บางกอกเคเบิ้ล ทุ่มงบฯ กว่า 500 ล้านบาทรุกตลาดสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ล ตั้งเป้าเบอร์ 1 อาเซียน - Forbes Thailand

บางกอกเคเบิ้ล ทุ่มงบฯ กว่า 500 ล้านบาทรุกตลาดสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ล ตั้งเป้าเบอร์ 1 อาเซียน

FORBES THAILAND / ADMIN
21 Mar 2024 | 01:30 PM
READ 2032

บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด (BCC) ผู้นำด้านเทคโนโลยีการผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลชั้นนำในภูมิภาค เผยแผนกลยุทธ์ปี 2567 มุ่งเน้นการขยายตลาดทั้งในประเทศและในภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับความต้องการด้านพลังงานและเทรนด์ของพลังงานหมุนเวียน โดยเพิ่มงบลงทุนกว่า 500 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตสายไฟฟ้าชนิดแรงดันปานกลางและแรงดันสูงพิเศษเป็น 2 เท่า และเพิ่มยอดจำหน่ายสายโซลาร์เซลล์หรือสายเคเบิ้ล PV (Photovoltaic Cable) เป็น 3 เท่า พร้อมตั้งเป้ารายได้เติบโตกว่า 30% และขยายส่วนแบ่งตลาดเป็น 35%


    พงศภัค นครศรี กรรมการบริหาร บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด เปิดเผยว่าเพื่อให้สอดรับกับความต้องการใช้สายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางการขยายตัวทางเศรษฐกิจและนโยบายภาครัฐ ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค การใช้พลังงานหมุนเวียน รวมถึงพลังงานทางเลือกอย่างพลังงานแสงอาทิตย์

    ในปีนี้บริษัทได้กำหนดแผนการดำเนินงานที่ท้าทายการเติบโตของธุรกิจยิ่งกว่าที่ผ่านมา โดยวางงบลงทุนไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตในกลุ่มสายไฟฟ้าชนิดแรงดันปานกลางและแรงดันสูงพิเศษเป็น 2 เท่า และเพิ่มสัดส่วนยอดขายในประเภทสายโซลาร์เซลล์เป็น 3 เท่า พร้อมตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 30% และส่วนแบ่งการตลาด 35% โดยปี 2566 และ 2567 มี backlog แล้ว 3-4 พันล้านบาท

    ทั้งนี้ ความต้องการไฟฟ้าทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตเป็น 3 เท่าในอีก 30 ปีข้างหน้านับจากปี 2563 รวมถึงเทรนด์ ESG และ Net Zero เป็นการเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานจากแหล่งดั้งเดิมไปสู่พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น สอดคล้องกับทิศทางการใช้พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าในปี 2567 จะขยายตัวเฉลี่ยประมาณ 3.5% และเพิ่มขึ้น 3.3% ในอีก 3 ปีข้างหน้า สอดรับกับนโยบายภาครัฐ เช่น แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP) ฉบับใหม่ แผนการใช้ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) และเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ตลอดจนการเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมรถยนต์พลังงานสะอาด ซึ่งมีความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะเพิ่มสูงขึ้น

    ปัจจุบันมูลค่าตลาดรวมของอุตสาหกรรมสายไฟฟ้า และสายเคเบิ้ลในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 55,000 ล้านบาท โดย BCC ครองส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 25% รายได้หลักของธุรกิจมาจากการขายภายในประเทศ แบ่งเป็น กลุ่มธุรกิจก่อสร้างและอาคาร 31% กลุ่มอุตสาหกรรม 26% กลุ่มไฟฟ้าและพลังงาน 23% และอื่นๆ 19%

    ปี 2566 บริษัทมีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับ 1 โดยมีรายได้จากการดำเนินงาน 12,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.3% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีรายได้ 11,400 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการเติบโตที่สูงที่สุดในรอบ 60 ปี

    สำหรับการขยายตลาดในต่างประเทศตลาดหลักอยู่ในแถบภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ เมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา โดยเจาะกลุ่มธุรกิจรีเทล ตลาดค้าส่ง และโครงการภายใต้การสนับสนุนของภาครัฐ โดยช่วง 5 ปีที่ผ่านมามียอดขายในเมียนมากว่า 1,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในเมียนมาและ สปป.ลาว นอกจากนี้ยังส่งออกไปสิงคโปร์ จีน ฟิลิปปินส์ อินเดีย เม็กซิโก และออสเตรเลีย

    “BCC มุ่งมั่นแสวงหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน จากการขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ในอุตสาหกรรมสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ล เช่น โครงสร้างพื้นฐาน โครงการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินท่าอากาศยาน และท่าเรือ ควบคู่กับการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ เดินหน้าพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ผสานความเชี่ยวชาญทางวิศวกรรม เพื่อส่งมอบสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลมาตรฐานระดับสูง รองรับการเติบโตของตลาดไฟฟ้าและพลังงาน” พงศภัคกล่าวในตอนท้าย


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘ปิ่นโตฮับ’ แพลตฟอร์มใหม่สับจากดุสิต ฟู้ดส์ รวมฮิต 21 ร้านอาหารดัง ผนึก ‘แกร็บ’ ส่งตรงถึงหน้าบ้าน

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine