เทียบฟอร์ม ‘4 ค้าส่ง’ ในมือทุนใหญ่ไทย ศึกที่ไม่มีใครยอมใคร - Forbes Thailand

เทียบฟอร์ม ‘4 ค้าส่ง’ ในมือทุนใหญ่ไทย ศึกที่ไม่มีใครยอมใคร

ดูเหมือนว่าวงการ “ค้าปลีก-ค้าส่ง” จะเป็นสมรภูมิที่บรรดาทุนใหญ่ไทยไม่มีใครยอมใคร เพราะนอกจากแต่ละรายจะมีค้าปลีกมาประชันกันอยู่แล้วตั้งแต่ร้านสะดวกซื้อไปจนถึงซูเปอร์มาร์เก็ต/ไฮเปอร์มาร์เก็ต ล่าสุดก็ขยับมาประชันกันในสนามค้าส่ง หลังจากที่เมืองไทยนั้นมี “แม็คโคร” แห่งกลุ่มซีพีของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ เป็นเจ้าตลาดมายาวนาน


    เริ่มตั้งแต่ Big C ของกลุ่มไทยเบฟของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ที่ก่อนหน้านี้ในปี 2563 เปิดตัวโมเดลค้าส่งในชื่อบิ๊กซี ดีโป้ (Big C Depot) โดยมุ่งเน้นที่ทำเลอำเภอรองในต่างจังหวัด และมีลูกค้าเป้าหมายคือกลุ่มผู้ประกอบการ (B2B) อย่างเช่น ร้านค้าปลีก หรือมินิมาร์ทท้องถิ่น

    ก่อนที่ต่อมาจะเปิดค้าส่งอีกโมเดลคือ “บิ๊กซี ฟู้ด เซอร์วิส” (Big C Food Services: BCFS) ซึ่งขายทั้งค้าปลีก-ค้าส่ง โดยเน้นสินค้าในกลุ่มอาหารโดยเฉพาะอาหารสดให้แก่ผู้ประกอบการและลูกค้าทั่วไป โดยปัจจุบันให้บริการ 6 สาขา ได้แก่ สาขาปาล์มไอส์แลนด์, โชคชัย 4, เมืองทองธานี, เอกชัย, บางนา และสนามบินน้ำ

    ฟากฝั่ง “กลุ่มเซ็นทรัล” เจ้าแห่งอาณาจักรที่ครอบคลุมทั้งศูนย์การค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ ล่าสุดในช่วงปลายปีที่แล้ว “เซ็นทรัล รีเทล” ก็เปิดเกมท้าชนแม็คโครด้วยการลุยธุรกิจค้าส่งอย่างเต็มตัว เปิดตัว “GO Wholesale” ค้าส่งที่เน้นสินค้าวัตถุดิบอาหารทั้งในไทยและนำเข้า

    ที่น่าสนใจคือกลุ่มเซ็นทรัลนั้นได้ตัว “สุชาฎา อิทธิจารุกุล” อดีตแม่ทัพแม็คโครที่นำการบริหารงานมานานกว่า 27 ปี เข้ามากุมบังเหียนค้าส่งของ CRC โดยปัจจุบัน Go Wholesale ให้บริการแล้ว 5 สาขา ได้แก่ ศรีนครินทร์, เชียงใหม่, อมตะ ชลบุรี, พัทยาใต้ และพระราม 2 และตั้งเป้าว่าภายในปี 2567 จะเปิดให้บริการครบ 11 สาขา

    ขณะที่ทุนใหญ่อีกรายที่เข้ามาเล่นในสนามค้าปลีกก็คือ “กลุ่มคาราบาว” ของ “เสถียร เสถียรธรรมะ” ที่ในปี 2556 เข้าซื้อกิจการ CJ Express ซึ่งหลังจากนั้นก็เดินหน้าขยายสาขา ปรับโมเดลใหม่สู่ CJ More ที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านสะดวกซื้อจนเรียกว่าเป็น “ศูนย์การค้าขนาดเล็กในชุมชน” ก็ว่าได้

    และล่าสุดคือการกระโดดเข้ามาเล่นในวงการค้าส่งด้วยการเปิดตัว “CJx” ที่เป็นทั้งค้าปลีกและค้าส่งในร้านเดียวกัน ซึ่งหมายถึงการมีทั้งขายปลีกและขายสินค้าแบบยกแพ็กให้ร้านโชห่วยนำไปขายต่อ โดยเน้นทำเลไปที่ใกล้บ้าน หรือใกล้แหล่งชุมชนในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นกลยุทธ์เดิมที่ CJ More ใช้นั่นเอง


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : จาก Tops CLUB สู่ Go Wholesale เปิดแล้วค้าส่ง “บิ๊กไซส์” บนพระราม 2

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine