ห้างเซ็นทรัลครบรอบ 70 ปี รุกหนักพัฒนาห้างหรูต่างประเทศ มุ่งเป้ารายได้ 1.3 แสนล้านบาท ปรับกลยุทธ์เป็น Omnichannel สร้างแอพพลิเคชั่นช็อปออนไลน์-บริการส่วนบุคคล ทยอยปรับปรุงห้างเพิ่มพื้นที่ร้านอาหาร-บริการ ชะลอความเร็วเปิดสาขาใหม่
ยุวดี จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้า บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด เปิดเผยในโอกาสที่ห้างเซ็นทรัลครบรอบ 70 ปีว่า ตลอดระยะเวลาดำเนินงาน ห้างเซ็นทรัลมีการเติบโต ขยายจากประเทศไทยสู่ต่างประเทศตั้งแต่ปี 2554 เมื่อเข้าเทกโอเวอร์ห้าง la Rinascente เมือง Milan ประเทศอิตาลี เป็นแห่งแรก
ก่อนจะขยายไปในภูมิภาคยุโรปรวมเป็น 5 แห่ง ในเมืองที่ล้วนเป็นเมืองท่องเที่ยวและทำเลที่ตั้งห้างอยู่ในทำเลใจกลางเมืองทั้งสิ้น ได้แก่ Illum เมือง Copenhegen, Kadewe เมือง Berlin, Alsterhaus เมือง Hamburg และ Oberpollinger เมือง Munich ซึ่งในปีนี้จะมีห้างในยุโรปแห่งที่ 6 คือ la Rinascente สาขากรุง Rome เปิดบริการเดือนตุลาคมนี้
ยุวดีกล่าวว่า การรุกสู่ต่างประเทศเป็นส่วนสำคัญ ปัจจุบันรายได้จากห้างในต่างประเทศคิดเป็น 40% ของรายได้รวมของกลุ่มธุรกิจ และเพื่อต่อยอดการบริการ บริษัทได้เปิดตัวเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่น AVDM-Aux Villes Du Monde ซึ่งเปรียบเสมือนผู้ช่วยส่วนตัว (concierge) สำหรับลูกค้าในเมืองต่างๆ ที่ห้างเซ็นทรัลกลุ่ม Luxury Collection ตั้งอยู่ สามารถเข้ามาใช้บริการคำแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว จองร้านอาหาร ค้นหาและสั่งสินค้าที่ต้องการซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าในห้างเซ็นทรัลที่อยู่ในประเทศอื่นได้
สำหรับเป้าหมายรายได้กลุ่มธุรกิจปี 2560 ตั้งเป้า 1.3 แสนล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 10% ซึ่งมาจากการใช้จ่ายต่อคนที่เพิ่มขึ้น เพราะห้างเซ็นทรัลจะเริ่มมีการขยายสาขาลดลงในแต่ละปี จากปัจจุบันเซ็นทรัลเปิดสาขาใหม่ 1-2 สาขา/ปี และโรบินสัน 3-4 สาขา/ปี
ด้าน นิตย์สินี จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ร่วม บริษัท ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า เซ็นทรัลมีการรีแบรนด์และโลโก้ชื่อ Central กับตราดอกกุหลาบใหม่อีกครั้งให้ทันสมัยขึ้นรับกับโอกาสครบรอบ 70 ปี
และปรับกลยุทธ์ใหม่ทั้งออนไลน์-ออฟไลน์ เพื่อให้เชื่อมต่อการช็อปปิ้งให้เป็นช่องทางผสมผสาน (Omnichannel) โดยฝั่งออนไลน์ ห้างเซ็นทรัลปรับปรุงแอพพลิเคชั่น Central ใหม่จากแต่เดิมเป็นแอพฯให้ข้อมูลโปรโมชั่นและแคตตาล็อกสินค้า ขณะนี้ได้ปรับให้สามารถช็อปปิ้งออนไลน์ มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า และคัดสรรโปรโมชั่นแบบเฉพาะบุคคลตามการวิเคราะห์ Big Data ขององค์กร
ส่วนออฟไลน์ คือห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล มีการปรับปรุงโฉมใหม่มาอย่างต่อเนื่อง เช่น สาขาบางนา, ปิ่นเกล้า ที่ปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว และที่ยังอยู่ระหว่างปรับปรุง คือ สาขาพระราม 3, เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งมีการลงทุนกว่า 1,200 ล้านบาทในการปรับปรุง ลดพื้นที่ขายสินค้าลง 20% เพื่อเปลี่ยนเป็นพื้นที่ร้านอาหาร การบริการ และเทคโนโลยี เช่น ร้านทำผม ทำเล็บ ธนาคาร สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่
ยุวดี กล่าวเสริมว่า การค้าออนไลน์เป็นปัจจัยกระทบอย่างหนึ่งแต่ไม่ใช่ปัจจัยทั้งหมด อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้นิ่งนอนใจและมีการปรับตัวเพื่อให้เป็น Omnichannel ให้ลูกค้าค้นหาและสั่งสินค้าได้ไม่ว่าที่ไหน เป้าหมายเพื่อให้ยอดขายของทั้งบริษัทเติบโตไปด้วยกันทุกช่องทางจำหน่าย
"เซ็นทรัลอยู่คู่คนไทยมา 70 ปีแล้ว เรามีการปรับเปลี่ยนโฉมสินค้าและคอนเซปท์เสมอมา ครั้งนี้เราเปลี่ยนโลโก้ เปลี่ยนช่องทางจำหน่ายให้หลากหลาย มีบริการมากขึ้น เพราะห้างไม่ใช่แค่ขายของแล้ว แต่ต้องมาแล้วมีความสุข ได้เห็นอะไรใหม่ๆ ได้ความรู้ ได้รับการบริการที่ดี และทำให้ลูกค้าอยากกลับมาอีก" ยุวดีทิ้งท้าย