เปิด 4 ธุรกิจ “กลุ่มพูลผล” อาณาจักร 60,000 ล้านบาท เจ้าของน้ำมันกุ๊ก วุ้นเส้นต้นสน และฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต - Forbes Thailand

เปิด 4 ธุรกิจ “กลุ่มพูลผล” อาณาจักร 60,000 ล้านบาท เจ้าของน้ำมันกุ๊ก วุ้นเส้นต้นสน และฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต

รู้หรือไม่ว่าน้ำมันกุ๊ก, วุ้นเส้นต้นสน รวมถึงศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต และสเปลล์ มีเจ้าของคนเดียวกันนั่นก็คือ “กลุ่มพูลผล” กลุ่มตระกูลคหบดีเก่าตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 อย่าง “ตระกูลหวั่งหลี” โดยกลุ่มพูลผลดำเนินธุรกิจในไทยมา 83 ปีแล้ว


    และปี 2567 กลุ่มพูลผล ประสบความสำเร็จไปด้วยรายได้รวม 60,000 ล้านบาท หลักๆ มาจาก 4 กลุ่มธุรกิจที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้

    โดย 4 กลุ่มธุรกิจหลัก อาณาจักรกลุ่มพูลผล มีดังต่อไปนี้

    1.ธุรกิจการเกษตร เรียกได้ว่ากลุ่มพูลผลเป็นผู้นำในการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์เกษตรไทย ผ่านแบรนด์ต่างๆ ที่ได้รับการยอมรับเป็นวงกว้างทั้งจากในและต่างประเทศ ประกอบด้วย

    -น้ำมันพืชกุ๊ก โดย บริษัท ธนากรผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช จำกัด ซึ่งปัจจุบันมีโปรดักต์ทั้งน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันทานตะวัน และน้ำมันคาโนลา ทั้งยังก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจโรงสกัดน้ำมันพืชในระดับอาเซียน ที่ขยายกำลังการผลิตรองรับการเติบโตของตลาดเอเชีย โดยขยายตลาดส่งออกไปมากกว่า 15 ประเทศในเอเชีย รวมถึงออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

    นอกจากน้ำมันพืช ยังมีผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ “กากถั่วเหลือง” แหล่งโปรตีนที่สำคัญของอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งหล่อเลี้ยงอุตสาหกรรมอาหารในภูมิภาค


    -วุ้นเส้นต้นสน โดย บริษัท สิทธินันท์ จำกัด ความโดดเด่นคือ เป็นวุ้นเส้นที่ผลิตจากแป้งถั่วเขียว 100% มีแบบไม่ฟอกสีซึ่งจะมีสีเขียวธรรมชาติจากเปลือกถั่วเขียว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แตกต่างจากคู่แข่งในตลาด พร้อมคุณสมบัติดัชนีน้ำตาลต่ำ (Low GI) เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพและผู้บริโภคยุคใหม่

    นอกจากความแข็งแกร่งในประเทศ ยังได้ขยายการส่งออกไปยัง ญี่ปุ่น เกาหลี อเมริกา ยุโรป และตะวันออกกลาง นอกจากนี้ ยังต่อยอดความสำเร็จด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มซอสและเครื่องปรุง “น้ำจิ้มสุกี้” และ “ซอสผัดไทย” ด้วย

    -เอสเอ็มเอส กรุ๊ป พัฒนาแป้งมันสำปะหลังดัดแปร (Modified Tapioca Starch) ซึ่งมีจุดเด่นคือสามารถตอบสนองความต้องการได้หลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมอาหาร เพื่อปรับปรุงเนื้อสัมผัสและความคงตัวของผลิตภัณฑ์อาหาร, อุตสาหกรรมยา ช่วยในการยึดเกาะตัวยา ปรับปรุงการไหลของผงยา และเพิ่มความคงตัวของยาในยาเม็ดและแคปซูล, อุตสาหกรรมพลาสติกย่อยสลายได้ เพื่อต่อยอดในการผลิตบรรจุภัณฑ์อาหาร ถุงพลาสติก และผลิตภัณฑ์พลาสติกใช้แล้วทิ้งต่างๆ ซึ่งสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ปัจจุบันส่งออกไปกว่า 70 ประเทศทั่วโลก

    2.ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ภายใต้บริษัท ซี.อี.เอส. จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจมายาวนานมากกว่า 60 ปี ร่วมสร้างและพัฒนาโครงการและแลนด์มาร์คสำคัญของไทย ประเภทอาคารสำนักงานชั้นนำ โรงแรมระดับอัลตร้าลักชัวรี่ โรงเรียนนานาชาติ ศูนย์การค้าชั้นนำ ศูนย์ประชุมงานนิทรรศการ ไปจนถึงโกดังคลังสินค้าที่รองรับระบบ ASRS หรือ การจัดเก็บเบิกจ่ายสินค้าอัตโนมัติ ทำให้การจัดการคลังสินค้ามีประสิทธิภาพสูงสุด โดยปีนี้ได้ประกาศแผนยุทธศาสตร์ในการรุกตลาด (New Growth Potential) ด้วยการขยายธุรกิจออกแบบสถาปัตยกรรม พร้อมตั้งเป้ารายได้ 4,000 ล้านบาทภายในปี 2570

    3.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพทย์ด้วยระบบมาตรฐานสากล ด้วยโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่บนที่ดินกว่า 600 ไร่ ภายใต้ชื่อ “Future City Rangsit” ซึ่งเป็นมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ที่ครบครันในย่านรังสิต-ปทุมธานี ประกอบด้วย ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์คและสเปลล์ มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ขึ้นชื่อว่าเป็นมหานครค้าปลีก มีร้านค้ารวมกว่า 1,000 ร้าน บนพื้นที่ 600,000 ตารางเมตร

    นอกจากนี้ยังมีโรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ตลอดจนสำนักงานออฟฟิศมาตรฐานสากล โรงพยาบาล ร้านอาหารชั้นนำ ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร และสปอร์ตคอมเพล็กซ์


    มากไปกว่านั้น ยังได้แผ่ขยายพื้นที่ครอบคลุมไปยังฝั่งโซนตลาดสดวิถีไทย หรือ “ตลาดรังสิต” ค้าปลีกยักษ์ใหญ่ใจกลางรังสิต ที่มีแผงค้าให้จับจ่ายใช้สอยมากถึง 2,200 แผง พร้อมด้วยที่พักอาศัยมากกว่า 700 ยูนิต ทั้งมี Rangsit Hub ท่ารถตู้โดยสารและการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะอย่างครบวงจร ถือว่าเป็นการลงทุนศักยภาพสูงสุดหนึ่งเดียวในโซนกรุงเทพตอนเหนือ ที่ผ่านการพัฒนาพื้นที่อย่างต่อเนื่อง 4 ปี

    นอกจากนี้ยังมีธุรกิจบริการบริหารจัดการอาคารทุกประเภท เป็นตัวแทนจัดหาผู้ซื้อ-ผู้เช่าอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท ซ่อมบำรุง รักษาความสะอาด ด้วยคุณภาพมาตรฐานงานบริการ ISO 9001:2000 และ ISO 9001:2015

    และ 5.ธุรกิจคลังสินค้าและโลจิสติกส์ โดยบริษัท พูลพิพัฒน์ จำกัด ให้บริการท่าเรือและคลังสินค้า ในทำเลยุทธศาสตร์ รวม 7 สาขาทั่วประเทศ ที่พร้อมขยายเครือข่ายมอบบริการครบวงจร การลงทุนล่าสุดได้มีการเปิด คลังสินค้าใหม่ แหลมฉบัง 1-2 เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในพื้นที่เศรษฐกิจ


    และบริษัท พูลอุดม จำกัด เน้นนำอุปกรณ์เครื่องมือขนถ่ายสินค้าแบบไฟฟ้ามาใช้ในกระบวนการทำงาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพที่แม่นยำและลดการใช้พลังงานฟอสซิลที่ตอบโจทย์กับโลกปัจจุบันใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งกลุ่มธุรกิจนี้มีหมุดหมายสำคัญในการหาพันธมิตรที่มีศักยภาพควบคู่กับจริยธรรม เพื่อก่อให้เกิดช่องทางการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มเติมในอนาคต

    ดนัยธนิต พิศาลบุตร กรรมการผู้จัดการ กลุ่มพูลผล เปิดเผยว่า จากความมุ่งมั่นของ “กลุ่มพูลผล” ดำเนินธุรกิจเคียงคู่สังคมไทย โดยร่วมพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศไทยตลอดระยะเวลากว่า 83 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางการเติบโตของธุรกิจที่ขยายตัวรองรับความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยและคู่ค้า

    ในปี 2567 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่กลุ่มพูลผล ประสบความสำเร็จไปอีกขั้นด้วยรายได้กว่า 60,000 ล้านบาท จาก 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มได้อย่างตรงจุด พร้อมต่อเนื่องความสำเร็จในปีนี้ โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตที่ดีของเกษตรกรไทย มุ่งพัฒนาสินค้าบริการและสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่กลุ่มผู้บริโภค และการบริหารงานด้วยความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจถือเป็นสำคัญ

    โดยแผนกลยุทธ์หลักในปีนี้ “กลุ่มพูลผล” ชูแผน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก จากวิสัยทัศน์ผู้บริหาร ที่มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าและบริการ เพื่อความมั่นคงและเติบโตอย่างยั่งยืนให้ครอบคลุมทุกมิติสังคม ผู้บริโภคแและเศรษฐกิจไทย ด้วยจุดแข็งใน “ธุรกิจการเกษตร” ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจเรือธง

    และตามด้วย “ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์” กลยุทธ์ที่ผนึกความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มพูลผลด้วยการเน้นเป้าหมาย มอบความครบครันตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในปัจจุบัน

ดนัยธนิต พิศาลบุตร กรรมการผู้จัดการ กลุ่มพูลผล


    “ปัจจุบันกลุ่มพูลผล มีการส่งออกกลุ่มการเกษตร โดยเฉพาะแป้งมันสำปะหลังดัดแปร ซึ่งครอบคลุมกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ กลุ่มนี้สามารถนำรายได้เข้าประเทศกว่า 80% โดยมีการขยายฐานการส่งออกเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวเทียบกับช่วงที่ผ่านมาจากนโยบายของภาครัฐ ที่มีการพัฒนาโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมในการขยายเพิ่มคลังสินค้าเพื่อรองรับการขยายตัวดังกล่าว”

    ดนัยธนิต บอกอีกว่า กลุ่มพูลผลประสบความสำเร็จด้วยวิสัยทัศน์ และค่านิยมของกลุ่มฯ ที่ยึดมั่นในวัฒนธรรมองค์กร ด้านความซื่อสัตย์สุจริตการทำงานให้ถูกต้อง ซึ่งเป็นรากฐานของทุกบริษัทในเครือ โดยเป็นหัวใจสำคัญของที่คณะผู้บริหารและประธานของกลุ่มฯ ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง

    ไม่เพียงพนักงานภายในองค์กรเท่านั้น แต่เป็นเรื่องที่ปฏิบัติต่อกลุ่มลูกค้าและคู่ค้าธุรกิจ ทั้งการสร้างผลตอบแทน ทิศทางดำเนินงานที่สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อน “กลุ่มพูลผล” เดินหน้าจนได้รับความเชื่อมั่นและเสียงชื่นชมจากลูกค้าและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

    “ความสำเร็จของธุรกิจไม่ได้วัดจากการเติบโตระยะสั้นเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถปรับตัวยืนหยัดในระยะยาว เพราะเรามองความยั่งยืนสร้างฐานสู่อนาคตเพื่อคนรุ่นต่อไป” ดนัยธนิต กล่าว



กราฟิกโดย: ธัญวดี นิรุตติศาสตร์

ภาพ: กลุ่มพูลผล



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : สุจินต์ หวั่งหลี สืบสานธุรกิจยุคใหม่ เน้นนวัตกรรมต่อยอดสินค้าเกษตรไทย

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine