เอสซีจี เอ็กซ์เพรส เผยแผนธุรกิจปี 60 พร้อมตั้งเป้ายอดขาย 1,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี
เอสซีจี เอ็กซ์เพรส เปิดแผนธุรกิจปี 60 รุกตลาดส่งด่วนเต็มรูปแบบ ตอบโจทย์กลุ่มธุรกิจรายย่อยส่งสินค้าในรูปแบบควบคุมอุณหภูมิ อาทิ อาหารแช่แข็ง ผลไม้ ยา และเครื่องสำอาง ลุยขยายศูนย์บริการเอสซีจี เอ็กซ์เพรส และตัวแทนรับพัสดุเอสซีจี เอ็กซ์เพรส อย่างต่อเนื่อง
“จากเทรนด์ตลาดการค้าออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ซ ที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยในปี 2559 ตลาดอีคอมเมิร์ซในรูปแบบค้าปลีกค้าส่ง มีมูลค่า 7 แสนล้านบาท เติบโตขึ้น 30% ส่งผลให้ความต้องการใช้บริการส่งพัสดุย่อยแบบเร่งด่วนมีแนวโน้มสูงขึ้นตามไปด้วย และนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2560 ที่ผ่านมา โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าที่ให้ความสนใจใช้บริการส่งพัสดุด่วนกว่า 150,000 ชิ้น ตลอดระยะเวลา 3 เดือน” นิธิ ภัทรโชค ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-ตลาดในประเทศ ธุรกิจ เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กล่าวและเสริมว่า
“ด้วยเทคโนโลยีและอุปกรณ์จากยามาโตะ กรุ๊ป ได้แก่ กล่องรักษาความเย็น ที่สามารถเก็บรักษาความเย็นได้นานถึง 12 ชั่วโมง ด้วยหลัก “530” คือ พัสดุควบคุมอุณหภูมิ ทุกชิ้นจะมีโอกาสสัมผัสกับอุณหภูมิปกติไม่เกิน 30 วินาที และจะถูกดำเนินการคัดแยกภายในระยะเวลา 5 นาที นับตั้งแต่เปิดกล่องรักษาความเย็น เพื่อให้ผู้บริการมั่นใจได้ว่าพัสดุถูกจัดเก็บภายใต้อุณหภูมิที่เหมาะสมจนส่งมอบถึงมือผู้รับ ทั้งนี้ผู้บริโภคสามารถส่งได้ทั้งพัสดุแบบแช่เย็น ที่ 0-8 องศาเซลเซียส สินค้าแช่แข็ง ที่อุณหภูมิต่ำกว่า -15 องศาเซลเซียส ตอบความต้องการลูกค้ากลุ่มธุรกิจรายย่อยที่ต้องการส่งสินค้าในรูปแบบควบคุมอุณหภูมิ โดยคาดการณ์ว่าตลาดนี้มีมูลค่ากว่า 1,300 ล้านบาท และยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดให้บริการ”
นิธิ ภัทรโชค ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-ตลาดในประเทศ ธุรกิจ เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง
ด้าน Chua Khing Seng กรรมการผู้จัดการ YAMATO ASIA PTE., LTD ผู้นำตลาดการขนส่งพัสดุย่อยประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพที่จะช่วยเพิ่มเครือข่ายทางธุรกิจบริการขนส่งพัสดุขนาดย่อยที่มีคุณภาพ บริษัทเชื่อมั่นว่าการจับมือกับเอสซีจี จะสามารถให้บริการขนส่งที่มีคุณภาพให้กับทุกคนในประเทศไทยได้แน่นอน”
Chua Khing Seng กรรมการผู้จัดการ YAMATO ASIA PTE., LTD
ทิศทางการดำเนินธุรกิจของเอสซีจี เอ็กซ์เพรสในปี 2560 เน้นเดินหน้าสร้างการรับรู้ถึงจุดแข็งด้านคุณภาพในการให้บริการและความทันสมัยของระบบการจัดส่งพัสดุ เน้นสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ และการเพิ่มจุดรับพัสดุเอสซีจี เอ็กซ์เพรสอย่างรวดเร็ว เพื่อกระตุ้นให้เกิดการทดลองใช้ โดยเจาะไปยังกลุ่มเป้าหมายหลักคือ กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ (B2C) กลุ่มนักช้อปออนไลน์ และประชาชนทั่วไป (C2C)
ขณะเดียวกันเตรียมเปิดจุดรับบริการในกรุงเทพฯ และปริมณฑลต่อเนื่องตลอดปี โดยจะเปิดศูนย์บริการเอสซีจี เอ็กซ์เพรส (Service Point) เพิ่มอีก 4 สาขา ได้แก่ พื้นที่เขตรัชดาภิเษก, รังสิต, ปทุมวันและบางนา ทั้งยังเตรียมจับมือกับพันธมิตรเพื่อเปิดจุดบริการตัวแทนรับพัสดุเอสซีจี เอ็กซ์เพรส (Service Agent)
นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้องค์กรธุรกิจ หรือผู้ที่สนใจร่วมสมัครเป็นตัวแทนรับพัสดุเอสซีจี เอ็กซ์เพรส (Service Agent) ทั้งนี้ยังมีแผนในการรุกขยายพื้นที่ให้บริการไปพร้อมกับการพัฒนาคุณภาพ โดยตั้งเป้าขยายการให้บริการสู่ภาคตะวันออก, ภาคตะวันตก และภาคอีสานภายในปี 2560
พร้อมตั้งเป้าหมายขยายพื้นที่บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศภายในปี 2561 ด้วยการนำจุดแข็งที่มีของทั้ง 2 บริษัทมาประยุกต์ใช้ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายของเอสซีจี โลจิสติกส์ ที่มีบริการและจุดกระจายสินค้าอยู่ทั่วประเทศ และการใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญและบุคลากรจากยามาโตะ กรุ๊ป