บริษัท ไอชิน เอเซีย (ประเทศไทย) หรือ AISIN เร่งเครื่องรุกตลาดชิ้นส่วนอะไหล่ทดแทนในประเทศไทย เปิดตัวไลน์อัปแบตเตอรี่รองรับรถสันดาปและไฮบริด 3 รุ่นใหม่ พร้อมตั้งเป้ายอดขายแบตเตอรี่ทั้ง 3 รุ่น 80,000 ลูกภายใน 3 ปี
โซอิจิ ซาโตะ ประธานบริษัท ไอชิน เอเซีย (ประเทศไทย) เผยว่า แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคนี้จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า แต่กลุ่มรถยนต์สันดาปและไฮบริดยังเป็นเซกเมนต์หลักที่กำหนดทิศทางของตลาดชิ้นส่วนอะไหล่ทดแทน โดยเฉพาะในไทยที่มีฐานรถยนต์สะสมกว่า 21 ล้านคัน ทำให้ดีมานด์ตลาด Aftermarket ในประเทศยังขยายตัวต่อเนื่อง และเป็นโอกาสสำคัญต่อการเติบโตของแบรนด์ AISIN ในระยะยาว
โดยธุรกิจ Aftermarket นับเป็นหนึ่งในธุรกิจของกลุ่ม AISIN ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อพอร์ตโฟลิโอของบริษัทในภูมิภาค โดยเรามีฐานการผลิตชิ้นส่วนและธุรกิจอะไหล่ทดแทนที่แข็งแรงในอาเซียน ซึ่งทำให้เรามีความพร้อมทั้งด้านไลน์ผลิตภัณฑ์ เครือข่ายการจำหน่าย และความสามารถในการผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการใช้รถจริงในแต่ละประเทศได้อย่างรวดเร็ว

พฤทธิ์ ตีระรัตน์ รองประธานบริษัท ไอชิน เอเซีย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การดำเนินงานปี 2568 ถือเป็นก้าวสำคัญของ AISIN Aftermarket ด้วยนโยบายการทำตลาด จากการยกระดับธุรกิจไปสู่ ศูนย์อะไหล่ทดแทนที่ครบวงจร หรือ Affordable part mall ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ใช้รถ
ปีนี้ ไอชิน ได้เพิ่มรายการสินค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องกว่า 200 รายการ รองรับรถยนต์หลากหลายรุ่นในตลาดประเทศไทย พร้อมมุ่งเน้นคุณภาพสินค้าที่ได้มาตรฐานและราคาเข้าถึงง่าย มอบความคุ้มค่าสูงสุดให้แก่ผู้ซื้อ สร้างประสบการณ์การเลือกซื้อที่สะดวกเหมือนเดินห้าง ด้วยแนวคิด ครบ จบ ในที่เดียว และสร้างความน่าเชื่อถือให้ AISIN เป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคนึกถึงเป็นอันดับแรกเมื่อต้องการหาอะไหล่ทดแทนในราคาที่จับต้องได้ ส่งผลให้ภาพรวมยอดขายในช่วง 3 ไตรมาสของปีนี้เพิ่มขึ้น 15% สะท้อนศักยภาพของไอชินในการทำตลาดอะไหล่ทดแทนในประเทศไทย โดยกลุ่มที่มียอดขายโดดเด่นเห็นได้ชัด 3 อันดับ ได้แก่ กลุ่มสินค้าคลัทช์ น้ำมันหล่อลื่น และปั๊มน้ำ

ส่วนแผนปี 2569 บริษัทยังคงเน้นสร้างแบรนด์ภายใต้แนวคิด ‘คุณภาพต้องมาก่อน’ เพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค ขณะเดียวกัน บริษัทเดินหน้าเสริมแกร่งพอร์ตผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเปิดตัวผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่ 12 โวลต์ จำนวน 3 รุ่น ที่เป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัท และในอนาคตยังมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์เทรนด์อุตสาหกรรมยานยนต์ไฮบริดและรถไฟฟ้าอีกด้วย
ปีนี้เป็นปีที่ตลาดอะไหล่มีความเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยภายนอกหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ ภัยพิบัติและน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ รวมถึงต้นทุนต่างๆ ที่สูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ใช้รถจำนวนมากเลือกซ่อมบำรุงรถเดิมแทนการซื้อรถใหม่ ซึ่งเป็นตัวเร่งให้ตลาดอะไหล่ชิ้นส่วนทดแทนเติบโตต่อเนื่องในทุกเซกเมนต์ โดยเฉพาะกลุ่มรถกระบะและรถใช้งานเชิงพาณิชย์ที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศและสภาพถนน ทำให้เกิดดีมานด์ในส่วนอุปกรณ์ทดแทนมากขึ้น ซึ่งตรงกับความเชี่ยวชาญของ AISIN ในการนำเสนออะไหล่คุณภาพ OEM ที่สามารถรองรับการใช้งานหนักในสภาพการขับขี่ของประเทศไทยได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
จิตติ สุขพูล ผู้จัดการอาวุโสแผนกการตลาด บริษัท ไอชิน เอเซีย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดแบตเตอรี่รถยนต์ในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตที่ดี โดยคาดว่าจะมีอัตราขยายตัวเฉลี่ยปีละ 17% ระหว่างช่วงปี 2566-2573 จากนโยบายภาครัฐในการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า และฐานกลุ่มผู้ใช้รถยนต์สันดาปยังคงเป็นตลาดที่มีเสถียรภาพจากฐานรถเก่าในท้องถนน จึงเป็นโอกาสบริษัทในการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์สู่ตลาดแบตเตอรี่ โดยได้เปิดตัวและวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่ขนาด 12 โวล์ต ภายใต้แบรนด์ ไอชิน จำนวน 3 รุ่น ที่ครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์เครื่องยนต์สันดาป จนถึงรถสมรรถนะสูงในกลุ่มไฮบริด ตอบโจทย์ทุกการใช้งานและพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ใช้รถ ประกอบด้วย
ไอชิน SMF รุ่น Endurance Pro: แบตเตอรี่ชนิดไม่ต้องเติมน้ำกลั่น ออกแบบมาเพื่อความทนทาน ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ที่มีคุณสมบัติการรับกระแสไฟชาร์จเข้าที่ดี เพื่อมอบประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และสะดวกสบายสูงสุด พร้อมสตาร์ททุกครั้งทั้งระยะใกล้-ไกล เหมาะสำหรับผู้ใช้รถยนต์ทั่วไปที่ต้องการความเสถียร
ไอชิน EFB รุ่น Endurance Pro+ : แบตเตอรี่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้ของรถยนต์ในยุคใหม่ที่มีระบบ Start-Stop ที่ให้พลังงานสม่ำเสมอมีความเสถียร ปลอดภัยด้วยระบบซีลเขาวงกต ยืดอายุการงานให้ยาวนานยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ที่ต้องการความมั่นใจในทุกการสตาร์ทและการขับขี่ในเมืองที่ต้องการพลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง
ไอชิน AGM รุ่น Supreme-x: แบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่อรองรับเทคโนโลยีรถยนต์สมัยใหม่ ส่งมอบพลังงานที่มั่นคง ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแม้ไฟไม่เต็ม (PSOC) ปลอดภัยและทนทาน รองรับกระแสไฟชาร์จได้ทุกสภาวะ เหมาะสำหรับรถที่มีระบบ Start-Stop ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงาน และยืดอายุการใช้งานของระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์ไฮบริด

“แม้ตลาดจะมีความท้าทายจากการแข่งขันที่มีผู้เล่นรายใหญ่ แต่ยังมีช่องว่างทางการตลาดให้เราเข้าเจาะตลาด โดยเราจะนำเสนอจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ในด้านของคุณภาพและราคาที่เข้าถึงง่าย เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้งาน โดยตั้งเป้ายอดขายแบตเตอรี่ในปี 2569 ประมาณ 20,000 ลูก และภายใน 3 ปีข้างหน้าจะเพิ่มเป็น 60,000-80,000 ลูก และในอนาคตมีแผนพัฒนาแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฮบริดและไฟฟ้าเพิ่มเติมเพื่อขยายธุรกิจสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่อีกด้วย” จิตติ กล่าวปิดท้าย
ภาพ : AISIN
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : SAMSUNG เตรียมขนทัพเครื่องใช้ไฟฟ้า AI โชว์จัดเต็มในงาน CES 2026 ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา 6-9 ม.ค. 2569
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine

