บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศผลการดำเนินงานปี 2559 คงอัตราการเติบโตสูงกว่าตลาดความงามต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 และเป็นบริษัทที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุด ด้วยยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทุกกลุ่มรวม 123 ล้านชิ้น คาดอัตราการเติบโตสูงกว่าตลาด 2 เท่าในปีนี้ มุ่งสู่การเป็นบริษัทความงามอันดับ 1 ของไทย
Nathalie Gerschtein Keraudy กรรมการผู้จัดการ ลอรีอัล (ประเทศไทย) เผยผลประกอบการปี 2559 ของ ลอรีอัล กรุ๊ป ซึ่งดำเนินธุรกิจความงามทั่วโลกว่า มีรายได้รวมกว่า 2.58 หมื่นล้านยูโร หรือราว 1 ล้านล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 2.3% มีปัจจัยจากการเน้นกลยุทธ์ “Beauty for All” นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้คนทั่วโลก และการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เน้นเทคโนโลยีและนวัตกรรม
สำหรับ ลอรีอัล (ประเทศไทย) ยังคงมีอัตราเติบโตสูงกว่าตลาดความงามต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ซึ่งตลาดความงามในไทยปี 2559 มีอัตราการเติบโตสูงกว่า 6.5% จากปีก่อนหน้า มีมูลค่ารวมกว่า 1.54 แสนล้านบาท โดยตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเติบโต 6.1% มีสัดส่วน 46% หรือราว 7 หมื่นล้านบาท ตลาดผลิตภัณฑ์เส้นผมเติบโต 6.3% มีสัดส่วน 19% หรือราว 2.9 หมื่นล้านบาท ตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเติบโต 7% มีสัดส่วน 14% หรือราว 2.1 หมื่นล้านบาท
กรรมการผู้จัดการ ลอรีอัล (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ซึ่งแบ่งเป็นดูแลผิวหน้า 83% และ ดูแลผิวกาย 17% ลอรีอัล (ประเทศไทย) ครองอันดับ 1 ในกลุ่มดูแลผิวหน้า โดยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งสิ้น 86 ตัวในปีที่แล้ว ด้าน ตลาดผลิตภัณฑ์เส้นผม ซึ่งแบ่งเป็นดูแลเส้นผม 83% เปลี่ยนสีผม 11% จัดแต่งทรงผม 4% และยืดดัดผม 1% บริษัทครองอันดับ 1 ในช่องทางร้านซาลอนและเติบโตเร็วที่สุดในช่องทางโมเดิร์นเทรด โดยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 150 ตัวในปีที่ผ่านมา ขณะที่ ตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ซึ่งแบ่งเป็นผิวหน้า 56% ริมฝีปาก 26% แต่งตา 17% และเล็บ 1% บริษัทครองอันดับ 1 ในช่องทางโมเดิร์นเทรด พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่รวม 552 ตัวในปีก่อน
ผู้บริหาร ลอรีอัล (ประเทศไทย) เผยถึงกลยุทธ์ปี 2560 เพื่อก้าวสู่บริษัทความงามอันดับ 1 ในประเทศไทยว่า เน้นการยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางและการเชื่อมต่อตลาดความงามกับโลกดิจิทัล อาทิ เปิด LINE Official Account ให้ 5 แบรนด์สินค้า ได้แก่ L’Oréal Paris, Maybelline New York, Biotherm, Lancôme และ Kiehl’s สร้างช่อง YouTube ให้แบรนด์ Maybelline New York รวมทั้งรุกช่องทางดิจิทัลอย่างเต็มที่ ด้วยการแต่งตั้งผู้อำนวยการฝ่ายดิจิทัลคนแรกของบริษัท สอดรับกับการเติบโตในช่องทางอี-คอมเมิร์ซของ ลอรีอัล กรุ๊ป ที่สร้างรายได้ 4.6% ของยอดขายรวมทั้งหมดในปี 2559 และปีที่ผ่านมา ช่องทางอี-คอมเมิร์ซของ ลอรีอัล (ประเทศไทย) ก็เติบโตสูงกว่า 169% ปีนี้บริษัทจะเน้นทำการตลาดออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มของตัวเองมากขึ้น และเน้นทำการตลาดร่วมกับคู่ค้าที่เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เช่น Lazada, Konvy, Zalora, 11street เป็นต้น ให้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
“ขณะนี้อาจเร็วเกินไปที่จะทำนายตลาดความงามในเมืองไทยว่าจะมีมูลค่าเท่าไร แต่ลอรีอัล (ประเทศไทย) คาดว่าปีนี้เราจะยังคงอัตราการเติบโตสูงกว่าตลาดได้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 โดยคาดว่าจะโตสูงกว่าตลาดเป็น 2 เท่า ซึ่งจากไตรมาสแรกของปีนี้ที่เราเริ่มต้นได้ดีมาก ทำให้มั่นใจว่าจะสร้างการเติบโตที่ดีได้ตลอดปีเช่นที่วางเป้าหมายไว้ แม้ว่าเศรษฐกิจของไทยอาจไม่ได้ดีนักก็ตาม” กรรมการผู้จัดการ ลอรีอัล (ประเทศไทย) กล่าว