เบทาโกรวางเป้ารายได้ปี 2560 แตะ 1 แสนล้านบาท โตควบคู่ตลาดในและต่างประเทศ ขยายจุดขายเบทาโกร ช็อป 200 สาขา ตั้งศูนย์นวัตกรรมคิดค้นเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า ด้านตลาดส่งออกกระทบจากค่าเงินบาทแข็ง-เน้นเปิดตลาดใหม่ส่งออกไก่สู่ UAE-บาห์เรน
ณรงค์ชัย ศรีสันติแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร สายงานปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจอาหาร
เครือเบทาโกร เปิดเผยว่า ปี 2560 นี้บริษัทมีเป้าหมายรายได้รวม 1 แสนล้านบาท เติบโตประมาณ 10% จากรายได้ปีก่อน 9 หมื่นล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้แบ่งเป็นจากตลาดในประเทศ 80% และต่างประเทศอีก 20%
มองว่าปีนี้การเติบโตภายในประเทศจะมาจากการขยายสาขาของ
เบทาโกร ช็อป จากเดิมมีประมาณ 160-170 สาขา เพิ่มขึ้นเป็น 200 สาขาซึ่งจะช่วยให้เข้าถึงลูกค้า B2C มากขึ้น
พร้อมกับบริษัทมีการลงทุน
Food Innovation Center มูลค่าประมาณ 60 ล้านบาท ซึ่งช่วยตอบโจทย์ในฐานะ Food Solution ให้ลูกค้า ตามนโยบาย
“เป็นคู่คิดให้กับคู่ค้า” โดยศูนย์นี้จะรวบรวมบุคลากรมาพัฒนาสินค้าใหม่และบรรจุภัณฑ์ใหม่ เป็นคู่คิดพัฒนาเมนูอาหารที่ทำจากวัตถุดิบของเบทาโกรเพื่อให้ภัตตาคารหรือโรงแรมได้นำไปจำหน่ายช่วยเพิ่มความหลากหลายของเมนูอาหารให้กับคู่ค้า ซึ่งจะทำงานร่วมกับฝ่ายขายและ CRM (Customer Relationship Management) เพื่อตอบสนองความต้องการสูงสุด
ส่วนนวัตกรรมด้านอาหารเพื่อให้ตรงกับเทรนด์ความต้องการอนาคต ณรงค์ชัยกล่าวว่า เบทาโกรร่วมกับหน่วยงานสถาบันการศึกษาและโรงพยาบาล อยู่ระหว่างคิดค้นอาหารเพื่อผู้สูงอายุโดยเฉพาะ นอกจากนี้จะพัฒนาผลิตภัณฑ์แบบกึ่งสำเร็จรูป สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกรวดเร็วแต่ยังชื่นชอบการทำอาหารด้วยตนเอง เป็นโจทย์ที่จะทำให้เบทาโกรมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้น
ณรงค์ชัยกล่าวต่อว่า
สำหรับตลาดส่งออกปีนี้ยอมรับว่ามีผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่อนข้างมาก โดยเฉพาะตลาดยุโรปซึ่งประสบภาวะราคาตกต่ำมากว่า 2 ปี เมื่อเงินบาทแข็งค่าขึ้นทำให้รายได้จากการส่งออกลดลง ซึ่งบริษัทจะเน้นลดต้นทุนการผลิตของตนเองอย่างต่อเนื่องเพื่อลดผลกระทบ
และจะรุกตลาดใหม่ในแถบตะวันออกกลาง จากเดิมที่ตลาดหลักอยู่ในประเทศญี่ปุ่นและทวีปยุโรป
โดยเบทาโกรเริ่มทำตลาดแล้วที่ดูไบและอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และประเทศบาห์เรน มีการส่งออกสินค้าประเภทยากิโทริ ของทอด และไก่สด สู่ตลาดเหล่านี้
“ตอนนี้บริษัทพยายามเจาะตลาดตะวันออกกลางเป็นอย่างมาก เพราะมองว่ามีจำนวนประชากรมหาศาล อาหารที่รับประทานเป็นจำพวกเนื้อวัว เนื้อแกะ และเนื้อไก่ ซึ่งเป็นโอกาสทางการค้า ถึงแม้เศรษฐกิจในภูมิภาคนี้จะถดถอยลงบ้างจากภาวะราคาน้ำมันต่ำลง แต่เชื่อว่าความต้องการบริโภคไก่ยังสูงอยู่ เพียงแต่การทำตลาดจะมีความพิเศษเพราะเป็นประเทศมุสลิม ทำให้ต้องเตรียมสินค้าที่คุณสมบัติเหมาะสมถูกต้องตามหลักศาสนา” ณรงค์ชัยกล่าว
ด้านการลงทุนจะมีการลงทุนอีกแน่นอนในปีนี้ เริ่มจากการตั้ง
ศูนย์ Central Kitchen ที่นวนคร จ.ปทุมธานี มูลค่าการลงทุน 750 ล้านบาท เพื่อเป็นศูนย์การตัดแต่งสินค้าก่อนส่งแพ็คจัดจำหน่ายและโรงคัดไข่ เริ่มตอกเข็มเดือนมิถุนายนนี้ คาดว่าแล้วเสร็จช่วงครึ่งปีหลังปี 2561
ส่วนในต่างประเทศ เบทาโกรจะขยายฟาร์มสุกรขนาด 3,000 แม่ ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ยังอยู่ระหว่างจัดหาที่ดิน ขยายจากเดิมที่บริษัทมีฟาร์มสุกรอยู่ 3,500 แม่ในพนมเปญและเสียมเรียบ