร
นอกเหนือจากการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงบริการด้านการเงิน ในช่วงโควิด-19 เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านสาธารณสุขในพื้นที่ห่างไกล โดย ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป ได้พัฒนาแอปพลิเคชัน
"หมอดี" แพลตฟอร์มดูแลสุขภาพอัจฉริยะแบบครบวงจร ที่เชื่อมต่อบริการทั้งออนไลน์และออฟไลน์สำหรับผู้ป่วยทั่วประเทศ อาทิ การให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ทางไกลจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญกว่า 500 ท่าน ที่ครอบคลุมกว่า 20 สาขาเฉพาะทางจากสถาบันชั้นนำทางการแพทย์ในประเทศไทย โดยผู้ป่วยสามารถเลือกแพทย์ที่ต้องการนัดพบ เวลาที่สะดวกในการปรึกษา รวมถึงนำค่าใช้จ่ายไปเบิกกับบริษัทประกันที่คุ้มครองสิทธิของตน และยังได้ร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) อำนวยความสะดวก สำหรับสิทธิบัตรทองในการรักษา นอกเหนือจากนี้ ยังสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับบริษัทเอกชน เช่น AIA Allianz Ayudhya CHUBB Ocean Life และ Prudential Life Assurance เพื่อช่วยให้การยื่นเคลมประกันและรับเงินสินไหมเป็นไปอย่างรวดเร็วและสะดวกมากยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งความร่วมมือที่ได้มีส่วนร่วมเพื่อสร้างการเข้าถึงสำหรับประชาชนคนไทย คือการพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินอัจฉริยะ Smart EMS (Emergency Medicine Service) โดยร่วมมือกับโรงพยาบาลศิริราช หนึ่งในสถาบันทางการแพทย์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีชื่อเสียงด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ เป็นการนำนวัตกรรมต่างๆ เช่น IOT มาประยุกต์ใช้ร่วมกับการให้บริการทางการแพทย์
เพราะตระหนักดีว่าความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มมากขึ้นเป็นความเสี่ยงต่อการดำเนินงานของภาครัฐ สังคม และธุรกิจทั่วโลก เครือเจริญโภคภัณฑ์ จึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีให้ดียิ่งขึ้น ส่งเสริมการเข้าถึงการบริการทางสุขภาพและบริการทางการเงินที่เท่าเทียม เพื่อยกระดับความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของผู้คนในยุค 5.0 โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง