ไอศกรีม Mixue มีหนาว! หลัง ‘ชาวเกาะ’ แบรนด์กะทิไทยแท้ แตกไลน์ขยายแฟรนไชส์ไอศกรีมกะทิ - Forbes Thailand

ไอศกรีม Mixue มีหนาว! หลัง ‘ชาวเกาะ’ แบรนด์กะทิไทยแท้ แตกไลน์ขยายแฟรนไชส์ไอศกรีมกะทิ

ไอศกรีม Mixue มีหนาว “ชาวเกาะ” แบรนด์กะทิสดไทยแท้ แตกไลน์ขยายแฟรนไชส์ไอศกรีมกะทิ เตรียมปูพรมเข้าโรงเรียน ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านอาหารรายย่อย และร้านค้าทั่วประเทศ เป้า 10,000 แห่งภายใน 3 ปี ก่อนลุยเปิด “คาเฟ่” ขายอาหารและเครื่องดื่ม หวังเพิ่มการบริโภคกะทิระยะยาว


    อำพลฟูดส์ ได้ประกาศอย่างเป็นทางการสู่การขยายธุรกิจแฟรนไชส์ไอศกรีมกะทิสดในงาน Thaifex Anuga Asia 2025 ที่เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 27-31 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา พร้อมกับกะทิสำเร็จรูปยูเอชทีสูตรสำหรับทำ ไอศกรีมตราชาวเกาะ และสินค้าอื่นๆ ที่ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์กะทิ ได้แก่ พุดดิ้ง ชานมไข่มุก ซอสปรุงรส และซีอิ๊วดำ ตรามังกรสมบูรณ์ เป็นต้น

    เหตุผลแรก ที่อำพลฟู้ดส์ต้องการต่อยอดธุรกิจของกลุ่มมาสู่แฟรนไชส์ “ชาวเกาะไอศกรีมกะทิสด” เกิดขึ้นจากสภาพแวดล้อมของการแข่งขันในตลาดกะทิสำเร็จรูป ที่อาจทำให้กะทิชาวเกาะมีโอกาสเพลี่ยงพล้ำและถูกแทนที่จากแบรนด์อื่นที่อยู่ในตลาดเดียวกันได้ไม่ยาก หากยังมีเพียงสินค้าเดิมๆ ขายในช่องทางแบบเดิมๆ ให้ลูกค้าทุกปี

    และเหตุผลที่สองคือตลาดไอศกรีมในเมืองไทยมีมูลค่าหลายหมื่นล้าน แต่ผู้เล่นหลักในตลาดยังเป็นแบรนด์จากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ทั้ง “แดรี่ควีน” จากอเมริกา และ “Mixue” จากจีน

    และเหตุผลที่สามคือ การมีตู้ไอศกรีมยี่ห้อ “ชาวเกาะ” เข้าไปตั้งตามโรงเรียน ร้านอาหาร ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านค้าสวัสดิการโรงพยาบาล สหกรณ์โรงเรียนทั่วประเทศ จะช่วยสร้างการรับรู้และตอกย้ำแบรนด์ “ชาวเกาะ” ให้เข้าถึงผู้บริโภคทุกระดับ โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่และรักษาฐานลูกค้าดั้งเดิมที่บริโภคชาวเกาะมากว่า 50 ปี



    แพ็คเกจแฟรนไชส์ไอศกรีมกะทิสดของชาวเกาะมีให้เลือก 2 แบบ คือ แพ็คเกจ M ราคา 35,000 บาท และแพคเกจ L ราคา 39,000 บาท ผู้ลงทุนสามารถคืนทุนได้ภายใน 3 เดือน เพียงขายไอศกรีมได้วันละ 100 เสิร์ฟ

    เกรียงศักดิ์ เทพผดุงพร กรรมการกลุ่มอำพลฟูดส์ บอกว่า มี 5 เหตุผลที่ควรลงทุนแฟรนไชส์ไอศกรีมกะทิสดชาวเกาะ เพราะ 1. แบรนด์ชาวเกาะเป็นที่รู้จักเพราะทำตลาดในเมืองไทยมามากกว่า 50 ปี 2. การทำไอศกรีมไม่ได้ซับซ้อน ยุ่งยากอย่างที่ทุกคนคิด เพียงแค่เทผลิตภัณฑ์กะทิสำเร็จรูปสำหรับทำไอศกรีมชาวเกาะลงบนตู้ไอศกรีม ก็สามารถเสิร์ฟลูกค้าได้ภายในเวลาไม่นาน เพราะไม่ต้องผสมและทำจากกะทิแท้

    3. ลงทุนน้อย แต่คืนทุนไว หากมีทำเลที่ดีมีคนผ่านจำนวนมาก อาทิ โรงเรียน ซึ่งมีลูกค้าหมุนเวียนถึง 1,000 คนในบางทำเล 4. ไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน ไม่มีการหักส่วนแบ่งยอดขาย และ 5. มีบริการหลังการขาย ดูแลเครื่องทำไอศกรีมให้ตลอดสัญญา


    ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟกะทิสดชาวเกาะ มีให้เลือก 6 รสชาติ ได้แก่ กะทิสด ทุเรียน ชาเขียว ชาไทย มะม่วง และช็อกโกแล็ต มีให้เลือก 3 ราคา ไอศกรีมโคนเวเฟอร์ราคาโคนละ 10 บาท ไอศกรีมโคนวาฟเฟิลราคา 15 บาทและ 20 บาทสำหรับไอศกรีมโคนแบบซอฟต์เสิร์ฟ

    “เราตั้งใจจะมีร้านแฟรนไชส์ไอศกรีมกะทิสดชาวเกาะ 10,000 แห่งในเมืองไทยภายใน 3 ปี เราคิดว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดี เพราะแบรนด์เราอยู่ในตลาดมากว่า 50 ปี และไอศกรีมของเราแตกต่างจากคู่แข่งอื่นๆ ในตลาดเพราะทำจากกะทิสด ไม่ได้ทำจากนม ประกอบกับไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟยังเป็นที่นิยมในตลาด” เกรียงศักดิ์กล่าว

    เขาบอกอีกว่าเพื่อรองรับการขยายแฟรนไชส์ไอศกรีม อำพลฟูดส์ได้แนะนำผลิตภัณฑ์กะทิสำเร็จรูปยูเอชทีสำหรับทำไอศกรีมวางจำหน่ายที่แมคโครเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา เบื้องต้นมีเพียงรสชาติกะทิสดเพียงรสชาติเดียวและกำลังทยอยวางตลาดรสชาติอื่นๆ ในอนาคตอันใกล้

    เกรียงศักดิ์เล่าว่า จำนวนสาขา 10,000 แห่งที่ตั้งเป้าจะเปิดนั้น มีแนวโน้มว่าบริษัทอาจจะทำเองด้วย แต่ไม่ใช่สถานที่ขายแค่ร้านไอศกรีมเท่านั้น


    “เราอาจจะเปิดร้านคาเฟ่ขาย กาแฟ เครื่องดื่ม หรืออาหารที่ทำจากวัตถุดิบกะทิซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญของเรา วันนี้เราเปิดตัวพุดดิ้ง และชาไข่มุก คาเฟ่จะทำเอง ยังไม่มีชื่อ เราจะมีนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาทุกปี เรามีบทเรียนจากในอดีต ถ้ามีแค่สินค้าเดิมๆ เราจะถูกแทนที่ด้วยคู่แข่งที่เพิ่มขึ้นทุกวัน” เกรียงศักดิ์บอก และว่า การเผชิญกับปัญหาผลผลิตทางการเกษตรทุกปี และหนักมากในปลายปีที่ผ่านมาถึงปีนี้ ทำให้เขาเห็นว่าอำพลฟูดส์จะไม่เน้นขายมะพร้าวเป็นหลักเพียงอย่างเดียว แต่จะแตกไลน์สินค้าที่ไม่เกี่ยวกับกะทิมากขึ้น เช่น ชาไข่มุก ที่กำลังจะเริ่มวางขายในร้านขายของชำทั่วไป มีให้เลือกทั้งชาไทย ชาไต้หวัน และชาเขียว ราคาขายปลีก 25 บาท

    นอกจากเรื่องนวัตกรรมสินค้าในแต่ละปี อำพลฟูดส์ได้ปรับตัวเองมาตลอด จุดเปลี่ยนที่สำคัญมากที่สุดคือ การผันตัวเองจากบริษัทผู้ผลิตสินค้ากะทิสำเร็จรูปมาสู่การเป็นบริษัทจัดจำหน่ายสินค้าให้ SMEs เมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา จากการขายผ่านเพียงช่องทางยี่ปั๊วและโมเดิร์นเทรดมาตลอด บริษัทได้ขยายขอบข่ายการขายไปยังร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศ ตั้งแต่ร้านขายของชำ สหกรณ์โรงเรียน สวัสดิการโรงพยาบาล ค่ายทหาร และแม้กระทั่งร้านค้าแผงลอย ทำให้มีเครือข่ายกระจายสินค้าครอบคลุมร้านค้าทั่วประเทศกว่า 3 แสนราย จากที่มีอยู่ทั่วประเทศกว่า 4 แสนราย จนถึงปัจจุบันอำพลฟูดส์ยังมีศูนย์กระจายสินค้าอยู่ทั่วประเทศถึง 94 แห่ง พร้อมพนักงานขายมืออาชีพอีกกว่า 1,000 คนพร้อมเข้าถึงพื้นที่ร้านค้า ด้วยรถแคชแวนกว่า 500 คัน

    “สเต็ปต่อไป เราจะขยายการเข้าถึงไปยังร้านอาหารรายย่อยซึ่งมีอยู่ถึง 6 แสนรายทั่วประเทศมากขึ้น แต่การจะลงลึกไปเจาะในช่องทางเหล่านี้ เราต้องมีสินค้าให้ได้อย่างน้อย 10 ประเภท” เกรียงศักดิ์บอก

    ปัจจุบันสินค้าที่อยู่ภายใต้การจัดจำหน่ายของอำพลฟูดส์ ได้แก่ น้ำปลาร้าแซ่บไมค์ วุ้นเส้นตราต้นน้ำ น้ำมะนาวพร้อมปรุงแม่ตุ๊ก สาหร่ายอบกรอบตราแดซอง บ๊วยคืนชีพตรา Mag Mag คุกกี้ซูโม และล่าสุดน้ำสมุนไทย “อีฟ” และน้ำวิตามิน “วิตอะเดย์”

    ส่วนสินค้าแบรนด์ภายใต้กลุ่มอำพลฟูดส์ที่วางตลาดในไทยขณะนี้ ได้แก่ กะทิชาวเกาะยูเอชที น้ำแกงพร้อมปรุงรอยไทย น้ำข้าวกล้องวีฟิต เครื่องปรุงลดโซเดียมยี่ห้อกู๊ดไลฟ์ เครื่องปรุงสูตรตำรับจีน ตรามังกรสมบูรณ์ เป็นต้น


    “แม้จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้กำลังซื้อลดลงบ้าง ถือเป็นเรื่องธรรมดา ธุรกิจอาหารไม่ตกเหมือนสินค้าฟุ่มเฟือย และมีโอกาสเติบโต เราจึงยังคงลงทุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับปรุงเครื่องจักรให้ทันสมัย และพัฒนาบรรจุภัณฑ์ขวดกระดาษเพื่อสิ่งแวดล้อม เริ่มใช้กับน้ำนมข้าวกล้อง V-fit เป็นสินค้าแรกก่อนจะขยายสู่สินค้าอื่นๆ ในอนาคต” เกรียงศักดิ์กล่าว

    เขาบอกอีกว่าในปีนี้บริษัทยังได้ยกระดับผลิตภัณฑ์ “รอยไทย” ไปอีกขั้น มีการบรรจุชิ้นเนื้อด้วยเทคโนโลยี Tetra Recart ลงในกล่อง เป็นแกงไทยพร้อมทานที่มีทั้งเนื้อสัตว์และเนื้อแพลนต์เบส ซึ่งได้ร่วมกับ NRPT ในเครือ ปตท. ภายใต้แบรนด์ “รอยไทย เรดี้” อาทิ แกงมัสมั่นไก่ แกงพะแนงไก่ กะเพราไก่ ข้าวซอยไก่ ไข่พะโล้ เป็นต้น

    นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล เปิดตัว nutri-care pudding สำหรับผู้มีปัญหาด้านการเคี้ยวกลืน โดยใช้วัตถุดิบจากผลผลิตทางการเกษตรที่ล้นตลาด สำหรับกลุ่มเครื่องปรุงรสในปีนี้ได้เปิดตัว ซีอิ๊วดำ และซีอิ๊วขาวสูตร 1 ตรามังกรสมบูรณ์ เพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดเพิ่ม

    ส่วนในต่างประเทศ เนื่องจากน้ำมะพร้าวของไทยเป็นทื่ชื่นชอบของชาวจีนมานาน และการไปออกบูธในงานฟู้ดส์ที่เซี่ยงไฮ้และเฉิงตูเมื่อไม่นานมานี้ ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคชาวจีนเป็นอย่างมาก บริษัทจึงตัดสินใจส่งผลิตภัณฑ์กะทิสำเร็จรูปยูเอชทีสำหรับทำไอศกรีมไปจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายในเฉิงตูเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสที่ไอศกรีมกะทิไทยจะไปตีตลาดจีนในอนาคต

    ในปีที่ผ่านมา อำพลฟูดส์มีรายได้กว่า 3,000 ล้านบาทจากในประเทศและต่างประเทศในอัตราส่วน 80:20 อำพลฟู้ดส์ไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีของทรัมป์ เพราะตลาดส่งออกหลักคือ จีน ยุโรป และญี่ปุ่น ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายเพิ่มเป็นกว่า 4,000 ล้านบาท



ภาพ: อำพลฟูดส์



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ครั้งแรก! พันธุ์ไทย X กระทิงแดง คอลแล็บข้ามสายพันธุ์ เปิดตัว 4 เมนูใหม่ ดื่มแล้วดีดตั้งแต่เช้ายันเย็น

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine