All new “Chang” พลิกประวัติศาสตร์เบียร์ไทย กับ 1 ปีแห่งความสำเร็จของช้าง - Forbes Thailand

All new “Chang” พลิกประวัติศาสตร์เบียร์ไทย กับ 1 ปีแห่งความสำเร็จของช้าง

FORBES THAILAND / ADMIN
06 Oct 2016 | 05:18 PM
READ 5604
แม้ว่าสภาพเศรษกิจที่ชะลอตัวในปีที่แล้วอาจไม่เอื้ออำนวยต่อการเติบโตของธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคภายในประเทศ แต่บริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยักษ์ใหญ่อย่าง ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้รายงานผลประกอบการที่น่าพอใจสำหรับ “เบียร์ช้าง” ซึ่งมีการเติบโตอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี และก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดเบียร์ขวดเขียวอย่างเต็มภาคภูมิสำหรับผู้กุมบังเหียนขับเคลื่อนทัพ “เบียร์ช้าง” สู่ความสำเร็จก็คือ สุดยอดนักการตลาดมากความสามารถจากประเทศสิงคโปร์ มร.เอ็ดมอนด์ เนียว คิม ซูน ผู้คลุกคลีวงการธุรกิจ fast-moving consumer goods (FMCG) โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาแล้วกว่าสองทศวรรษในหลากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สิงคโปร์ นิวซีแลนด์ กัมพูชา และศรีลังกา มร.เอ็ดมอนด์ เล่าว่า เขาได้เดินทางมาประเทศไทยเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว โดยได้รับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยมีเป้าหมายหลักคือเพื่อปั้นแบรนด์ “ช้าง” ให้เติบโตเป็นผู้นำธุรกิจในไทยและอาเซียนอย่างมั่นคงและยั่งยืนด้วยความเชี่ยวชาญทางด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ (brand building) มร. เอ็ดมอนด์ ได้วางกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับความต้องการตลาดในยุคปัจจุบัน โดยมีการ พลิกโฉมปฏิวัติแบรนด์ “ช้าง” ครั้งใหญ่ทั้งการปรับเปลี่ยน “ลุค” ภายนอกให้มีความ “พรีเมียมทันสมัย” และรสชาติที่สามารถ “ตอบโจทย์” ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง “ผู้บริโภคยุคใหม่มองเบียร์เป็น ‘ไลฟ์สไตล์’ ที่ดื่มได้ โดยจะเน้นที่การดื่มเพื่อสังสรรค์และเข้าสังคมมากกว่าการนั่งดื่มคนเดียว ซึ่งแตกต่างจากความต้องการในอดีต เพื่อให้สามารถดึงดูดผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ มร. เอ็ดมอนด์จึงมีแนวคิดที่จะเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์จาก “ช้างขวดสีอำพัน” ที่อาจมีภาพลักษณ์ในอดีตว่าเป็นเบียร์รสชาติแรงราคาถูก ให้ก้าวสู่ “ช้างขวดเขียวมรกต” ที่มีรูปทรงเพรียวยาว ชูความทันสมัยและพรีเมียมอย่างแท้จิง เรื่อง “รสชาติ” เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ มร. เอ็ดมอนด์ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยจากการสำรวจผู้บริโภคล่าสุด พบว่ามีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป โดยมองว่าเบียร์เป็นไลฟ์สไตล์ที่ดื่มได้ จึงได้มีการปรับทั้งภายนอกและภายในของผลิตภัณฑ์​ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการผู้บริโภคสมัยใหม่ได้อย่างแท้จริง​ สำหรับ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของช้างขวดเขียวก็คือ ผู้บริโภคยุคดิจิตอล จึงได้มีการปรับเปลี่ยน Positioning ของแบรนด์ เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับการสังสรรค์ในกลุ่มเพื่อนฝูง นอกจากนี้ มร. เอ็ดมอนด์ได้เล่าถึงอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ในลุคใหม่ คือการ “Streamline” ผลิตภัณฑ์ทุกแขนงอันได้แก่ ช้างคลาสสิค ช้างดราฟท์ ช้างเอกซ์พอร์ต และช้างไลท์ ให้ควบรวมเหลือเป็น “ช้างคลาสสิค” เพียงหนึ่งเดียว เพื่อให้สามารถสื่อสารกับผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด “ในประเทศไทย การสื่อสารทางการตลาดของผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ไม่ใช่เรื่องง่าย หากมีไลน์ผลิตภัณฑ์เยอะ อาจไม่สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความสับสนในกลุ่มผู้บริโภค หลังจากการ Streamline ผลิตภัณฑ์ทำให้เราสามารถสื่อสารกับผู้บริโภคได้อย่างชัดเจน ทำให้กลุ่มเป้าหมายเข้าใจในแบรนด์ช้างดียิ่งขึ้น” สำหรับเรื่อง “ราคา” มร. เอ็ดมอนด์ มองว่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์และคุณภาพที่พรีเมียมของช้างขวดเขียว “เราต้องการให้ผู้บริโภคเลือกเรา เพราะเขาเชื่อและชอบแบรนด์เรา ไม่ใช่เพราะเขามองว่าเราเป็นเบียร์ราคาถูก” ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี ด้วยพลังของ “สี” และ “รสชาติ” และการวิเคราะห์ตลาดที่เฉียบคม มร. เอ็ดมอนด์ ได้นำพาเบียร์ช้างให้ประสบความสำร็จทั้งในด้านธุรกิจและการครองใจผู้บริโภคยุคใหม่จากผลสำรวจ “สุขภาพของแบรนด์” ของ IPSOS (อิปซอสส์) บริษัทวิจัยระดับโลกด้านสื่อและการวิจัยตลาดพบว่า “ช้างขวดเขียว” ได้ขึ้นแท่น TOMA (Top of Mind) ไม่ใช่แค่ Awareness แต่ยังรวมถึงการครองใจผู้บริโภคอย่างเต็มภาคภูมิสำหรับการปฏิวัติพลิกโฉมผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในตลาดมานานอย่างช้างนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายและหลายคนอาจมองว่าเป็น “ความเสี่ยง” แต่ มร. เอ็ดมอนด์มองว่าเป็น “โอกาส” โดยมีเคล็ดลับในการประสบความสำเร็จ คือความเชื่อมั่นในศักยภาพของ “ผลิตภัณฑ์” และศักยภาพของ “บุคลากร” เป็นจุดสำคัญ หากย้อนกลับไปในปี พศ. 2541 หลายคนอาจจำกันได้ถึงความภาคภูมิใจของชาวไทย เมื่อ “เบียร์ช้าง” ได้รับรางวัลเหรียญทองจากการประกวดเบียร์นานาชาติที่ประเทศออสเตรเลีย จึงเป็นที่รู้จักและได้รับการขนานนามอย่างเต็มภาคภูมิว่า “เบียร์เหรียญทองระดับโลกของไทย” “เบียร์ช้าง เป็นผลิตภัณฑ์ที่ครองใจผู้บริโภคทั้งในไทยและในระดับสากลตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เพราะแบรนด์เรามีการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ในทุกยุคสมัย” “ในการทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จได้นั้น เราต้องเริ่มจากความเชื่อมั่นของบุคลากรภายในองค์กร ต้องมีการสร้างความเข้าใจในกลุ่มพนักงานทุกระดับ เพื่อให้ทุกคนมองเห็นวิสัยทัศน์และภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ และร่วมกันนำพาช้างขวดเขียว สู่ความสำเร็จตามเป้าหมายองค์กร” สำหรับเป้าหมายในอนาคต มร. เอ็ดมอนด์กล่าวว่า เขาจะนำพา “เบียร์ช้าง” ให้ก้าวเดินต่อไปอย่างเต็มภาคภูมิ ตาม “วิสัยทัศน์ 2020” โดยจะมีนวัตกรรมใหม่ๆ และความคิดสร้างสรรค์ที่อยู่นอกกรอบ เพื่อสร้างความตื่นเต้นแปลกใหม่ และเดินหน้าตอกย้ำแบรนด์ “ช้าง” ยุคใหม่ที่มีความพรีเมียมทันสมัยครองใจผู้บริโภคยุคใหม่อย่างแท้จริง