“ไอคอนสยาม” ครบรอบ 1 ปี ประกาศความสำเร็จเป็น Game Changer เศรษฐกิจแห่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา-ธนบุรี เตรียมทุ่ม 300 ล้านจัด 10 อีเวนต์ส่งท้ายปี
ชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม กล่าวระหว่างงานแถลงข่าวฉลองครบรอบ 1 ปีโครงการไอคอนสยามว่า ไอคอนสยามมีความภูมิใจที่ในวันนี้ได้บรรลุภารกิจตามวิสัยทัศน์ที่ประกาศไว้เมื่อ 7 ปีก่อนแล้วทุกประการ และได้พิสูจน์แล้วว่าไอคอนสยามเป็น Game Changer Destination ที่สามารถสร้างศูนย์กลางทางธุรกิจและการท่องเที่ยวกลางเมืองของกรุงเทพฯ ในโซนริมแม่น้ำเจ้าพระยาและฝั่งธนบุรี และร่วมมอบประโยชน์ให้กับคนในสังคมทั่วไปและชุมชนโดยรอบด้วย
โดยสถิติที่น่าสนใจของโครงการมูลค่าสูงถึง 5.5 หมื่นล้านอย่างไอคอนสยามตลอด 1 ปีที่ผ่านมา มีดังนี้
- ทราฟิกผู้ใช้บริการเฉลี่ยอยู่ที่ 8 หมื่น-1.2 แสนคน/วัน ช่วงเทศกาลมีทราฟิกผู้ใช้บริการอยู่ที่ 2 แสนคน/วัน และในวันเคานท์ดาวน์มีผู้ใช้บริการสูงถึง 3.5 แสนคน
- ร้านค้าที่มาเปิดสาขาที่ไอคอนสยามได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 40%
- สัดส่วนผู้มาใช้บริการเป็นชาวต่างชาติ 30-35% อันดับ 1 คือ จีน ตามมาด้วยเกาหลีและไต้หวัน, อินเดีย และกลุ่มประเทศ CLMV
- ยอดค่าใช้จ่ายของผู้ใช้บริการอยู่ที่ 1-1.5 หมื่นบาท/คน ร้านค้าขายดีอันดับ 1 คือ JD Sports
“ไอคอนสยามเกิดขึ้นจากปณิธานของบริษัทไทย 3 บริษัท คือ สยามพิวรรธน์, เครือเจริญโภคภัณฑ์ และแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น ที่ให้คำมั่นว่าจะเป็นโครงการที่นำชื่อเสียงของไทยไปสู่เวทีโลก และเมื่อ 7 ปีก่อนได้ลงนามพัฒนาพื้นที่ 50 ไร่ขึ้นในบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี
“ความสำเร็จในวันนี้ไม่ได้เกิดจากเราคนเดียว แต่เกิดจากการขอความรู้ ความร่วมมือจากคนไทยทุกคนที่เป็นเจ้าของแม่น้ำเจ้าพระยา ผู้ประกอบการ ชุมชน ว่าเราควรทำโครงการให้คนทั่วโลกต้องหันกลับมามองพื้นที่ตรงนี้อีกครั้งหนึ่งได้อย่างไร”
ชฎาทิพ ระบุว่า ในช่วงเริ่มต้น เราได้ประกาศว่าจะทำให้เกิด 7 สิ่งมหัศจรรย์ขึ้นที่ไอคอนสยาม แม้เป็นภารกิจที่ยากและถูกตั้งคำถามมากมาย แต่ขณะนี้เราพิสูจน์แล้วว่าเราได้ทำให้ทั้ง 7 สิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมสู่สายตาชาวโลก และได้มอบประโยชน์มากมาย ซึ่งทั้ง 7 สิ่งมหัศจรรย์ ได้แก่
1.การสละพื้นที่ 10,000 ตารางเมตรของไอคอนสยามเป็นโซนริเวอร์ พาร์ค ซึ่งวันนี้ริเวอร์ พาร์คได้กลายเป็นพื้นที่สำคัญที่ชุมชนสามารถใช้ประโยชน์ได้ ทั้งยังมีการใช้พื้นที่ในการจัดประเพณีไทยตลอด 12 เดือน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
2.การนำแอทแทรคชั่นระดับเวิลด์คลาสอย่างการแสดงระบำสายน้ำ แสง สี เสียง มัลติมีเดีย มาไว้ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว และเป็นที่กล่าวขวัญกันในวงกว้าง
3.รถไฟฟ้าสายสีทอง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ภาคเอกชนลงทุนเพื่อเชื่อมระบบขนส่งคือ รถ-ราง-น้ำ เข้าไว้ด้วยกันอย่างเป็นรูปธรรม โดยตั้งเป้าเปิดให้บริการกลางปี 2563 ทั้งนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีทองนอกจากจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในย่านนี้แล้ว ยังส่งผลให้ราคาที่ดินโดยรอบพุ่งขึ้น 2-3 เท่า มีผู้ประกอบการสนใจสนใจมาลงทุนในทำเลนี้
4.โซนสุขสยาม ที่รวบรวมความเป็นไทย 77 จังหวัดมาไว้ในโซนนี้ ทำให้ศิลปิน ช่างฝีมือ และวิสาหกิจชุมชนจำนวนมากที่ไม่มีโอกาสได้ทำการค้าขายในกรุงเทพฯ ได้เข้ามาทำการค้าขายบนเวทีที่มีศักยภาพ ซึ่งในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา โซนนี้สามารถดึงดูดคนได้ 5-7 หมื่นคน/วัน สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการ และหลายรายมีโอกาสต่อยอดขยายธุรกิจไปต่างประเทศ
5.ปรากฏการณ์รวมโลกในรอยไทย ที่ได้รวบรวมผลงานของศิลปินไทยระดับอาจารย์ ศิลปินแห่งชาติ ศิลปินท้องถิ่นจากทั่วประเทศ รวมถึงผลงานของศิลปินต่างชาติ มาแสดงในพื้นที่ต่างๆ ทั่วทั้งโครงการ ทำให้ผลงานของศิลปินเหล่านี้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลก ศิลปินหลายคนเป็นที่รู้จักและได้รับงานมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
6.ทรู ไอคอน ฮอลล์ ศูนย์การประชุมขนาด 2,700 ที่นั่งบนชั้น 7 ของไอคอนสยาม มาพร้อมเทคโนโลยีชั้นยอดที่นอกจากรองรับการจัดประชุมแล้วยังสามารถรองรับโชว์ต่างๆ ที่มีชื่อเสียงได้ ทั้งยังส่งเสริมอุตสาหกรรม MICE ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มาประชุมมียอดค่าใช้จ่ายสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 พฤศจิกายนนี้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมียอดจองใช้สถานที่เต็มตลอด 12 เดือนล่วงหน้าแล้ว
7.ริเวอร์ มิวเซียม แบงค็อก พื้นที่ศิลปะและพิพิธภัณฑ์ ซึ่งได้เปิดเฟสแรก “ไอคอนสยาม อาร์ท สเปซ” ไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเวทีให้ศิลปินไทยได้มีพื้นที่แสดงผลงาน โดยเพียง 20 วันที่เปิดบริการ มีผู้เข้าชมแล้ว 1 แสนคน และหลังจากนี้จะเปิดเฟสสองคือ ริเวอร์ มิวเซียม ฮอลล์ พื้นที่สำหรับการจัดงานแสดงสำคัญจากทั่วโลก และส่วนสุดท้ายคือริเวอร์ มิวเซียม แบงค็อก ซึ่งจะเป็นพิพิธภัณฑ์ระดับโลกแห่งแรกในไทย ตั้งเป้าเปิดให้บริการในปลายปี 2563
“ทุกสิ่งที่เราประกาศไว้ เราทำสำเร็จแล้ว และได้ร่วมมอบประโยชน์ให้คนในสังคมทั่วไปและชุมชนด้วย” ชฎาทิพกล่าว
แม่ทัพหญิงแห่งสยามพิวรรธน์ยังกล่าวอีกว่า ในเชิงธุรกิจ การข้ามแม่น้ำมาฝั่งธนฯ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยความเชื่อมั่นในสยามพิวรรธน์และประเทศไทย ทำให้ภาคเอกชนกล้าเข้ามาลุยตลาดฝั่งนี้ โดยไอคอนสยามสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติผ่านการลงทุนเปิดธุรกิจร้านต่างๆ ในโครงการเป็นมูลค่ากว่า 5 พันล้านบาท นอกจากนี้ ไอคอนสยามยังทำให้เกิดการจ้างงานกว่า 3 แสนตำแหน่ง สร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจไทย
“หนึ่งปีที่ผ่านมาเราทุ่มทำการตลาดตั้งแต่วันแรก และตลอดปีก็มีทราฟิกที่ดี หลายแบรนด์ที่มาเปิดร้านที่นี่สามารถทำยอดขายได้เป็นอันดับ 1 หรือ 2 รองจากสาขาสยามพารากอน นอกจากนี้เรายังเป็นแม็กเน็ตอันดับ 1 ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว ยิ่งไปกว่านั้น นักพัฒนาอสังหาฯ ยังได้ยกให้ไอคอนสยามเป็นกรณีศึกษาถึงการปรับเปลี่ยนให้ทุกอย่างมารวมอยู่ในรีเทลแล้วได้รับการตอบรับดี และท้ายที่สุดคือการมอบพื้นที่ 30% ของไอคอนสยามให้เป็นพื้นที่ค้าขายของผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งเป็นการสร้างระบบนิเวศให้ระบบเศรษฐกิจไทย สร้างความมั่นคงยั่งยืนให้กับประเทศ”
ชฎาทิพ กล่าวว่า ไอคอนสยามยังเดินหน้าสานต่อความสำเร็จ โดยจะใช้งบประมาณกว่า 300 ล้านบาท ในการช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม สำหรับจัดอีเวนต์ 10 งานในธีม The Great Iconic Celebration เพื่อฉลองครบรอบ 1 ปี และฉลองเทศกาลแห่งความสุขช่วงท้ายปี โดยตั้งเป้านักท่องเที่ยวที่เดินทางมางานเคานท์ดาวน์ที่ไอคอนสยามในปีนี้อยู่ที่ 3-4 แสนคน
Forbes Facts
- ปัจจุบันโรงแรม 40 แห่งในบริเวณโดยรอบไอคอนสยามถูกจองเต็มเรียบร้อยแล้วในคืนเคานท์ดาวน์ปีนี้
- บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า ช่วงระยะเวลา 5 ปีของการพัฒนาโครงการไอคอนสยามจนแล้วเสร็จ ที่ดินบริเวณถนนเจริญนครใกล้กับไอคอนสยามมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า จากตารางวาละ 1.5-2 แสนบาท เป็น 3-4.5 แสนบาท
- ราคาคอนโดมิเนียมในย่านนี้เติบโต 8-10% ต่อปี ซึ่งถือว่าสูงหากเทียบกับทำเลอื่นๆ ขณะที่คอนโดมิเนียมโครงการใหม่หลายแห่งสามารถขายหมดได้ในระยะเวลาไม่กี่เดือน แม้ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะซบเซาก็ตาม
- ด้านสมาคมการค้าธุรกิจในแม่น้ำเจ้าพระยา เผยว่า ภาพรวมธุรกิจในแม่น้ำเจ้าพระยามีการเติบโตขึ้นกว่า 20% ขณะที่เรือด่วนและเรือท่องเที่ยวมีผู้สัญจรทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นวันละ 1 หมื่นคน จากปกติอยู่ที่ 4-5 หมื่นคน/วัน
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine