Coty บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจความงามและเครื่องสำอางระดับอินเตอร์ ล่าสุดเลือกส่งแบรนด์ดังอย่าง 'Kylie Cosmetics' เข้ามาบุกตลาดไทย ผ่านการจัดจำหน่ายด้วยระบบออนไลน์และร้าน EVEANDBOY ที่มีอยู่หลากหลายสาขาทั่วประเทศ เพราะเล็งเห็นศักยภาพตลาดเครื่องสำอาง สกินแคร์ และน้ำหอมในไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่องโดยคาดว่าจะก้าวเข้าสู่อันดับ 1 ของภูมิภาคได้ในอนาคต
ตลาดธุรกิจความงามของไทยยังคงเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากข้อมูลตัวเลขของสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทยที่ระบุว่า ปี 2566 ที่ผ่านมา ภาพรวมของตลาดธุรกิจดังกล่าวมีมูลค่าอยู่ที่ 258,275 ล้านบาท เติบโตขึ้น 11.6% โดยผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องสำอางมีอัตราการเติบโตสูงสุดที่ 11% เป็นผลมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปิดรับเทรนด์การแต่งหน้าและสีสันใหม่ๆ
ต่อเนื่องมาถึง ปี 2567 ทางสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทยได้คาดการณ์ด้วยว่า ตลาดธุรกิจความงามจะขยายตัวเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับปีก่อน 9.5% โดยมีมูลค่าราว 3.40 แสนล้านบาท แต่ทั้งนี้เหล่าผู้ประกอบการจะต้องพึงระวังและรับมือกับความไม่แน่นอนในหลายๆ ปัจจัย ทั้งเรื่องของภาวะเศรษฐกิจที่อาจมีผลกระทบต่อกำลังการซื้อของผู้บริโภคภายในประเทศ เรื่องของราคาต้นทุนวัตถุดิบสำหรับการผลิตที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึง การช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดที่นับวันจะมีผู้ผลิตหน้าใหม่เพิ่มขึ้นเข้ามาแข่งขันกันในทุกๆ ปี ซึ่งสิ่งสำคัญที่จะทำให้ยอดขายของธุรกิจยังเติบโตอยู่ได้นั้น คือ เรื่องของการรักษาคุณภาพมาตรฐานของผลิตภัณฑ์และการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่แตกต่างเพื่อตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มลูกค้าได้อย่างเหมาะสม
ด้วยโอกาสของตลาดความงามโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเครื่องสำอางในไทยยังคงเติบโตสูง จึงเป็นผลให้ Coty Thailand หนึ่งในบริษัทเครื่องสำอางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ที่ก่อตั้งขึ้น ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904 ณ เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส หันมาผนึกกำลังร่วมกับร้านค้าปลีกเครื่องสำอางรายใหญ่ในไทยอย่าง EVEANDBOY ในการดึงเครื่องสำอางแบรนด์ Kylie Cosmetics มาเปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา
Kristina Strunz กรรมการผู้จัดการ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย บริษัท Coty ได้ให้สัมภาษณ์สุด Exclusive กับทาง Forbes Thailand ว่า เธอมองเห็นศักยภาพการเติบโตของธุรกิจตลาดเครื่องสำอางในไทย อีกทั้งแบรนด์ Kylie Cosmetics ที่เธอเลือกส่งมาแข่งขันเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดในครั้งนี้ ถือเป็นแบรนด์ที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ทั่วโลกต่างนิยมใช้และให้การยอมรับเป็นอย่างมากทั้งจากตัวสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และภาพลักษณ์อันโดดเด่น ทันสมัย สะท้อนตัวตนของ Kylie Jenner เจ้าของแบรนด์และกลุ่มผู้บริโภคที่นิยมใช้แบรนด์นี้ได้เป็นอย่างดี
"นับจากอดีตที่ผ่านมา Coty ถือเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เริ่มจากการผลิตและจำหน่ายน้ำหอมหลากหลายแบรนด์ดังใน 125 ประเทศทั่วโลก มีที่ตั้งสำนักงานใน 30 ประเทศ มี 8 โรงงานการผลิต และมีพนักงานกว่า 11,000 คน โดยถือครองแบรนด์สินค้ามากมายในระดับพรีเมียม เช่น Gucci Beauty, Chloe Parfum, Burberry Beauty, Marc Jacobs, HUGO BOSS และ Calvin Klein Fragrances เป็นต้น ปัจจุบันทางเรามีการขยายธุรกิจมาที่ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิวมากยิ่งขึ้น โดยคิดเป็นสัดส่วนน้ำหอม 70% และเครื่องสำอาง 30% ซึ่งการเลือกเปิดตัวแบรนด์ Kylie Cosmetics ในไทยล่าสุดนี้ เรามองเห็นโอกาสจากมูลค่าตลาดที่มหาศาล อีกทั้งไทยยังเป็นประเทศที่มีศักยภาพในเรื่องของเทรนด์การแต่งหน้าในรูปแบบต่างๆ รองจาก เกาหลี ที่นับวันจะเห็นได้ว่ากลุ่มประเทศในแถบเพื่อนบ้านหรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้หันมานิยมเทรนด์การแต่งหน้าและเลือกซื้อเครื่องสำอางจากไทยมากยิ่งขึ้น เราจึงตั้งเป้าขยายตลาดธุรกิจเครื่องสำอางในไทยให้อยู่ในระดับ Top 5 ในอนาคต"
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทาง Kylie Cosmetics ได้เปิดตัว Pop Up Store ณ ห้างสยามสแควร์วัน เพื่อสร้างการรับรู้และดึงดูดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้มาสัมผัสประสบการณ์ใหม่จากเครื่องสำอางแบรนด์ดังที่เพิ่งเปิดตัวครั้งแรกในไทย พร้อมขยายสาขาร่วมกับพาร์ทเนอร์คนสำคัญ ไปยัง EVEANDBOY สาขาต่างๆ เช่น เมกะ บางนา,เดอะมอลล์ บางกะปิ, เดอะมอลล์ บางแค, แฟชั่น ไอส์แลนด์, ฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต,เทอร์มินอล 21 พัทยา และ เซ็นเตอร์พอยท์ สยามสแควร์ วัน ที่พึ่งเปิดตัวล่าสุดในเดือนสิงหาค,
สำหรับแบรนด์ Kylie Cosmetics ถือได้ว่าเป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่เหล่าบรรดาสาวๆ ทั่วโลกต่างรู้จักกันดีถึงความมีเอกลักษณ์โดดเด่นของผลิตภัณฑ์ลิปสติกที่มีหลากหลายสีสันสวยงามและยังขึ้นชื่อในเรื่องของคุณภาพ ทุกผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ได้ส่งต่อจิตวิญญานที่รักการผจญภัยและความชอบในการทดลองผ่านสีสันจัดจ้านสวยงามในแต่ละชิ้น โดดเด่นด้วยความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และเป็นผู้นำในการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ สู่ตลาดความงามอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกเหนือจากเรื่องของเครื่องสำอางแล้ว ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กก็ได้รับความนิยมจากหลายประเทศทั่วโลกไม่แพ้กัน โดยสินค้าทั้งหมดของแบรนด์นี้ยังขึ้นชื่อได้ว่ามีการเลือกสรรใช้วัตถุดิบคุณภาพดีที่ทำมาจากวีแกนมาใช้ในส่วนผสม โดยตลาดความงามและกลุ่มลูกค้าคนไทยเองก็มีความเปิดกว้างต่อแบรนด์ใหม่ๆ และให้การตอบรับแบรนด์ เป็นอย่างดี ซึ่งทางแบรนด์เองยังคงยึดมั่นในความรักที่มีต่อแบรนด์และยังคงไม่หยุดพัฒนาเพื่อให้มีสินค้าที่ดีและน่าสนใจอยู่เสมอ
ผู้บริหารของบริษัท Coty ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ความร่วมมือในการเปิดตัวแบรนด์กับพันธมิตรในไทยอย่าง EVEANDBOY ในครั้งนี้ มั่นใจได้ว่าด้วยศักยภาพที่มีของทั้ง 2 ฝ่ายจะช่วยผลักดันให้ธุรกิจของแบรนด์ Kylie ภายใต้การดูแลของ Coty และ EVEANDBOY เติบโตไปได้อย่างแข็งแกร่งพร้อมๆ กัน และภายในสิ้นปี 2567 นี้ บริษัท จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์สกินแคร์แบรนด์ใหม่ และคาดว่าในปีหน้าจะมีโอกาสขยายแบรนด์เครื่องสำอางอื่นๆ มาไทยเพิ่มขึ้นอีกด้วย
"แม้ปัจจุบันเศรษฐกิจในไทยและทั่วโลกจะยังอยู่ในภาวะชะลอตัว แต่สาวๆ ทั่วโลกก็ยังให้ความสำคัญและใส่ใจในเรื่องของความงามและดูแลผิวพรรณอยู่เสมอเห็นได้จากมูลค่าตัวเลขของตลาดผลิตภัณฑ์ดังกล่าวที่ยังคงมีมูลค่ามหาศาลและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ทาง Coty เองยังมั่นใจด้วยว่าประเทศไทยถือเป็น 1 ในตลาดใหญ่ของภูมิภาคที่ในอนาคตอาจจะขยายตัวได้มากกว่าเกาหลีใต้ อีกทั้งเหล่าบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ หรือบิวตี้ไอดอล คนดังจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากเดิมที่เคยนิยมแต่งหน้าแต่งตัวตามสไตล์เกาหลีก็หันมานิยมเทรนด์การแต่งหน้าสไตล์ไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการเปิดตัวเครื่องสำอางแบรนด์ Kylie ในไทยก็ถือเป็นโอกาสอีกหนึ่งช่องทางให้สาวๆ ที่เป็นกลุ่มบริโภคเป้าหมายทั้งในไทยและต่างประเทศสามารถเดินทางมาเลือกซื้อเครื่องสำอางที่จำหน่ายผ่านร้าน EVEANDBOY ที่มีอยู่หลากหลายสาขาทั่วประเทศไทยได้ง่ายยิ่งขึ้น" Kristina กล่าวทิ้งท้าย
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Pipatchara เปลี่ยนขยะไร้ค่าสู่สินค้าแฟชั่นแบรนด์ไทยในตลาดโลก
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine